หลากรุ่นหลากทางเลือก เท่ากับผู้ซื้อมีสิทธิ์ที่จะเลือกมากยิ่งขึ้น และถ้าวันนี้ใครกำลังคิดจะซื้อเจ้ารถเหล่านี้เรามี บทวิเคราะห์ของทั้ง 5 รุ่นแบบสั้นๆ ที่คุณอาจจะอยากรู้ หลากเรื่องจริงที่มีรถเหล่านี้
1. Nissan March
คันนี้ ต้องเรียกว่าเป็นคันแรกของ "อีโค่คาร์" ที่แม้จะโดนคู่แข่งมาสัมทับ แต่ก็ยังขายไปได้เรื่อยๆ ด้วยกระแสที่มาแรงติดตา และของเล่นพวกของแต่งเยอะขึ้นเป็นเงาตามตัวแถมความประหยัดน้ำมันก็ใช้น้อยทำให้ Nissan March ยังยืนได้บนเวทีนี้
ถึงจะมานานเมื่อเทียบกับรายอื่นๆ แต่เรื่องของจุดเด่นรถคันนี้อยู่ที่การออกแบบที่ลงตัวได้ ทั้งภายนอกและภายใน
- ที่เพิ่งเพิ่มเบาะแบบพับได้ 60/40 เข้ามา
- พร้อมกับ"น้องม่วง" สีใหม่ที่น่าจะโดนใจใครหลายคนใช่น้อย
- รวมถึงโปรโมชั่นที่มาต่อเนื่อง และ
- เรื่องการบริการหลังการขายที่ค่อนข้างครอบคลุมอยู่แล้ว
2. Honda Brio
ตามมาเป็นค่ายที่ 2 ของตลาดที่หวังมาปลุกปั้นสาวกให้หันมาประหยัด และ Brio เองก็ทำตามโจทย์นั้น ได้ดีพอสมควร สิ่งที่ดีใน Honda Brio คือสมรรถนะการขับขี่ของเครื่้อง 1.2 ลิตร ให้กำลังถึง 90 แรงม้า กับเครื่อง 4 สูบแถวเรียง ทำให้หลายคนยากที่จะอดใจ เช่นเดียวกับระบบกันสะเทือนที่ตอบสนองได้จนลงตัว
อย่างไรก็ดี Brio ก็เจอเรือนขลุกขลักด้านการออกแบบ เช่น
- ความไม่กลมกลืนด้านหน้ากับด้านท้าย
- หรือที่โดนหนัก คือกระจกหลังบานใหญ่ ให้ความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัย
- แถมไม่มีฟังชั่นไล่ฝ้าและปัดน้ำฝนหลังทำให้เป็นอุปสรรคในการขับขี่ โดยเฉพาะยามฝนตก
- แถมล็อคความเร็วที่ 140 ก.ม./ช.ม. ด้วย
3. Nissan Almera
อาจจะเรียกว่ามีดีแทบทุกด้านสำหรับคันนี้ ทั้งเรือนร่างที่ใหญ่เทียบใกล้เคียงคอมแพ็คคาร์ ที่สร้างความแตกต่างไม่เหมือนใคร ในเรือนร่างแบบ 4 ประตู และเป็นรุ่นเดียวที่มีในตลาดตอนนี้ ซึ่งเป็น
เครื่องยนต์ที่อาจจะยกของ March มาใช้ แต่การพ่วงระบบ Idlig Stop ก็ทำให้มันลงตัวมากยิ่งในเรื่องความประหยัด แต่เทคโนโลยีนี้ก็กลายเป็นดาบ 2 คม เพราะมีหลายคนหวั่นใจว่า ความสบายจะขาด หรืออาจจะไม่เหมาะกับเมืองไทยก็ได้
จากที่ทดลองขับจริง Nissan Almera ค่อนข้างตอบโจทย์ เรื่องการใช้งานพอสมควร รถมีความลงตัวอย่างพอดีพอดี เรื่องที่หลายคนเกี่ยวกับความทรงพลัง อาจจะไม่ได้ปรู๊ดปร๊าด แต่ถือว่าเพียงพอที่จะใช้งานจริงพร้อมความประหยัด ในส่วนของเบาะหลังคนตัวสูงนั่งได้สบายอาจจะมีปัญหาบ้างในเรื่องของพื้นที่เหนือหัว แต่เรืองความกว้างขวางในหมู่อีโค่คาร์คันนี้ต้องยกให้เป็นที่หนึ่งกันเลย
อย่างไรก็ดีเราพบเรื่องละเอียดอ่อนอยู่บ้างในคันนี้ นั่นคือเรื่องของความเบาของตัวรถที่อาจจะเป็นปัญหายามที่เราขับกันเร็ว-เร็วสูง เพราะความยาวของฐานล้อจะทำให้รู้สึกว่าท้ายดิ้นแ ต่ทั้งหมดนั้นควบคุมได้ไม่เกินความสามารถของช่วงล่างที่นุ่มและหนึบไปพร้อมกัน
คันนี้ ได้รับความสนใจกันอย่างล้นหลาม จนหลายคนถามไถ่กันมาโดยตลอด เพราะนี่คืออีโค่คาร์ที่จับร่างของซิตี้คาร์ หรือซับคอมแพ็คคาร์ B (B Segement sub-compact car) มาลงตลาด
ด้วยเรือนร่างที่พอคุ้นหน้าตาอัพเดทความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ทำให้รถรุ่นนี้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้นในหลายๆ ด้าน ทั้งความใหญ่ของตัวรถ และที่โดดเด่นสุดคือความสปอร์ตของตัวรถ ในการออกแบบที่โดนใจหลายคน จนบางคนตั้งใจออกไปแต่งเป็นรถ Mini กันเลย
ข้อดีของ Swift จากที่ขับจริง เราพบว่า รถคันนี้มีการตอบสนองหลายๆ อย่างได้ลงตัว เช่น
- กำลังเครื่องที่เท่า Brio แม้จะมีขนาดใหญ่กว่า แต่ด้วยระบบวาล์แปรผันคู่ก็ทำให้มันตอบสนองได้ดี
- ช่วงล่างก็อออกแบบมาลงตัวเป็นอย่างยิ่งหนึบแน่นในสไตล์ของรถยุโรป จนเรียกว่าอาจจะลงตัวทุกอย่าง
อย่างไรก็ดี เราพบว่าใน Swift อาจจะดูดีในหลายๆ ด้าน แต่เรื่องประหยัดอาจจะทำให้ต้องคิดหนัก โดยในการทดสอบรุ่นท๊อป เราขับขี่ในเมืองสภาวะรถติดหนักสุดๆ ได้ 11.6 ก.ม./ลิตร แต่ยังดีที่นอกเมืองตีตื้นมาที่ 15.8 ก.ม./ลิตร ในการเดินทางความเร็ว 115 ก.ม./ช.ม. แต่ถ้ามองว่าเจ้ารถประเภทนี้เกิดมาขับในเมืองคงต้องยอมรับว่า มันอาจจะดูสวย แต่ประหยัดอาจจะต้องทำใจเล็กๆ เช่นเดียวกับศูนย์บริการที่ยังไม่มากมายนักแต่ suzuki ก็กำลังเร่งขยายอยู่
5. Mitsubishi Mirage
คันนี้หมายมั่นปั้นมือมาอย่างลงตัว และมันทำได้ดีพอสมควร ด้วยการลงตลาดอย่างเป็นทางการของ Mitsubihi Mirage ซึ่งออกแบบได้อย่างลงตัวมีเอกลักษณ์ความสปอร์ตอย่างเต็มเปี่ยม แต่อาจจะมาสะดุดตรงบั้นท้ายเล็กๆ น้อย ที่ไฟท้ายของมันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่ก็ปลอบใจด้วยกันชนที่เอาหลักอากาศพลศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องทำให้มันค่อนข้างตอบสนองได้ดีและลงตัวไม่น้อยในการขับขี่ที่มีสเถียรภาพสูง
เรื่องเครื่องยนต์ก็ประหยัดดี ซึ่งจากการขับทดสอบเราได้อัตราประหยัดนอกเมืองที่ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. ที่ 16.98 ก.ม./ลิตร ในการเดินทาง รวมถึงช่วงล่างของรถคันนี้ตอบสนองได้ดี การโดยสารก็โอเคไม่สั่นสะเทืนมากทางด้านหน้า ด้านหลังคนสูงใหญ่ก้นั่งได้พอดีๆ แค่อาจจะเข่าชิดเฉยๆ แต่ที่ดูเหมือนเป็นจุดอ่อนคือเรื่องของยาง ที่แม้จะให้ยางประหยัดน้ำมันมา แต่การมาขนาดเดียวทุกรุ่นที่ให้ 165/65/R14 ก็อาจจะทำให้มันตอบสนองไม่ดีเท่าที่ควร เช่น ยามฉุกเฉิน ทั้งที่ช่วงล่างของมันทำได้ดีมากจนต้องยกนิ้วให้ เรียกง่ายๆ ว่าเปลี่ยนยางแล้วขับดีขึ้นกว่านี้อีกแน่นอน
ทั้งหมดที่พูดมานี้คือการวิเคราะห์จากเราเกี่ยวกับ "อีโค่คาร์" ที่วางขายในตลาดทั้งรุ่น ที่หลายคนกำลังสนใจ ส่วนที่เหลือนั้นคุณเองต้องลองมองออพชัน แล้วคิดตามว่าราคาที่ค่ายรถนำเสนอคุ้มค่าที่จะจ่ายหรือไม่ ในแบบที่คุณต้องใช้งาน
แหล่งที่มา เว็บไซต์สนุกดอทคอม 18 มิ.ย. 55 เวลา 14.35 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น