วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561

อย่าลืมเด็กไว้ในรถ

อย่าลืมเด็กไว้ในรถ
แม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ

เด็กไม่ได้เสียชีวิต
จากขาดอากาศหายใจ
แต่จากความร้อนในรถ

แค่ 2 ชั่วโมง
เด็กก็เสียชีวิตได้

5 นาที 
อุณหภูมิในรถจะสูงขึ้นต่อเนื่อง

10 นาที 
ร่างกายขับเหงื่อออก
เพื่อกำจัดความร้อน
ในร่างกาย

30 นาที 
อุณหภูมิในรถอาจสูงถึง
49 องศาเซลเซียส
ทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด
สมองบวม หมดสติ ช็อก
อาจหยุดหายใจ
และอวัยวะต่างๆ หยุดทำงาน
เสี่ยงต่อการเสียชีวิต

ที่มา : รศ.นพ.อดิศักดิ์  ผลิตผลการพิพม์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

แหล่งที่มา : Line Ramathibodi

รู้ทัน...ป้องกันข้อเข่าเสื่อม

“จะลุกก็โอย จะนั่งก็โอย” 

คุณรู้หรือไม่ว่า 
อาการเหล่านี้
คือสัญญาณเตือนว่า
ข้อเข่าต้องการความช่วยเหลือ? 

ต้องบอกว่า ‘เข่า’ เป็นอวัยวะสำคัญ
ในการรับน้ำหนักตัวและเคลื่อนไหว
ของร่างกาย เมื่อใดที่เข่าเริ่มมีความ
เจ็บปวดเข้ามาเตือนนั่นอาจเป็น
สัญญาณของ “โรคข้อเข่าเสื่อม”

ซึ่งเกิดจากกระดูกอ่อนที่ทำหน้าที่
เสมือนกันชนรองรับน้ำหนักและ
แรงกดกระแทกของร่างกาย
เสื่อมสภาพลงจนบางมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้กระดูกในข้อเข่าเสียดสีกัน
จนเป็นสาเหตุของอาการปวดและอักเสบ

อาการนี้เองที่ทำให้ไม่ค่อยแฮปปี้
กับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันกันมากนัก

รองศาสตราจารย์ นพ.ปัญญา ไข่มุก
คณะกรรมการกองทุน สสส.
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก
ข้อ และวิทยาศาสตร์การกีฬา
บอกกับเราว่า

ข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคด้านข้อ
อันดับ 1 ของคนไทย
ที่พบในวัยเก๋าอายุ 55 ปีขึ้นไป
แต่สามารถมีอาการนี้ก่อนวัยได้เช่นกัน

สาเหตุนั้นมีได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
1.ไลฟ์สไตล์ที่ชอบงอเข่าเกิน 90 องศา
ไม่ว่าจะเป็นนั่งขัดสมาธิ นั่งยองๆ
หรือคลานเข่า ที่ทำให้เกิดแรงบีบ
กระแทกบริเวณเข่า และหากทำ
ต่อเนื่องนานๆ กระดูกของเราก็จะสึกไวขึ้น

2.น้ำหนักตัวที่มาก
เพราะข้อเข่าเป็นส่วนที่รองรับน้ำหนักตัวของเราไว้

3.พันธุกรรมและการเคยได้รับบาดเจ็บรุนแรง

แล้วอาการของโรคหล่ะ เป็นอย่างไร?
หลายคนอาจจะคิดว่า
ถ้ามีเสียงดังกร๊อบแกร๊บเวลาขยับ
น่าจะเป็นสัญญาณของโรคข้อเข่าเสื่อม

แต่จริงๆแล้ว ข้อเข่าเสื่อมจะไม่เสียง
มีเพียงความรู้สึกฝืดๆ ภายในข้อ
มีอาการปวดและเจ็บเวลาเคลื่อนไหว
เหยียดข้อได้ไม่สุด ปวดเข่า ตึงน่อง
เมื่อยน่อง เข่าบวม เดินแล้วไม่มั่นคง
รู้สึกเหมือนเข่าหลวม
จนกระทั่งเข่าโก่งผิดรูป
หากโก่งมากแพทย์อาจให้รักษา
ด้วยการผ่าตัดข้อเข่าเทียม

เราจะรู้ทัน...ป้องกัน 
‘ข้อเข่าเสื่อม’ อย่างไรบ้าง ?
จะวัยเก๋าหรือวัยไหนๆ
ก็สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดข้อเข่าเสื่อมได้
โดยการ…

1. เติมวิตามินดีและแคลเซียม
เพิ่มความแข็งแรงให้กระดูก
จากอาหารที่กินในประจำวัน

เช่น ซุปน้ำต้มกระดูก
ปลาเล็กปลาน้อย นม
โยเกิร์ต พืชผักใบเขียว
ถั่วเหลือง เต้าหู้ เป็นต้น

โดยที่ร่างกายจะใช้วิตามินดี
จากการกิน20% ส่วนอีก 80%
มาจากการรับแสงแดดก่อน 8 โมงเช้า
และหลัง 4 โมงเย็น วิตามินจะถูกเก็บเอาไว้ใช้
เมื่อแคลเซียมที่ได้จากการกินหมดลง

2.ออกกำลังกายเพิ่มความกระฉับกระเฉง
อย่างการยืนแกว่งแขน เดิน เต้นแอโรบิค
ปั่นจักรยาน หรือเพียงแค่ทำงานบ้าน
หรือขึ้นลงบันไดก็ถือเป็นหนึ่งในการใช้กล้ามเนื้อแล้ว

3.ลดสาเหตุการเกิดข้อเข่าเสื่อม
ด้วยการ ควบคุมน้ำหนักตัว
ให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอดี

ไม่ต้องผอม
แต่ก็ไม่ควรอ้วนลงพุง

ปรับไลฟ์สไตล์ใหม่
ทั้งไม่นั่งงอเข่าเกิน 90 องศา
ไม่อยู่ในท่าที่ทำให้ข้อเข่า
ต้องรับแรงอัดกระแทกหนักๆ

เพียงเท่านี้
ก็ยืดเวลาที่ลุกก็โอย
นั่งก็โอย
ก่อนที่จะถึงวัยแล้วนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : กิจกรรมห้องเรียนสูงวัยกายใจยังสุข ตอนรู้ทัน ป้องกัน “ข้อเข่าเสื่อม” วันที่ 21 กรกฎาคม 2561 

แหล่งที่มา  : จาก SOOK By สสส.

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ทำอย่างไร? หากสงสัยว่าแพ้ยา

หากสงสัยว่ามีอาการแพ้ยา
ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ต้านภูมิแพ้เพื่อวินิจฉัยว่า
แพ้ยาจริงหรือไม่

เมื่อพบว่าแพ้ยา
แพทย์จะเลือกยาอื่น
ที่เหมาะสมทดแทน

การแพ้ยา
ไม่ได้เกิดกับผู้ป่วยทุกราย

หากได้รับยาใดๆ และ
มีผื่นลมพัษเฉียบพลันทั่วตัว
ตาบวม ปากบวม หอบเหนื่อย
มีแผลในปาก เจ็บตา ตาแดง
มีไข้ ตับอักเสบ หรือ
มีผื่นผิวหนังรุนแรงผิดปกติ
ควรจะ...
.....ให้หยุดยาทันที

.....ถ่ายรูปอาการ
ที่พบในระยะแรก

.....นำยาที่ใช้ทั้งหมด
พร้อมฉลากและชื่อยา
มาพบแพทย์ด้านภูมิแพ้


เมื่อมีประวัติการแพ้ยา
- จดจำชื่อยาและอาการที่พบ
- พกบัตรแพ้ยาติดตัวเสมอ
- ยื่นแสดงบัตรหรือแจ้งชื่อยา
ที่แพ้แก่แพทย์ และเภสัชกรทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการใช้ยา
หรือกลุ่มยาที่เคยแพ้

ที่มา  :  รศ.นพ.เจตทะนง  แกล้วสงคราม

แหล่งที่มา : Line chulahospital

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561

3 อ. สร้างสุขภาพดีผู้สูงอายุ

...สูงวัยสุขภาพดี คุณออกแบบได้... 
อายุที่มากขึ้นย่อมตามมา
ด้วยความเสื่อมถอยของร่างกาย

แต่การดูแลตัวเองอย่างดี
อาจช่วยชะลอความเสื่อมนั้นได้

ผู้สูงอายุหรือผู้ที่กำลังย่างเข้าสู่วัยสูงอายุ
สามารถสร้างสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ
ได้ง่ายๆ ด้วยหลัก 3 อ. สร้างสุขภาพดีสูงวัย ...ดังนี้

อ. อาหาร 
ผู้สูงอายุเป็นวัยที่ร่างกายเจริญเติบโตสูงสุด
และเกิดความเสื่อมได้มากกว่าวัยอื่น

การเลือกอาหารผู้สูงอายุอย่างถูกวิธี
และเหมาะสมจะช่วยให้ร่างกาย
ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและ
ชะลอให้ร่างกายไม่ทรุดโทรม
ก่อนเวลาอันควร

เน้นอาหารที่มีประโยชน์
แต่ให้พลังงานต่ำ

กินอาหารที่มีกากใยสูง
เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวโอ๊ต
ถั่วชนิดต่างๆ และดื่มน้ำให้เพียงพอ

อ.ออกกำลังกาย 
ความเสื่อมมักมาคู่กับวัยที่สูงขึ้น
การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ
จึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ

เพราะถ้าร่างกายแข็งแรง
อาจช่วยชะลอโรค
ชะลอความเสื่อมของร่างกายได้

แนะนำการออกกำลังกาย
ที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ
สามารถทำเองได้ง่ายๆ
และไม่เสี่ยงอันตราย
คือ การเล่นโยคะหรือฤาษีดัดตน
หรือจะเป็นการแกว่งแขนและแกว่งขา

อ.อารมณ์ 
อารมณ์สูงวัยเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ!
การเปลี่ยนแปลงที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
คือ อาการซึมเศร้า เครียด วิตกกังวล
นอนไม่หลับ ภาวะสมองเสื่อม
รวมถึงกลุ่มอาการทางจิต
สุ่มเสี่ยงเกิดภาวะโรคซึมเศร้าได้

ข้อแนะนำผู้สูงอายุ คือ
ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง
และมองโลกในแง่บวก
แต่เหนือสิ่งใด
ความรักความอบอุ่น
ในครอบครัวคือสิ่งสำคัญ

...เพียงเท่านี้
คุณก็จะสูงวัยอย่างสตรอง 
สุขภาพแข็งแรง
ทั้ง กายใจ อย่างแน่นอน... 

ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ อยากมีสุขภาพดี ต้องมี 3 อ. จัดทำโดย โครงการจัดการความรู้สุขภาพผ่านสื่อและเทคโนโลยีออนไลน์มูลนิธิหมอชาวบ้าน 

แหล่งที่มา  ; าก SOOK By สสส.

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2561

สุขภาพดีหรือไม่...ดูได้จากสีของอุจจาระ

สุขภาพดีหรือไม่...ดูได้จากสีของอุจจาระ

สีของอุจจาระคุณเป็นแบบไหน?
สีปกติ
สีเหลือง สีน้ำตาล สีคล้ำ

สีผิดปกติ
สีเทา 
เสี่ยงเกิดภาวะ
ท่อน้ำดีอุดตัน

สีดำ
เลือดออกจาก
ทางเดินอาหารส่วนบน

มูกเลือดปน
มีการติดเชื้อหรือ
เป็นแผลอักเสบรุนแรง
ในทางเดินอาหาร

สีแดง
เลือดออกจาก
ทางเดินอาหารส่วนล่าง

ควรก้มและสังเกตลักษณะ
สี และสิ่งผิดปกติของ
อุจจาระเป็นประจำ
เพื่อสุขภาพของตนเอง

ที่มา : รศ.นพ.มงคล  คุณากร สาขาวิชาพญาธิวิทยาคลินิก ภาควิชาพญาธิวิทยา 
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

แหล่งที่มา : Line Ramathibodi

รู้และเข้าใจ โรคที่มาพร้อมกับวัยที่เพิ่มขึ้น

คุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงวัยสร้างได้
...ถ้ารู้จักและเข้าใจโรคที่มาพร้อมกับวัยที่เพิ่มขึ้น..

ก่อนอื่นต้องบอกว่า...
ร่างกายคนเราชราลงไม่เท่ากัน
จะดูที่อายุอย่างเดียวคงไม่ได้

ส่วนใหญ่การเสื่อมถอยของร่างกาย
มักจะเริ่มเมื่ออายุย่างเข้า 40

แต่ความเร็วช้าของการเสื่อมถอย
ในแต่ละคนย่อมต่างกัน

ยิ่งเราดูแลตัวเองดีแค่ไหน
ความสึกหรอที่มาพร้อมกับวัย
ก็จะยิ่งช้าลงไปเท่านั้น

โรคภัยไข้เจ็บในกลุ่มผู้สูงอายุ
แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ
นั่นคือ
กลุ่มของโรคที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น เช่น
โรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือด
และกลุ่มของโรคที่เกิดเฉพาะในผู้สูงวัยเท่านั้น
เช่น โรคกระดูกพรุน และภาวะสมองเสื่อม

1. โรคในหลอดเลือด
กลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือด
เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
โรคหลอดเลือดหัวใจ

และโรคหลอดเลือดในสมองนั้น
ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอายุโดยตรง
แต่เป็นผลมาจากการละเลย
การดูแลสุขภาพเป็นเวลานาน

ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม
หรือการขาดการออกกำลังกาย
จนทำให้เกิดการสั่งสมของน้ำตาลและ
คอเลสเตอรอลในกระแสเลือด

ซึ่งการลดความเสี่ยงของโรคกลุ่มนี้
สามารถทำได้โดยการไม่รับประทานอาหาร
จำพวกแป้งหรือไขมันมากเกินไป
และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ผู้สูงอายุที่มีอาการของโรคเหล่านี้
ควรเลือกรับประทานโปรตีนจาก
ถั่วหรือปลาแทนที่จะเป็นเนื้อ หมู ไก่

เพราะใยอาหารจากถั่ว
จะช่วยในเรื่องการขับถ่าย
ทำให้ร่างกายระบายคอเลสเตอรอล
และจัดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น

ส่วนปลาก็มีไขมันที่เรียกว่าโอเมก้าสาม
ซึ่งเป็นไขมันดีที่เชื่อว่าสามารถช่วย
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้อีกด้วย

2. โรคของกระดูก
อายุที่มากขึ้นส่งผลให้ความหนาแน่น
ของกระดูกเบาบางลงจนเปราะหักได้ง่าย
และกลายเป็นโรคกระดูกพรุนในที่สุด

ผู้หญิงควรระวังโรคนี้เป็นพิเศษ
เพราะมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย

อันตรายของโรคกระดูกพรุนคือ
โรคนี้แทบไม่มีสัญญาณบ่งชี้
จนกระทั่งเกิดหกล้ม
กระดูกหักขึ้นมาจึงจะรู้อาการ

ฉะนั้นแล้วการบำรุงกระดูกตั้งแต่เนิ่นๆ
จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะจะช่วยลด
ความเสี่ยงและความรุนแรงของโรคได้เป็นอย่างดี

ดังนั้นผู้สูงอายุควรได้รับแคลเซียม
อย่างน้อยประมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน

นอกเหนือจากโรคที่มาพร้อมกับวัยที่สูงขึ้นแล้ว
อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องระวังคือ
ปริมาณยาที่ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ได้รับ
ก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น

ฉะนั้นแล้ว ผู้สูงอายุควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
ซึ่งอาจเป็นแพทย์หรือเภสัชกร
เพื่อดูยาทั้งหมดว่าชนิดใดจำเป็นหรือไม่

และสามารถรับประทานด้วยกันได้หรือเปล่า
นอกจากนี้ทุกครั้งที่ไปพบแพทย์
ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่ารับประทานยาอะไรอยู่
เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อน

…เพียงเท่านี้
รับรองว่าคนสูงวัย
สุขภาพดีทั้งกาย ทั้งใจ อย่างแน่นอน....

แหล่งที่มา  จาก SOOK By สสส.

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เคล็ดลับเช็คอัพสุขภาพด้วยตัวเองกับหลัก 5E

1E : Every Moment 
คือ การไม่สูบบุหรี่
ไม่ดื่มสุรา
ในทุกที่ทุกเวลา

2E : Every Day
คือ "นับก้าวทุกวัน"
ควรเดินไม่ต่ำกว่า 7,500 ก้าว
โดยใช้แอปพลิเคชั่น
เพื่อช่วยวัดจำนวนก้าวได้

3E : Every Week
คือ "ชั่งน้ำหนักทุกสัปดาห์"
ทุกสัปดาห์เลือกมา 1 วัน
ลองชั่งน้ำหนักตนเองตอนตื่นเช้า
และชั่งอีกครั้งในสัปดาห์ถัดไป
ด้วยชุดเดิมในเวลาเดิม
เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว

4E : Every Month
คือ "ความดันฯ ทุกเดือน"
วัดความดันโลหิตอย่างน้อยเดือนละครั้ง

5E : Every few Months
คือ "รอบเอวทุก 3 เดือน"
ทุก 2-3 เดือน วัดรอบเอว
ว่ามากขึ้นผิดปกติหรือไม่
โดยทั่วไป รอบเอวไม่ควรเกิน
ส่วนสูงหารด้วย 2

ที่มา  :  ผศ.นพ.สมเกียรติ  แสงวัฒนาโรจน์

แหล่งที่มา : Line chulahospital

เรื่องการพูด #18

"Story Telling (การเล่าเรื่อง) 
เป็นเรื่องสำคัญของการพูดและการเป็นวิทยากร"

เพราะคนส่วนใหญ่ต้องการรู้เรื่องของ...???

เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีมากใน
- การขึ้นต้นให้กระชากใจ
- ช่วงกลางกลมกลืนกับการขึ้นต้น
- และจบแบบประทับใจ
(สะเทือนเข้าไปในใจของผู้ฟัง)
เรื่องนี้จบด้วยการใช้เทคนิคอะไร เรามาเล่นสนุกกัน

ทายกันเข้ามา คือจบด้วยการ...?...
(2 พยางค์)

เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งใช้เวลา 30 ปี
เพื่อฆ่าสามีตัวเองถึง 3 คน
..สุดยอดแผนฆาตกรรม
ที่ต่อให้เธอสารภาพก็เอาผิดเธอไม่ได้ 
https://www.youtube.com/watch?v=A5Jyo3K1sA4

#ครูอ๊อฟNEXUP

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เรื่องการพูด #17

น้ำที่ใสบริสุทธิ์ 
เปรียบเสมือนการเริ่มต้น
เป็นนักพูดหรือวิทยากร 
ที่พร้อมจะเป็นผู้ให้อย่างบริสุทธิ์ใจ

วันเวลาผ่านไป
จนกระทั่งกลายเป็น
สุดยอดวิทยากร

สุดยอดวิทยากรที่แท้จริง
จะไม่เปลี่ยนการเป็น
ผู้ให้อย่างบริสุทธิ์ใจ เช่นเดิม

ถึงแม้ว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวจะเปลี่ยนไป
เหมือนกับความหนาวจัดที่อยู่รอบหยดน้ำ
แล้วทำให้หยดน้ำเปลี่ยนไปเป็นน้ำแข็ง

จุดยืนเดิมจะต้องคงอยู่ตลอดไป คือ

มี "จิตใจที่พร้อมจะเป็นผู้ให้อย่างบริสุทธิ์ใจตลอดไป"

#ครูอ๊อฟNEXUP

เรื่องการพูด #16

"พูดง่ายๆ ก็ได้ป่ะ
ไม่เห็นต้องพูดให้ยากเลย"

###คิดถึง###
คิดถึงก็บอกคิดถึง

วศินบอกกับอรุณา
เครดิต : ละครเมีย 2018

การสื่อการกับผู้ฟังใน
เรื่องของการพูดในที่สาธารณะ
ให้ใช้คำพูดที่เข้าใจง่ายๆ เพื่อเข้าถึงใจของผู้ฟัง
และเพิ่มภาษาที่ผู้ฟังคุ้นเคย
เช่นภาษาถิ่นหรือคำแสลงที่นิยมกันในช่วงนั้น
จะสร้างความคุ้นเคยและความประทับใจได้

เช่น
นกเลย (ผิดหวัง)
ลำใย (ลำคาญ)

เดินหน้าต่อไป เหล่าสุดยอดวิทยากร

#ครูอ๊อฟNEXUP

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ไม่พูดเยอะ "เจ็บคอ"

เจ็บคอ หรือ คออักเสบ 
อาจเกิดจากการติดเชื้อ

เชื้อไวรัส
ไอ
จาม
คัดจมูก
น้ำมูกใส

ไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะ
มักหายภายใน 7-14 วัน
ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน

เชื้อแบคทีเรีย
ไม่ไอ
ไม่มีน้ำมูก
มีจุดหนองที่ต่อมทอนซิล
ลิ้นไก่บวมแดง
ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ

แพทย์อาจพิจารณา
ใช้ยาปฏิชีวนะ

ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดและรสจัด
พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ
หากมีไข้สูง ซึม เหนื่อย อ่อนเพลีย
กินได้น้อย ควรมาพบแพทย์

ที่มา : อาจารย์ แพทย์หญิงนวรัตน์  อภิรักษ์กิตติกุล
ภาควิชาโสต คอ นาสิกวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

แหล่งที่มา : Line Ramathibodi

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ป้องกัน "โรคอ้วนในเด็ก"

ป้องกัน "โรคอ้วนในเด็ก" 
ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

- สอนเด็กให้มีวินัยในการกิน
กินอาหารเป็นเวลา
เคี้ยวอาหารให้ละเอียด
และกินแค่พออิ่ม

- ส่งเสริมให้ทารกดื่มนมแม่
นานอย่างน้อย 6 เดือน

- ไม่ซื้อขนม นม
และอาหารสะสมไว้ในบ้าน

- ฝึกให้กินอาหารรสธรรมชาติ
ไม่หวานจัด มันจัด และเค็มจัด

- หลีกเลี่ยงการกินอาหารนอกบ้าน
หรืออาหารจานด่วน

- สอนเด็กบริโภคผักและผลไม้
ให้เป็นนิสัยแทนขนม
และเครื่องดื่มรสหวาน

- ลดกิจกรรมที่อยู่นิ่งๆ เช่น
การดูโทรทัศน์
หรือเล่นสมาร์ทโฟน

- ให้ลูกดื่มนมแต่พอดี

- สร้างนิสัยการออกกำลังกาย
และการเล่นกีฬา เช่น
การทำงานบ้านร่วมกับครอบครัว
เดิน ขี่จักรยาน เป็นต้น

ที่มา  :  อ.พญ.อรภา  สุธีโรจน์ตระกูล

แหล่งที่มา : Line chulahospital

เรื่องการพูด #15

"ทักษะการพูดที่ดี 
ต้องมีภาษากายด้วย 
เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ฟัง"

การพูดที่ใช้การบรรยายอย่างเดียว
ทำให้ผู้ฟังเบื่อได้
ถ้าใช้เวลานานหรือ
เนื้อหาไม่น่าสนใจ

เราสามารถสร้างความโดดเด่น
ของคำพูดเราได้ โดยใช้มือ
สีหน้า ท่าทาง ฯลฯ ประกอบการพูด

ที่เราเรียกรวมๆว่าภาษากาย
มาเสริมความหนักแน่น
ของคำพูดเราให้ดึงดูดใจคนได้

สุดยอดวิทยากรทุกท่าน
วันนี้คุณใช้ภาษากายแล้วหรือยัง ???

ครูอ๊อฟNEXUP

เรื่องการพูด #14

บทบาทพิธีกร 
เป็นผู้สร้างบรรยายกาศ
ให้ตรงกับงาน

งานจับรางวัล 10 ล้านบาท
สำหรับผู้โชคดีทายผลบอลโลก
ผู้จับรางวัลคือ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส
ประจำประเทศไทย

พิธีกรพูดเชียร์และ
ลำดับเหตุการณ์
ได้สนุก เร้าใจ และตื่นเต้น

มีการทิ้งจังหวะการพูด
พูดทวนเงินรางวัล
(เป็นเนื้อหาสำคัญ)
และประกาศชื่อผู้โชคดี
ได้อย่างสนุกสนาน

เป็นตัวอย่างที่ดี
สำหรับการเป็นพิธีกร
งานสนุกๆ แบบนี้ครับ

Set Up ตัวเองก่อนขึ้นเวที
ว่าเราจะเป็นอะไร
และเป็นงานอะไรครับ 
เหล่าสุดยอดวิทยากรของพวกเรา

#ครูอ๊อฟNEXUP

เรื่องการพูด #13

"การเรียนรู้จากผู้เรียนในห้องสัมมนาด้วยกัน 
เป็นอีก 1 วิธีในการประสบความสำเร็จ
ในการพูดต่อหน้าชุมชน" 

 เวทีฝึกฝนเป็นกิจกรรมที่จำเป็น
สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นวิทยากร

เราสามารถเรียนรู้เทคนิค
วิธีการของผู้อื่นได้

เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีดีในตัว
เราจับจุดดีจุดเด่นของผู้อื่น
แล้วมาปรับใช้ในตัวเรา

ที่เป็นเรา
 ฝึกฝนเป็นประจำ
แล้วท่านจะเป็นสุดยอดวิทยากร

 #ครูอ๊อฟNEXUP

เรื่องการพูด #12

Sketchnote

ภาคต่อสำหรับการจดบันทึกด้วยรูปภาพ ที่เชื่อมโยงกัน

สำหรับผู้ฟัง
- ฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์
แล้วจับเฉพาะประเด็นสำคัญๆ

- วาดรูปแบบง่ายๆในเรื่องนั้นๆ
(ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สวย)
วาดไปก่อน แล้วค่อยมาเติมเต็มทีหลัง

- ประมวลผล
เพื่อเชื่อมโยงรูปภาพเข้าหากัน

เช่น มีข้อมูลมาว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศไทย
ไม่ชอบเรื่องการพูดในที่สาธารณะ

อันดับแรกว่ารูปแผนที่ประเทศไทย
คนพูดกับคนฟังเยอะในแผนที่
และวาดความประหม่าไปที่ตัวคนพูด
โดยที่ยังไม่ต้องใส่ตัวหนังสือ

พอมีรูปจำนวนมาก
ค่อยมาประมวลผลอีกครั้ง
โดยเติมตัวหนังสือเข้าไป

วิธีการนี้ทำให้เราจับประเด็นสำคัญๆ เก่งขึ้น
และสามารถถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี

ฝึกทำบ่อยๆครับ

#ครูอ๊อฟNEXUP

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เรื่องการพูด #11

"Sketchnote 
การจดบันทึกด้วยรูปภาพ (แบบง่ายๆ) 
ที่เชื่อมโยงกัน"

เป็นอีกศาสตร์ด้านการจับประเด็นสำคัญๆ
แล้วจดบันทึกไว้เป็นรูปภาพ

สามารถทำให้เราจำ และถ่ายทอดเนื้อหา
ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ผมสนับสนุนให้ศึกษาเรื่องนี้
และฝึกฝนเป็นประจำ
จะทำให้ทุกคนมีทักษะการสื่อสาร
ได้อย่างยอดเยี่ยมครับ

#ครูอ๊อฟNEXUP

เรื่องการพูด #10

"การพูด การสื่อสาร การเจราจาต่อรอง 
อยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนอยู่แล้ว"

ฝึกทักษะเหล่านี้
ในการจับประเด็นของการเจราจาว่า

"เป้าหมายของคู่สนทนาคืออะไร
แล้วตอบกลับให้ตรงประเด็น"

#ครูอ๊อฟNEXUP

นมแม่ แน่ที่สุด

สมอง
ลูกฉลาดขึ้น
ระดับ IQ เพิ่มขึ้น 3.16

หู
ลดความเสี่ยง
โรคหูน้ำหนวก

สายตา
พัฒนาการมองเห็น
สายตาคมชัด

ช่องปาก
กรามล่างแข็งแรง
ฟันเกน้อยลง

ผิวพรรณ
ลดโอกาสภูมิแพ้ผิวหนัง
ถึงร้อย 42

ระบบทางเดินอาหาร
ลดความเสี่ยงโรคท้องร่วง
และลำไส้อักเสบ การย่อยดี
ไม่ท้องผูก

ระบบทางเดินหายใจ
ลดความเสี่ยงโรคปอดบวม
และการติดเชื้อทางเดินหายใจถึงร้อย 60

ที่มา : คลินิกนมแม่ 
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

แหล่งที่มา : Line Ramathibodi

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เทคนิคพิชิตความกังวล ด้วยการสัมผัสบอกรักตัวเอง

ทราบหรือไม่ว่า
ปัจจุบันมีคนไทยจำนวนไม่น้อย
ที่เป็นโรคนอนไม่หลับ

ซึ่งปัจจัยก็เกิดจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ในสังคม
ที่เราต้องไปพบเจอมา ทำให้คนเราต้องใช้สมอง
ความคิด ความรู้สึกค่อนข้างมาก
ทำให้เกิดสภาวะความเครียดหรือวิตกกังวล
ซึ่งเป็นอาการที่เราจะมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้

ไม่ว่าจะวัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่
หรือแม้กระทั่งผู้สูงอายุ
ล้วนต้องการเวลาในการนอนหลับ
พักผ่อนที่เพียงพอเพื่อให้ร่างกายและ
สมองได้รับการซ่อมแซม
แต่ปัจจุบันหลายคนมีเวลานอนที่น้อยลง
จะด้วยตั้งใจหรือเพราะด้วยชีวิตประจำวัน
ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ก็ล้วนเป็นการเบียดเบียนเวลาพักผ่อน
ซึ่งในระยะยาวก็อาจจะนําไปสู่การเกิด
โรคภัยอย่างไม่ตั้งใจ ยิ่งโดยเฉพาะใน
วัยผู้สูงอายุที่มักประสบปัญหาเรื่อง
“การนอนไม่หลับ”

บางคนคิดว่าเป็นเพราะโรคภัยไข้เจ็บที่ติดตัวมา
แต่รู้หรือไม่ว่า
...แท้จริงแล้วอาจมีสาเหตุมาจาก
“ความกังวล” ที่อยู่ภายในจิตใจ

ดังนั้นในบทความนี้
เราจึงมีเทคนิคกำจัด “ความกังวล”
มาช่วยแก้ไขปัญหา
เปลี่ยนการนอนของวัยสูงอายุ
ที่ว่ายากให้เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว
ด้วยวิธีการเหล่านี้

1. นั่งหรือนอนในท่าที่สบาย
หลับตาลงช้าๆ
วางแขนทั้งสองไว้ข้างลำตัว
พร้อมกับผ่อนคลาย
กล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ให้รู้สึกผ่อนคลายที่สุด

2. กำหนดลมหายใจเข้า-ออก ช้าๆ
ใช้ฝ่ามือลูบสัมผัสตัวเอง
เปิดใจรับรู้ถึงความรู้สึกตัวตนจริงๆ ของเรา

3. ยกฝ่ามือแตะอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า แขน ไหล่ ขา เท้า แผ่นหลัง
พร้อมส่งผ่านความรักไปที่หัวใจและอวัยวะภายใน
ขอบคุณร่างกายของเราที่ทำงานหนัก
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมา และ
ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลร่างกายนี้ให้ดีขึ้น

4. หลังจากนั้นให้ลืมตาขึ้นช้าๆ
ด้วยความสบายใจ ความสงบ และ
รักษาพลังแห่งสติที่ได้บ่มเพาะนี้ไว้
ขณะที่ไปทำกิจกรรมอื่นต่อตลอดวันที่เหลือ

เคล็ดลับสำคัญ คือ
เมื่อเราอยากผ่อนคลาย
เราต้องไม่พยายามผ่อนคลาย
ไม่ต้องพยายามให้มันเป็นไปอย่างนั้น

เมื่อเราไม่มีความกดดัน
ผลสุดท้าย “การผ่อนคลายก็จะเกิดขึ้น”

หลังจากฝึกเทคนิคการผ่อนคลายไปแล้ว
นอกจากร่างกายที่ไม่เกร็ง ไม่เครียด สดชื่น
ในทางใจก็จะเกิดความรู้สึกสบาย
เกิดความรักกับสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ง่าย และ
แม้กระทั่งทางความคิด สมองก็จะโล่งโปร่ง
โลดแล่น คิดบวก รวมไปถึงมีความคิดสร้างสรรค์
หรือจินตนาการใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย

ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นผลมาจาก
การที่เราได้ผ่อนคลาย
ร่างกายเราก็จะดี
ความเครียด ความเจ็บปวดก็ลดลง
และจางหายไปในที่สุด

ซึ่งหากเราฝึกการผ่อนคลายเป็นประจำ
เราจะรู้จักจัดวางร่างกาย จัดวางอารมณ์ ความรู้สึก
จัดวางความคิด ให้ตัวเราอยู่ในภาวะที่สมดุล
จนส่งผลให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพ
ซึ่งวัยผู้สูงอายุทุกคนสามารถนำเทคนิคเหล่านี้
ไปประยุกต์ใช้และทำเองที่บ้านได้ง่ายๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก : กิจกรรมห้องเรียนสูงวัยกายใจยังสุข ตอนผ่อน...พักตระหนักรู้ วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน 2561

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ปอดอักเสบ

ปอดอักเสบป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน

การฉีดวัคซีนป้องกันปอดอักเสบ
สาเหตุหลักของเชื้อที่ท่อโรคปอดอักเสบ
รวมถึงการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง
และการติดเชื้อในกระแสเลือดด้วย

วัคซีนที่สามารถใช้ได้
1. วัคซีนชนิดโพลีแซคคาไรด์ 23 สายพันธุ์
(Polysaccharide vaccine, PPSV23)

เป็นวัคซีนที่ครอบคลุมเชื้อแบคทีเรีย
นิวโมคอคคัส 23 สายพันธุ์
ที่ก่อให้เกิดโรคส่วนใหญ่
รวมถึงสายพันธุ์ที่มักดื้อยา

2. วัคซีนชนิดคอนจูเกต 13 สายพันธุ์
(Conjugate vaccine, PCV13)

คำแนะนำในการฉีดวัคซีนปอดอักเสบในผู้ใหญ่
1) ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
2) ผู้ที่มีอายุ 19-64 ปี
ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ผู้ป่วยที่ไม่มีบ้าน
หรือการทำงานของบ้านบกพร่อง
3) ผู้ที่มีอายุ 19-64 ปี
ที่เป็นโรคเบาหวาน
โรคหัวใจวายเรื้อรัง
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โรคตับเรื้อรัง
ผู้ที่ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่

ที่มา  :  อ.พญ.สกุณี  ภระกูลสุขสถิตย์

แหล่งที่มา : Line chulahospital

โรคภูมิแพ้ในเด็ก

โรคภูมิแพ้ในเด็กที่พบ
มีหลายระบบที่ต้องทำความเข้าใจ

โรคภูมิแพ้ในเด็กเกิดขึ้นได้ในหลายระบบ ได้แก่

ระบบทางเดินหายใจ
เช่น ป่วยเป็นหวัดเรื้อรัง
เป็นหอบหืด

ระบบทางเดินอาหาร
คือ การแพ้อาหาร
โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก
ส่วนมากจะแพ้อาหาร
ประเภทไข่และนม
ทำให้มีอาการอาเจียน
ท้องเดิน ดูดซึมอาหารไม่ได้
ร่างกายไม่เติบโต

ระบบผิวหนัง
เป็นผื่นตามหน้า
แขนขา ตามร่างกาย
ลมพิษ ผิวหนังอักเสบ

ภูมิแพ้ชนิดรุนแรง
มีผื่นทั่วตัว ความดันโลหิตตก
มีโอกาสช็อกเสียชีวิตได้
หรือมีอาการหอบ
หายใจไม่ออกแล้วเสียชีวิต
ในเด็กมักเกิดจาก
แพ้อาหารเป็นส่วนใหญ่
อาหารที่ทำให้แพ้รุนแรง
เช่น นมวัว ไข่ แป้งสาลี
ถั่วลิสง หรืออาหารทะเล

ที่มา  :  รศ.พญ.พรรณทิพา  ฉัตรชาตรี

แหล่งที่มา : Line chulahospital

เรื่องการพูด #9

สิ่งที่ยากที่สุด
ในการพูดต่อหน้าชุมชน
การทำธุรกิจ
หรือทำสิ่งใหม่ๆ
ของคนจำนวนมากคือ.............

"การเริ่มต้นลงมือทำครั้งแรก"

วิธีการง่ายๆคือ
ทำเลย

เริ่มจากจุดเล็กๆ
และทำต่อไปเรื่อยๆ

สิ่งเหล่านี้
คือความสำเร็จทีละเล็กทีละน้อย
และจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้

#ครูอ๊อฟNEXUP

เรื่องการพูด #8

เคยเจอปัญหาคิดไม่ออก
เวลาจะเตรียมการพูด บรรยาย
หรือนำเสนอบนเวทีหรือเปล่า

วันนี้ขอเสนอวิธี คือ
สร้างไอเดียจากรูปภาพ
เช่น ผมจะเข้า www.pixabay.com
เลือกหมวด "นวัตกรรม"

จะมีรูปภาพจำนวนมากขึ้นมาที่ให้เราใช้ได้ฟรี

รูปภาพเหล่านี้ผสมกับไอเดียของเรา
จะทำให้เกิดไอเดียใหม่ได้

ผมทำอยู่เป็นประจำ ได้ผลๆ

#ครูอ๊อฟNEXUP

เรื่องการพูด #7

"วันหยุดใช้เวลาจัดห้อง
และจัดบ้านทั้งวัน
ไม่ได้พักผ่อนหรือ
ได้ทำในสิ่งที่พัฒนาตัวเองเลย"

พวกเราเคยเป็นแบบนี้หรือเปล่า

กลับกัน
ถ้าเราไม่มีสิ่งเกินความจำเป็นมากเกินไป
และทุกอย่างถูกวางในที่เดิมเป็นประจำ

เราจะมีเวลาในการดูแล
และพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลา

ไม่มีคำว่าไม่มีเวลา 
มีแต่คำว่า 
"ใช้เวลาเป็นประโยชน์กับตัวเอง"

#ครูอ๊อฟNEXUP

เรื่องการพูด #6

“ถ้าเขียนต่อไม่ออก ลอง 3 วิธีนี้”

มีหลักสูตรสอนเทคนิคการเขียน
ให้น่าสนใจใน Udemy ชื่อ
“Ninja Writing : The Four Levels of Writing Mastery”

คอร์สนี้เป็น bestseller ด้านการเขียนใน Udemy
ผู้สมัครเรียน 4 หมื่นกว่าคน

ผมขอแชร์ข้อมูลดีๆนี้

ผู้สอนคอร์สนี้คือ
คุณ Shani Raja
เป็นอดีตบรรณาธิการของ
The Wall Street Journal 
และสอนหลายคอร์ส
เกี่ยวกับการเขียนใน Udemy

คุณ Shani แนะนำในบทเรียนเรื่อง
“การหามุมมองใหม่” ว่า

ถ้าติดปัญหาเขียนไม่ออก
เช่น เขียนบทความได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
เขียนต่อไม่ได้ คิดไม่ออก
ให้ลองทำสิ่งต่อไปนี้

1. เปลี่ยนฟอนต์หรือเปลี่ยนขนาด
เปลี่ยนฟอนต์เป็นแบบอื่น
หรือเปลี่ยนขนาดฟอนต์
เช่น ทำให้ใหญ่ขึ้น

วิธีนี้อาจทำให้เรามองงานเขียนต่างไปจากเดิม
และเกิดมุมมองใหม่ๆ ทำให้เขียนต่อได้ครับ

2. พิมพ์บนกระดาษ
ถ้าเราตรวจงานของเรา
บนหน้าจออย่างเดียว
เราอาจมองข้ามคำสะกดผิด
หรือไม่ทราบว่า
งานเขียนของเราเข้าใจง่ายหรือไม่

แต่เมื่อเราพิมพ์บนกระดาษ
ก็จะเห็นงานเขียนได้อย่างชัดเจนขึ้น
เหมือนกับว่า กำลังดูงานเขียนของคนอื่น

จะเห็นสิ่งที่เราเคยมองข้ามได้ชัดเจนขึ้น

3. อ่านออกเสียง
เมื่อพิมพ์บนกระดาษแล้ว
ควรอ่านออกเสียงด้วย

เราจะทราบว่า
ถ้ามีคนอ่านเนื้อหาของเราแล้ว
จะรู้สึกอย่างไร
เช่น อ่านง่ายหรือไม่
ใช้คำซ้ำซ้อนหรือไม่

ถ้าอยากทราบเทคนิคการเขียนแบบต่างๆ

คุณ Shani สอนคอร์สฟรีใน Udemy ชื่อ
“Secret sauce of great writing 2.0” 
ซึ่งแนะนำเทคนิคง่ายๆ ในการเขียนให้น่าสนใจ

ถ้าเรียนคอร์สฟรีแล้ว ยังไม่จุใจ
ก็จ่ายเงินเรียนคอร์ส Ninja Writing
เพื่อเป็นนินจาแห่งวงการเขียนต่อไป

ขอขอบคุณคำแนะนำจาก
อาจารย์ธงชัย โรจน์กังสดาล
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

#ครูอ๊อฟNEXUP

เรื่องการพูด #5

"เราสามารถเรียนรู้สิ่งดีๆจากทุกคนได้
และทุกคนก็เป็นผู้ถ่ายทอด
สิ่งๆดีของตัวเองได้ เช่นกัน"

ปล่อยศักยภาพของตัวเองออกมา
ค้นหาจุดแข็ง เฉพาะเจาะจง (Focus)
และลงมือทำ (Action)

สิ่งดีๆจะเกิดขึ้นทันที

#ครูอ๊อฟNEXUP

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2561

10 เรื่อง ที่เศรษฐีสอนลูกเรื่องเงิน

ถ้าอยากโดนต่อยหน้า ให้ออกไปต่อยหน้าคนอื่น
..ถ้าอยากได้ความรัก ให้ออกไปให้ความรักคนอื่น
...แล้วถ้าอยากได้เงินล่ะ ?
...ให้เราเอาเงินออกไปแจกคนอื่น ใช่หรือไม่ ?

ไม่ !! ถ้าอยากได้เงิน ให้เรา ‘รับใช้ และ แก้ปัญหา’ ให้คนอื่น

- หากวันนี้เราได้เงินน้อย แปลว่า
ความสามารถในการรับใช้ และ
แก้ปัญหาให้คนอื่น ไม่ได้เรื่อง
(ความสามารถเราน้อยเกินไป
..รู้น้อย เรียนน้อย
ก็เพราะเรามีความพยายามน้อยนั่นแหละ)

- หากอยากได้เงินเยอะ
...ให้เริ่มที่พัฒนา
ความสามารถในการรับใช้
และ แก้ปัญหา ให้ผู้คน

1. ‘ชีวิตอิสระในยุคนี้เริ่มจากมีเงิน’ 
..คนที่ไม่มีเงินต้องยอมขายเวลาตัวเอง
แลกกับเงินน้อยนิด ทำงานที่ตัวเองไม่อยากทำ
...การสร้างอิสรภาพในชีวิต ต้องเรียนรู้วิธีหาเงิน

2. ‘อย่ารอให้จบปริญญาแล้วเพิ่งเริ่มหาเงิน’ 
...ทุกคนเริ่มหาเงินได้ทันที
เพียงแค่ขายแรงงานและ
เวลาของตัวเอง แล้วตั้งใจทำงาน

..ขั้นแรกของการหาเงิน
ให้เริ่มฝึกจากการขายแรงงาน !!

3. ‘การเพิ่มทักษะ 
จะทำให้เราขายแรงงานได้ราคาสูงขึ้น’ 
...อยากได้เงินเดือนเพิ่ม
ให้พัฒนาทักษะที่เรามี
ให้เหมาะสมกับเงินที่อยากได้
(ทักษะสูง = เงินเดือนสูง)

4. ‘ถ้าอยากรวย อย่าขายแรงงานแลกเงิน’
...ให้สร้างสินทรัพย์เพื่อหาเงิน
...เมื่อเรารู้วิธีขายแรงงานแลกเงินแล้ว
ให้เริ่มเรียนรู้การสร้างสินทรัพย์เพื่อหาเงินแทนเรา
(คนรวยไม่ขายเวลาแลกเงิน
แต่เขาจะสร้างสินทรัพย์เพื่อทำเงินแทน)

5. ‘อย่าเก็บเงินไว้เฉยๆ 
เพราะมูลค่ามันลดลงตามกาลเวลา’ 
...ให้เปลี่ยนเงินเป็นสินทรัพย์ หรือ
สิ่งอื่นมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
(สินทรัพย์ คือ สิ่งที่เราถือไว้แล้ว
มูลค่ามีแต่เพิ่มขึ้น /
ขยะ คือ สิ่งที่เราถือไว้แล้ว
มูลค่ามีแต่ลดลง
...รถยนต์ ทีวี ตู้เย็น
...ของส่วนใหญ่
ที่คนยุคนี้สะสมก็คือขยะ)

6. ‘ต้องเก็บเงินซื้อของด้วยตัวเอง’ 
...อย่าซื้อของที่อยากได้ ในเวลาที่อยากได้
เพราะ มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่มีทางพอ

...ถ้าอยากได้อะไร อย่าเพิ่งซื้อ
ให้เก็บเงินให้ครบจำนวนก่อน
แล้วค่อยตัดสินใจซื้อ

..เวลาจะช่วยบอกเราเองว่า
เราอยากได้สิ่งนั้นจริงๆ

...เวลาจะช่วยคัดของที่ควรซื้อจริงๆ

7. ‘เวลาเริ่มธุรกิจให้คิดแบบคนไม่มีเงิน’ 
...คนส่วนใหญ่เริ่มธุรกิจจากจ่ายก่อนรับ
แต่ยุคนี้เราสามารถสร้างธุรกิจที่รับก่อนจ่าย

...ฝึกคิดจากข้อจำกัด
เพื่อจะได้เข้าใจโอกาสธุรกิจที่แท้จริงของโลกยุคใหม่

8. ‘อย่าให้เงินฟรี แก่ลูก 
เพราะในโลกจริงๆ ไม่มีเงินฟรี’
 ...ต้องสอนให้ลูกรู้ว่า เงินทุกบาท
ต้องแลกด้วยการทำงานบางอย่าง

...คนส่วนใหญ่สอนให้ลูกใช้เงิน
แต่ไม่เคยสอนว่าหาเงินยังไง

9. ‘ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ 
ทุกคนต้องบริหารรายรับ และรายจ่ายด้วยตัวเอง’ 
...ถ้าคุณสอนลูกว่า
อยากได้เงินเท่าไหร่ก็ให้มาบอก
แปลว่า คุณกำลังสอนให้เขาเป็นผู้ด้อยโอกาสทางการเงิน

10. ‘ไม่มีโอกาสทางการเงินที่ดี ที่วิ่งมาหาเรา’ 
...โอกาสที่วิ่งเข้ามาหาเราเกือบทั้งหมด
เป็นสิ่งหลอกลวง แชร์ลูกโซ่
หลอกให้ลงทุนในสิ่งที่ได้เงินง่าย ได้เงินเร็ว

...โอกาสจริงๆ จะวิ่งเข้ามา
เมื่อเรามีความสามารถพอ

...ดังนั้น เลิกหวัง
แต่ให้ตั้งใจพัฒนาความสามารถและความรู้แทน

‘ทักษะที่เพิ่ม ความรู้ที่สั่งสม’ 
ก็คือ เครื่องสร้างโอกาส 
ที่เราค่อยๆ สร้างมันขึ้นมาเอง

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ผมหงอก ยิ่งถอน ยิ่งหงอก ไม่เป็นความจริง!

การถอนผม
ไม่ได้ทำให้ผมหงอกเพิ่มขึ้น
แต่อาจมีอาการอักเสบที่หนังศีรษะ
และรากผม ผมบาง หรือ
ผมไม่งอกขึ้นใหม่ได้

ผมหงอก
เกิดจากเซลล์เม็ดสีผม
ทำงานลดลง
หรือหยุดทำงาน
จึงเห็นผมเป็นสีเทาหรือขาว

* โดยปกติคนเอเชียอายุ 30-40 ปี
จะเริ่มผมหงอกและไม่สามารถ
กลับมาดำได้อีก

* หากมีผมหงอกก่อนอายุ 30 ปี
แสดงว่ามีผลหงอกก่อนวัย

* ผมหงอกไม่สามารถรักษาได้
การเล็มผม หรือย้อมสีผม
ช่วยปกปิดผมหงอก
ได้ระดับหนึ่งเท่านั้น

สาเหตุ
- พันธุกรรม
- ความเครียด
- การดื่มสุรา สูบบุหรี่
- โรคประจำตัว เช่น
ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ 
หรือไทรอยด์เป็นพิษ
- ขาดวิตามินบี 12 หรือบี 5

ที่มา : ผศ.นพ.พูลเกียรติ  สุชนวณิชย์ สาขาวิชาโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

แหล่งที่มา : Line Ramathibodi

เรื่องการพูด #4

"วันหยุดใช้เวลาจัดห้องและจัดบ้านทั้งวัน 
ไม่ได้พักผ่อนหรือ
ได้ทำในสิ่งที่พัฒนาตัวเองเลย"

พวกเราเคยเป็นแบบนี้หรือเปล่า

กลับกัน
ถ้าเราไม่มีสิ่งเกินความจำเป็นมากเกินไป
และทุกอย่างถูกวางในที่เดิมเป็นประจำ

เราจะมีเวลาในการดูแลและพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลา

ไม่มีคำว่าไม่มีเวลา
มีแต่คำว่า "ใช้เวลาเป็นประโยชน์กับตัวเอง"

#ครูอ๊อฟNEXUP"

วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เรื่องการพูด #3

การเปรียบเทียบ
เป็นอีก 1 วิธีในโน้มน้าวใจคน
ที่มีประสิทธิภาพ

โดยใช้ข้อดีของผลิตภัณฑ์เรา
เปรียบเทียบกับข้อด้อยของคู่แข่ง
เหมือนการเปรียบเทียบระหว่าง
Mac Book Air กับคู่แข่ง
ในเรื่องของความบาง และเบา

Steve Jobs เป็นนักโน้มน้าวใจระดับโลก
ที่ทำให้คนเชื่อในสิ่งที่เขานำเสนอได้อย่างทรงพลัง

#ครูอ๊อฟNEXUP

เรื่องการพูด #2

ทักษะการพูดกับการทำธุรกิจ
เป็นสิ่งที่เสริมกันได้เป็นอย่างดี

การพูดและนำเสนอไอเดียของเรา
ที่ตรงประเด็น ชัดเจน
และมีความเป็นไปได้ทางธุรกิจ
โดยมีเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือสำคัญ
ให้กับนักลงทุนฟัง
จะสามารถผลักดันให้ธุรกิจของเรา
ขับเคลื่อนแบบก้าวกระโดดได้
ในฐานะของผู้ถือหุ้น"

เราเรียกการพูดและ
นำเสนอแบบนี้ว่า
"Pitching"

มีเวทีลักษณะนี้ทั้งในประเทศ
และต่างประเทศ ที่ให้โอกาสคน
ที่มีไอเดียในการแก้ไขปัญหาและ
เพิ่มความสุขให้กับคนทั่วไป
ได้มีโอกาสนำเงินทุนนี้ในการสร้าง
และต่อยอดทางธุรกิจได้

#ครูอ๊อฟNEXUP

เรื่องการพูด #1

ผู้พูดต้องบรรยายเรื่องที่จะพูด
อย่างละเอียดหมดจดขณะที่พูดถึงมัน

เมื่อผ่านจุดนี้ไปแล้ว
จะไม่ย้อนกลับมาพูดถึงมันอีก

ระวัง!!
อย่าให้มีการกระโดด
จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
แล้วหันมาอย่างไร้ความมุ่งหมาย

ดุจเดียวกับค้างคาว
บินวกวนท่ามกลางแสงสว่าง"

เช่นเดียวกันการเป็นสุดยอดวิทยากร

#ครูอ๊อฟNEXUP

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...