วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ฟกช้ำดำเขียวต้องประคบร้อนหรือประคบเย็น?

แผลฟกช้ำ
คือ การมีเลือดออกในชั้นใต้ผิวหนัง
เมื่อถูกกระแทก ถูกชน หรือถูกต่อย

48 ชั่วโมงแรก
ประคบเย็นด้วยน้ำเย็นหรือน้ำแข็ง
วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 15-30 นาที
รอบช้ำบริเวณศีรษะและใบหน้า ให้ประคบ
ด้วยน้ำแข็ง หรืออาจใช้ผ้าม้วนให้หนาพอ
กดบริเวณศีรษะที่ฟกช้ำ เพื่อลดบวม

48 ชั่วโมงหลัง
ประคบร้อนวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 15 นาที
อาการบวมจะค่อยๆ ลดลง ปกติภาวะฟกช้ำจะดีขึ้น
และหายได้ภายใน 10-14 วัน

ก่อน 48 ชั่วโมง : สีจะออกสีแดง หรือสีแดงอมม่วง
หลัง 48 ชั่วโมง : สีจะออกสีเขียว
ใกล้หาย : สีจะออกสีน้ำตาล

** ในกรณีที่ไม่หาย หรือฟกช้ำมากจนมีเลือดค้างอยู่
จำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา และเอาเลือด
ที่คั่งค้างอยู่ออก

ที่มา  :  รศ.นพ.วรวรรน์  ลิ้มทองกุล

แหล่งที่มา : Line chulahospital

ใช้หน้ากากอนามัย อย่างไร ให้ถูกต้อง

  1. หน้ากากอนามัยที่ทำด้วยกระดาษ
    ควรเปลี่ยนวันละครั้งและทิ้งลงถังขยะที่มีฝาปิด
  2. หน้ากากอนามัยที่ทำด้วยผ้า สามารถซักด้วยน้ำ
    และผงซักฟอกผึ่งแดดให้แห้ง และนำมาใช้ได้อีก
  3. ล้างมือให้สะอาดก่อนสวมใส่  
  4. สวมหน้ากากอนามัยทั้งจมูกและปาก
    โดยให้ขอบที่มีลวดอยู่บนสันจมูก
    และรอบจีบพันคว่ำลง ให้เอาต้านกินน้ำ
    (ผิวมัน มักเป็นสี) ไว้ด้านนอกเสมอ
    และด้านซับน้ำให้อยู่ด้านในติดกับ
    ใบหน้าผู้ใส่เพื่อซับน้ำมูกและน้ำลาย
  5. หน้ากากอนามัยชำรุหรือเปรอะเปื้อนควรเปลี่ยนให่
ที่มา  :  อ.พญ.วรรษมน  จันทรเบญจกุล

แหล่งที่มา : Line chulahospital

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ราคาของความโชคดี “ภาษีรางวัล”

“ของฟรีไม่มีในโลก” การถูกหวยก็เช่นกัน…
เพราะในความโชคดีนั้น ก็ต้องมีการจ่ายภาษี
ตามกฎหมาย ไม่ว่าจะถูกลอตเตอรี่หรือได้รางวัลชิงโชค

ใช่ว่าจะได้มาฟรี โดยรางวัลแต่ละประเภท
จะถูกเก็บภาษีในรูปแบบและอัตราที่แตกต่างกัน
ส่วนจะโดนเก็บภาษียังไงบ้างนั้น ตามมาดูกัน

1. หวยสลากกินแบ่งรัฐบาล
หากถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล
ผู้ถูกรางวัลจะถูกโดนหักค่าอากรแสตมป์
หรือหักภาษี ณ ที่จ่ายทันที เมื่อไปขึ้นเงิน
ด้วยอัตรา 0.5% ของเงินรางวัล

ตัวอย่าง
ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นจำนวนเงิน 6 ล้านบาท
จะต้องเสียค่าอากรแสตมป์หรือ ภาษี หัก ณ ที่จ่าย 0.5% = 30,000 บาท
เงินรางวัลที่เราจะได้หลังหักภาษีคือ 5,970,000 ล้านบาท นั่นเอง

2. สลากการกุศลชุดพิเศษ
หากถูกสลากการกุศลชุดพิเศษ
ผู้ถูกรางวัลจะถูกโดนหักค่าอากรแสตมป์
หรือหักภาษี ณ ที่จ่ายทันที เมื่อไปขึ้นเงิน
ด้วยอัตรา 1% ของเงินรางวัล

ตัวอย่าง
ถูกรางวัลสลากการกุศลชุดพิเศษ เป็นจำนวนเงิน 3 ล้านบาท
จะต้องเสียค่าอากรแสตมป์หรือ ภาษี หัก ณ ที่จ่าย 1% = 30,000 บาท
เงินรางวัลที่เราจะได้หลังหักภาษีคือ 2,970,000 ล้านบาท นั่นเอง

โดยรางวัลสลากทั้ง 2 แบบนี้ 
ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ผู้ถูกรางวัลไม่ต้องนำเงินรางวัล
ไปยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี

3. เงินรางวัลจากการชิงโชคอื่นๆ
หากได้รับเงินรางวัลจากการชิงโชค แบบอื่น
เช่น ส่งฝาชิงโชค ทายผลบอลโลก
ตอบคำถามชิงโชคทางทีวี
จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ทันทีเมื่อไปขึ้นเงิน
ด้วยอัตรา 5% ของเงินรางวัล

ตัวอย่าง
หากถูกรางวัลชิงโชค และได้รับเงินรางวัลเป็นเงินสด 6 ล้านบาท
จะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 5% = 300,000 บาท
เงินรางวัลที่เราจะได้หลังหักภาษีคือ 5,700,000 ล้านบาท นั่นเอง

มีข้อแตกต่างจากกรณีถูกหวยและสลากพิเศษ คือ 
นอกจากจะต้องจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่ายแล้ว 
ยังต้องเอามาคิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย 
โดยต้องนำเงินรางวัลที่ได้รับมานี้ รวมกับรายได้อื่น ๆ 
ของผู้ถูกรางวัล เพื่อนำไปยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมด

ส่วนใครที่คิดจะหลบเลี่ยงการจ่ายภาษี ระวังให้ดี
กรณี ถูกรางวัลแล้วไม่ยื่นภาษีภายในเวลาที่กำหนด
มีโทษคือต้องชำระเพิ่ม 5% ต่อเดือนของภาษีที่ต้องจ่าย
นับตั้งแต่วันที่ให้ยื่นแบบจนถึงวันชำระภาษี
และมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

กรณี ที่ยื่นเสียภาษีไม่ครบจำนวน
เสียค่าปรับ 1-2 เท่า ของจำนวนภาษี
ที่ต้องจ่ายทั้งหมด

กรณี มีเจตนาที่จะไม่ยื่นแบบภาษีภายในกำหนด
มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือจำคุกสูงสุด 6 เดือน
หรือทั้งจำทั้งปรับ.

กรณี มีเจตนาแจ้งข้อความเท็จ หรือแสดงหลักฐานเท็จ
เพื่อหนีภาษี มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี
ปรับตั้งแต่ 2,000-200,000 บาท

เตือนแล้วนะ!!..เห็นไหมว่ากฎหมายก็ได้ระบุโทษไว้ชัดเจน
แล้วจำได้ไหมที่บอกไปแล้วว่าตอนที่ไปขึ้นเงินหรือเอารางวัล
จะมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ 5% ของมูลค่ารางวัลที่จ่ายและนำส่งแก่สรรพากร

ฉะนั้นทางสรรพากรจะมีประวัติข้อมูลถูกหัก ณ ที่จ่ายของผู้ที่ถูกรางวัล
เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็อย่าหลบเลี่ยง ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายนะ
ถ้าโดนค่าปรับขึ้นมาไม่คุ้มแน่นอน ส่วนตอนได้รางวัลมา
ก็ควรคำนวนและกันเงินเผื่อไว้เพื่อชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้เพียงพอด้วยนะ

เรียบเรียงในแบบ #aomMONEY

แหล่งที่มา   :   Facebook aomMONEY

อาการกรดไหลย้อนแบบไหน

อาการกรดไหลย้อนแบบไหน
ควรไปพบแพทย์ทันที
  1. น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจลด
  2. อาเจียนบ่อย
  3. อาเจียนมีเลือดปน
  4. อาการกรดไหลย้อนเป็นบ่อย
  5. อาการกรดไหลย้อนเป็นรุนแรง
  6. อาการกรดไหลย้อนเป็นครั้งละนานๆ
  7. เบื่ออาหาร
  8. กลืนเจ็บ
  9. กลืนติด
  10. กลืนลำบาก
  11. ถ่ายเป็นเลือด
ที่มา  :  อ.นพ.ปิยะพันธ์  พฤกษพานิช

แหล่งที่มา : Line chulahospital

ข้อควรระวังของการออกกำลังกาย

  • ควรออกกำลังกายอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม
    ไม่ฝืน ไม่หักโหมจนเกินไป
  • ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว
    ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษา
    แพทย์ประจำตัวก่อนเริ่มออกกำลังกาย
  • ขณะออกกำลังกายหากมีอาการผิดปกติ
    ให้หยุดออกกำลังกาย และร้องขอความช่วยเหลือ เข่น
    • ใจสั่นหรือรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
    • เหงื่อออกมากผิดปกติ
    • เวียนศีรษะเหมือนจะเป็นลม
    • เจ็บแน่นหน้าอก
    • หายใจไม่ทัน หายใจลำบาก
ที่มา  :  อ.พญ.สกุณี  ภระกูลสุขสถิตย์

แหล่งที่มา : Line chulahospital

โรคภาวะพร่องเนื้อเยื่อเซลล์ต้นกำเนิด

โรคภาวะพร่องเนื้อเยื่อเซลล์ต้นกำเนิด
ของผิวกระจกตา
ที่พบมากในคนไทย

สาเหตุ
  • จากอุบ้ติเหตุ ได้แก่ กรด ด่างเข้าตา การโดนความร้อน ควันระเบิด
  • การแพ้ยาแบบกลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน
  • กระจกตาติดเชื้อ
  • ภาวะภูมิแพ้ที่มีการอักเสบเรื้อรัง
  • โรคอื่นๆ อีกหลายชนิด
อาการ
  • เกิดแผลเรื้อรัง
  • มีเส้นเลือดจากเยื่อบุตาลุกล้ำเข้ามาในกระจกตา
  • กระจกตาฝ้าขุ่นทำให้การมองเห็นลดลง
  • กระจกตาทะลุ
  • อาจเกิดการติดเชื้อจนถึงตาบอด
การรักษา
  • การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา และการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์
หากสงสัยว่ามีภาวะนี้ สามารถติดต่อเพื่อเข้ารับ
การตรวจรักษาที่ศูนย์ความเป็นเลิศ
ด้านการปลูกถ่ายกระจกตาและสเต็มเซลล์

รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โทร 089-104-7227

ที่มา  :  รศ.พญ.วิลาวัณย์ พวงศรีเจริญ

แหล่งที่มา : Line chulahospital

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ดูแลช่องปากอย่างไรในผู้ป่วยโรคเหงือกอักเสบ

  1. แปรงฟันให้ถูกวิธี
  2. ใช้ไหมขัดฟันก่อนนอนเป็นประจำทุกวัน
  3. เลือกใช้แปรงสีฟัน ยาสีฟัน และ
    น้ำยาบ้วนปากชนิดที่ช่วยลดการเกิด
    แผ่นคราบจุลินทรีย์จำพวกคลอร์เฮกซิดีน
    0.2% (ผสมน้ำเพื่อเจือจางได้)
  4. พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน
    เพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ และขูดหินปูน
ที่มา  :  ทพญ.วรรณี  อันวีระวัฒนา

แหล่งที่มา : Line chulahospital

ป่วยไข้ไม่สบายตรวจให้แน่ใจว่าเชื้ออะไรก่อนใช้ยาปฏิชีวนะ

ถ้าท่านหรือลูกหลานเคยไปหาหมอ
ด้วยอาการใดอาการหนึ่งต่อไปนี้ คือ
เป็นไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย เจ็บคอ
ไอ น้ำมูก ท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง

ท่านทรายหรือไม่ว่าเมื่อหมอส่งตรวจ
ทางห้องปฏิบัติการ จะพบว่า
การเจ็บป่วยเหล่านั้นส่วนใหญ่
เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น
  • ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus)
  • ไวรัสอาร์เอสวี (RSV)
  • ไวรัสเอชเอ็มพีวี (hMPV - human Metapneumovirus)
  • ไวรัสโรต้า (Rota virus)
  • ไวรัสไข้เลือดออก (Dengue virus)
บุคลากรทางการแพทย์
ไม่ควรจ่ายยาปฏิชีวนะโดย
ไม่มีหลักฐานการติดเชื้อแบคทีเรีย

ประชาชนอย่าซื้อ หรือกินยาปฏิชีวนะ
ด้วยตนเอง เพราะมักใช้ไม่ตรงกับ
โรคจึงไม่เป็นประโยชนฺ์

ที่มา  :  ผศ.นพ.พิสนธิ์  จงตระกูล

แหล่งที่มา : Line chulahospital

วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

อาหาร ช่วยแก้โรคข้ออักเสบ

โรคข้ออักเสบ (Arthritis)
เป็นชื่อเรียกโดยรวมของโรคกลุ่มนี้
ซึ่งชนิดที่พบบ่อยคือ โรคข้อเสื่อม
หรือ ข้ออักเสบเรื้อรัง และ
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ซึ่งทั้ง 2 ชนิด
มีสาเหตุของโรคต่างกัน โดย โรคข้อเสื่อมนั้น
เกิดจากความทรุดโทรมของกระดูกอ่อน
ที่หุ้มข้อกระดูกค่อยๆ หายไป ส่งผลให้
ปวดบริเวณข้อ ส่วนโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
นั้นสาเหตุที่พบบ่อยคือ เกิดจากระบบภูมิคุ้มกัน
ของร่างกายผิดปกติ เกิดการทำลายข้อต่อกระดูกตนเอง
โรคนี้สามารถเกิดได้ทุกช่วงอายุ
ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก เป็นโรคเรื้อรัง
ที่มีอาการเป็นๆ หายๆ ทำให้ผู้ป่วย
เกิดความทรมานทั้งกายและใจ

สำหรับคนที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคข้ออักเสบ
ส่วนใหญ่คือกลุ่มคนที่มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์
ร่วมถึงนักกีฬาที่มีร่างกายแข็งแรง ก็มีสิทธิ์
เป็นได้โดยเฉพาะ นักกรีฑา นักวิ่ง นักกระโดดสูง
ล้วนอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เพราะจำเป็นต้องใช้ข้อต่อต่างๆ
โดยเฉพาะที่หัวเข่า และข้อเท้ามากเป็นพิเศษ
ในการวิ่งหรือกระโดด ทำให้เกิดแรงกด
ที่ข้อกระดูก เหมือนคนที่มีน้ำหนักมากนั้นเอง

การรักษาโรคนี้นอกจากการทานยาหรือผ่าตัดแล้ว
เรื่องอาหารการกินก็เป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน
เพราะการทานอาหารบางชนิดสามารถ
ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด และดีต่อ
ผู้ป่วยโรคข้อเสบ ซึ่งอาหารที่เหมาะ
กับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบและ ดีต่อสุขภาพ มีดังนี้

1. ปลาทีมีกรดไขมันโอเมก้า-3 
ได้แก่ ปลาแชลมอน ปลาซาดีนปลากระบอก
ปลาทู ปลาดุก ปลาช่อน อาหารกลุ่มนี้
สามารถช่วยต่อสู้กับอาการอักเสบ
ในคนที่มีอาการปวดข้อ ได้ คนที่
เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
ทานปลาเหล่านี้จะดีต่อสุขภพมาก

2.ธัญพืชที่ไม่ขัดสีมากนัก 
ได้แก่ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮสวีท
จมูกข้าวสาลี ถั่วต่างๆ เพราะ
อาหารกลุ่มนี้มีไฟเบอร์สูง
สารอาหารที่ดีต่อระบบขับถ่าย
และมันสามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบได้

3.ผักผลไม้
อาหารที่อุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิเด้นท์
จะช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
และช่วยต่อสู้กับอาการข้ออักเสบได้ เช่น
ผักใบเขียวต่างๆ กล้วย แหล่งโปรแตสเซียม และใยอาหาร

เริ่มต้นดูแลใส่ใจสุขภาพตัวเองตั้งแต่วันนี้
เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงห่างไกลโรคกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก : บทความ อาหารช่วยแก้ข้ออักเสบ โดยโรงพยาบาลกรุงเทพ

แหล่งที่มา  : จาก SOOK By สสส.

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ออกกำลังกายอย่างไรในผู้ป่วยเบาหวาน

ออกกำลังกายอย่างไร
ในผู้ป่วยเบาหวาน
  1. ออกกำลังกายจนพูดประโยคยาวแล้วเริ่มหอบ
    หรือจับชีพจรได้ 50-70 เปอร์เซ็นต์ของ
    อัตราการเต้นสูงสุด อย่างน้อย 30 นาที
  2. ออกกำลังกายความหนักปานกลาง
    อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที หรือ
    ออกกำลังกายหนัก อย่างน้อยสัปดาห์ละ 75 นาที
  3. ออกกำลังกายแบบแอโรบิก
    อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์
    และไม่ควรเว้นนานเกิน 2 วัน
  4. ถ้านั่งเกิน 30 นาทีให้ลูกขึ้นมายึดเส้นยึดสาย
  5. ออกกำลังกายแบบต้านแรง เช่น
    ยกน้ำหนัก ซิตอัพ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
  6. ถ้ามีอาการลุกขึ้นมาหน้ามืด หรือสงสัย
    มีโรคหัวใจ ควรประเมินทางหัวใจ
    เพิ่มเติมก่อนออกกำลังกาย
ที่มา  :  อ.นพ.วิทวัส  แนววงศ์

แหล่งที่มา : Line chulahospital

ถูกงูกัดไม่ให้ขันชะเนาะ

ถูกงูกัดไม่ให้ขันชะเนาะ
แล้วต้องทำอย่างไร
  • ตั้งสติให้มั่น ไม่ตื่นตกใจเกินไป
  • สังเกตลักษณะของงู
    หรือถ่ายรูปงููถ้าทำได้
  • ร้องขอความช่วยเหลือ
  • ไม่แนะนำให้ขันชะเนาะ
    เพราะไม่สามารถป้องกัน
    การดูดซึมพิษงูได้ และ
    ถ้ารัดแน่นเกินไป อาจทำ
    ให้เกิดเนื้อเน่าตายได้
  • ควรรีบมาโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
    และขยับส่วนที่ถูกกัดให้น้อย
  • เฉพะเท่าที่จำเป็น เพื่อลดการดูดซึมพิษงู
  • หากงูเห่าพ่นพิษเข้าตา
    ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดปริมาณมาก
  • ผู้ป่วยที่ถูกงูระบบประสาทกัด
    อาจเป็นอัมพาตทั่วตัวคล้ายกับเสียชีวิตแล้ว
    ไม่ควรหยุดการช่วยเหลือ ให้รีบส่งผู้ป่วย
    ไปโรงพยาบาลเพื่อช่วยการหายใจโดยเร็วที่สุด
ที่มา  :  ศ.นพ.พลภัทร  โรจน์นครินทร์

แหล่งที่มา : Line chulahospital

กระดูกสะโพกหัก

ป้องกันภาวะ กระดูกสะโพกหัก 
อย่างไร ในผู้สูงวัย
  1. รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมอย่างเพียงพอ
  2. รับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าเพื่อกระตุ้น
    การสร้างวิตามินดีในร่างกาย
  3. หากไม่สามารถทำได้ต้องรับประทาน
    อาหารเสริมแคลเซียมและวิตามินดี
  4. ออกกำลังกายตามความเหมาะสมของวัย
  5. ตรวจวัดมวลกระดูกในผู้ที่มีอายุ 60 ถึง 65 ปีขึ้นไป 
  6. รับการรักษาโดยสม่ำเสมอเมื่อพบว่ามีภาวะกระดูกพรุน
ที่มา  :  ผศ.นพ.สีหรัช  งามอุโฆษ

แหล่งที่มา : Line chulahospital

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เลือดกำเดาไหลในเด็ก ทำอย่างไรดี?

พบบ่อยในเด็กปกติ ในช่วงวัยเด็กเล็ก อายุ 2-3 ขวบ
ไปจนถึงวัยประถมต้น และหายได้เองเมื่ออายุโตขึ้น
มักมีอาการเลือดออกที่ไม่รุนแรง เลือดมักหยุดได้เอง
ภายใน 5-10 นาที พบบ่อยในช่วงฤดูหนาว หรืออาการที่แห้ง

อาจเกิดจากการแคะ แกะ เกาบริเวณจมูกอย่างแรง
หรือได้รับอุบัติเหตุบริเวณใบหน้าหรือศีรษะ
หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้จมูก เป็นต้น

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากลูกน้อยมีเลือดกำเดาไหล ดังนี้
  1. ให้เด็กนั่งตัวเองไปข้างหน้า
    และให้ศีรษะก้มลงเล็กน้อย
    เพื่อให้เลือดไหลออกทาง
    จมูกแทนที่จะไหลลงคอ
  2. ใช้มือบีบจมูกบริเวณปีกจมูกเบาๆ
    ในข้างที่มีเลือดกำเดาไหล อย่างน้อย 10 นาที
  3. หากเลือดยังไม่หยุดไหลนานเกิน 30 นาที
    ให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์
ที่มา  :  รศ.พญ.ดารินทร์  ซอโสตถิกุล

แหล่งที่มา : Line chulahospital

อาการบ่งบอกว่างูมีพิษกัด!

1. อาการเฉพาะที่
ปวด บวม อาจเห็นรอยเขี้ยวพิษของงู
เป็นจุด 2 จุดในบริเวณที่ถูกกัด
นอกจากนี้ อาจมีรอยช้ำ มีถุงน้ำพอง

2. อาการตามระบบ
งูที่มีพิษต่อระบบประสาท 
ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หนังตาตก
กลืนลำบาก และเกิดอัมพาต
อาจเสียชีวิตได้ ต้องรีบทำ
การช่วยหายใจโดยด่วน

งูที่มีพิษผลต่อระบบโลหิต 
ทำให้เกิดเลือดไหลไม่หยุด
เช่น มีเลือดออกไรฟัน
ออกจากทางเดินอาหาร
ทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น
ถ้าเลือดออกรุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้
นอกจากนี้ พิษงูแมวเซา อาจทำให้เกิดไตวายร่วมด้วย

หากโดนงูกัดและสงสัยว่ามีพิษให้รีบพาส่งโรงพยา

ที่มา  :  ศ.นพ.พลภัทร  โรจน์นครินทร์

แหล่งที่มา : Line chulahospital

ไทยรอยด์ทำให้อ้วนขึ้น...จริงหรือ?

หากมีภาวะอ้วนขึ้นแบบผิดปกติ แม้ว่าทานอาหารน้อย
อาจเป็นสัญญาณของ "ภาวะต่อมไทยรอยด์ทำงานต่ำ"
นอกจากนี้อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น
  • ผมร่วง
  • ผิวแห้ง
  • ท้องผูก ขี้หนาว
  • อารมณ์ทางเพศลดลง
  • เสียงแหบพร่า
  • คอโตขึ้น
  • ง่วงนอนบ่อย อ่อนเพลีย
  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • อาจเป็นตะคริวบ่อยๆ
หากมีอาการสงสัยโรคไทยรอยด์ ควรปรึกษาแพทย์

ที่มา  :  อ.นพ.วิทวัส  แนววงศ์

แหล่งที่มา : Line chulahospital

10 วิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลโรคหลอดเลือดหัวใจ

  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร
    โดยเน้นอาหารที่มีประโยชน์หลากหลาย
    และครบ 5 หมู่ เพื่อช่วยควบคุมความดันโลหิต
    และคอเลสเตอรอล
  • ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงหรือโรคเบาหวาน
    ควรควบคุมโรคให้ดี
  • ลดเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาล และ
    อาหารรสเค็มจัด เพื่อลดอัตรา
    การเกิดโรคความดันโลหิตสูง
  • รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ
    และกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชต่างๆ
  • งดการสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มอัลกอฮอล์
  • ควบคุมความเครียด
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • หลีกเลี่ยงอาหารขยะ อาหารจานด่วน
    อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูป
    อาหารแช่แข็ง อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง
    เช่น กะทิ เนย มาร์การีน เครื่องใน
    ไข่แดง กุ้ง ปลาหมึก คุกกี้ ไส้กรอก
ที่มา  :  อ.พญ.ศิริพร  อธิสกุล

แหล่งที่มา : Line chulahospital

วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ศิลปะแห่งการงีบหลับ

ศิลปะแห่งการงีบหลับ
เรามานอนกลางวันกันเถอะ

โดยระยะเวลางีบหลับที่แนะนำก็คือ
10 - 20 นาที เพราะระยะเวลานี้ 
จะทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า
แถมยังทำให้เราหายงัวเงียช่วงบ่ายได้
และไม่รบกวนกับการนอนช่วงกลางคืนด้วยนะ

แต่ระวังให้ดี ถ้ามันก้าวข้ามไปถึง 30 นาทีแล้วล่ะก็
มันจะกลายเป็นการงีบที่ดูดพลังไปแทน
คุณจะตื่นมาพร้อมกับความเหนื่อยล้า ไม่สดใส งัวเงีย
และส่งผลต่อการนอนหลับตอนกลางคืนอีกด้วย
.
แต่ถ้าเป็นการนอนหลับถึง 60 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง
มันจะเป็นการนอนที่ส่งผลดีต่อการจำ
(เป็นการนอนในช่วง slow-wave sleep)
อาจจะตื่นมามึนงงบ้าง แต่ก็นับว่าเป็น
ระยะที่ดีต่อการจำ เหมาะสำหรับก่อน
การพรีเซนต์งานหรือการอ่านหนังสือก่อนสอบ

การงีบ 90 นาที นับว่าเป็นการงีบที่ครบรอบพอดี 
ซึ่งจะผ่านหลายช่วงของการนอน ระยะเวลานี้
จะช่วยให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีขึ้น
จดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น แถมเหมือนได้หลับเต็มตื่น
แต่อาจจะดูนานไปหน่อยสำหรับการงีบระหว่างการทำงาน
(จริง ๆ ระยะเวลาการนอนหลับค่อนข้างละเอียด อาจจะหา
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ REM Sleep แล้วจะเข้าใจมากขึ้น)

ช่วงเวลาที่แนะนำสำหรับการงีบก็คือ
ช่วง 13.00 น. – 16.00 น. เพราะปกติแล้ว
ตามธรรมชาติของมนุษย์ นี่เป็นช่วงเวลางัวเงีย
จากที่เราทานข้าวกลางวันมาแล้ว และ
สัญชาตญาณก็บอกให้เรานอนตอนนี้
ถ้าเราได้งีบเล็ก ๆ นับว่าจะเป็นผลดีเลยล่ะ

ส่วนท่าที่เหมาะแก่การงีบก็คือ
การเอนหลังพิงพนัก
อาจจะไม่ใช่การนอนที่สะดวกสบายนัก
แต่ก็เป็นการป้องกันการหลับลึกนั่นเอง
.
ส่วนข้อสุดท้ายเป็นเหล่าอุปกรณ์ที่ช่วย
ให้การงีบหลับมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

1. ดินสอ
อันนี้เป็นเทคนิคเดียวกับไอน์สไตน์
โดยจะเป็นการถือดินสอไว้ในมือ
เพราะถ้าเราหลับลึกเมื่อไรดินสอ
เราจะหล่น และเราจะสะดุ้งตื่นนั่นเอง

2. กาแฟ
การดื่มกาแฟก่อนงีบจะช่วยให้เราตื่นมา
กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลไป
กาแฟจะยังไม่ออกฤทธิ์ในช่วง 20 นาทีแรก
ที่เราแวบมางีบ

3. มือถือ 
ตั้งปลุกไว้เถอะครับเพื่อความปลอดภัย
และได้ระยะเวลาที่ถูกต้อง

4. ที่ปิดตา
เพื่อการงีบที่สมบูรณ์แบบ
เราต้องสร้างบรรยากาศที่มืด
ให้เหมาะสมแก่การนอน

แต่ที่ทำงานคงไม่ได้มีที่มืดให้นอนขนาดนั้น
ก็พกพาที่ปิดตาไปเลย
อยากงีบตอนไหนก็ใช้ได้เลย
.
แต่ระวังกันหน่อยนะ สำหรับบางองค์กร
การงีบหลับอาจจะดูเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
สักเท่าไร ถึงแม้จริง ๆ แล้วการนอนหลับสั้น ๆ
จะไม่ใช่สิ่งที่แย่เลย แถมช่วยให้การทำงาน
มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกต่างหาก แต่
สำหรับสังคมไทย การกระทำแบบนี้
อาจจะยังไม่เปิดกว้าง ยังไงก็ลองเช็ก
วัฒนธรรมองค์กรดี ๆ ก่อนที่จะงีบหลับนะ

 แล้วคุณล่ะ มีความคิดอย่างไรบ้าง
มันเหมาะสมไหมกับการงีบหลับช่วงบ่าย ๆ
ตอนทำงาน มาร่วมแชร์กันได้เลยครับBrandThink
6 พฤศจิกายน เวลา 07:00 น. ·
ศิลปะแห่งการงีบหลับ
เรามานอนกลางวันกันเถอะ

เราอาจจะเคยผ่านตากันมาบ้าง
สำหรับบทความที่พูดถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่น
ที่อนุญาตให้หลับในที่ทำงานได้
โดยเจ้านายไม่ว่า เพราะที่นั่นการงีบหลับ
ระหว่างทำงานเป็นเหมือนสัญลักษณ์
ของการทำงานหนัก และเป็นเรื่องธรรมดา
มาก ๆ เพราะแสดงออกถึงความอ่อนล้า
มันแปลว่าคุณทำงานหนักนั่นเอง
(แถมมีบางคนแอบนอนหลับ เพื่อแสดงว่า
ตัวเองทำงานหนักอีกด้วย) และในไทย
หลายองค์กรสมัยใหม่ก็เริ่มมีนโยบาย
ให้พนักงานใช้เวลาช่วงเล็ก ๆ ไป
กับการงีบหลับ เพราะจริง ๆ แล้ว
การงีบหลับที่มีระยะเวลาที่ถูกต้อง
จะช่วยให้สมองเราทำงานได้
อย่างลื่นไหลมากขึ้นอีกหลายระดับ

ข้อมูล   Facebook BrandThink  6 พฤศจิกายน เวลา 07:00 น. · 

แหล่งที่มา  :  Facebook Toolmorrow 

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

รู้จัก "วีเนียร์"

รู้จัก "วีเนียร์" 
กันสักนิด ก่อนคิดจะทำ

การทำวีเนียร์ คือ
การกรอผิวฟันออกเล็กน้อย
แล้วทำการปิดทับด้วยวัสดุเซรามิก
มีความแข็งแรง ทนทาน

ข้อเสีย
  • ค่าใช้จ่ายสูง
  • ต้องพบทันตแพทย์ในการรักษา
    และจัดแต่งฟันอย่างน้อย 3 ครั้ง
  • หากทันตแพทย์ไม่มีประสบการณ์ในการรักษา
    อาจทำให้ผลงานออกมาไม่สวยงามเท่าที่ต้องการ
  • ต้องอาศัยความชำนาญของทันตแพทย์
    เนื่องจากมีความซับซ้อน
  • วัสดุที่ใช้ยึดติดเซรามิกวีเนียร์อาจเปลี่ยนสี
    หรือกระเทาะได้ หากดูแลไม่ดีพอ
  • การซ่อมแซม หรือทำวีเนียร์ทดแทน
    ส่วนที่เสียหายทำได้ยากและใช้เวลานาน
  • มีโอกาสที่วีเนียร์แตกหักได้จากการกิน
    ของแข็ง หรือของเหนียว
  • มีโอกาสที่ฟันคู่สบสึกได้
ที่มา  :  ทพญ.ธนิตา  ณรงค์เดช

แหล่งที่มา : Line chulahospital

อาการหลอดเลือดหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

อาการหลอดเลือดหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
ควรรีบไปพบแพทย์

- เจ็บแน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ
เฉียบพลัน รุนแรงนานกว่า 20 นาที
เจ็บแน่นร้าวขึ้นกราม อาจร้าวไปไหล่
หรือแขนซ้าย มักเกิดขึ้นขณะออกแรง
หรือออกกำลังกาย

- เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
- ใจสั่น เหงื่อแตก คล้ายจะหน้ามืด เป็นลม

- หายใจหอบ บางรายนอนราบไม่ได้
- เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว

- บางรายถึงขั้นหมดสติ
หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน

หากมีอาการเบื้องต้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ที่ห้องฉุกเฉิน หรือโทรแจ้งสายด่วน 1669
เพือขอความช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
ที่ใกล้ให้เร็วที่สุด

ที่มา  :  อ.พญ.ศิริพร  อธิสกุล

แหล่งที่มา : Line chulahospital

1 ชั่วโมงหลังจากดื่มน้ำอัดลมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“น้ำอัดลมเป็นสิ่งไม่ดี”
คำนี้เรามักจะได้ยินมาโดยตลอดจากผู้ใหญ่หรือพ่อแม่
เนื่องจากจะตามมาด้วยโรคอ้วน กระดูกพรุน หรือฟันผุ

คำเหล่านี้คอยหลอกหลอนเด็ก ๆ มานาน
ซึ่งน้ำอัดลมในที่นี้คือน้ำอัดลมผสมน้ำตาล
ในกลุ่มน้ำสีดำโดยจะมีปริมาณน้ำตาลตั้งแต่
7 – 10 ช้อนชา แต่ทั้งนี้ Niraj Naik

เจ้าของบล็อก The Renegade Pharmacist
ได้ทำการวิจัยน้ำอัดลมผสมน้ำตาลยี่ห้อหนึ่ง
และออกมาเล่าถึงช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ร่างกายได้
ดื่มน้ำอัดลมผสมน้ำตาลเข้าไปจะเกิดอะไร

10 นาทีแรก 
คุณได้รับน้ำตาล 10 ช้อนชาจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
ซึ่งความหวานที่มีปริมาณมากขนาดนี้แต่ไม่ได้ทำ
คุณอ้วกออกมา เพราะในน้ำดำมีกรดฟอสฟอริก
สารที่จะช่วยลดความหวานจึงทำให้เราดื่มมันต่อไปได้
.
นาทีที่ 20 
น้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูงขึ้น
ส่งผลให้ร่างกายรีบปล่อยอินซูลินออกมา
และตับจะตอบสนองด้วยการเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมัน
.
นาทีที่ 40 
คาเฟอีนจะถูกดูดซึมเสร็จสมบูรณ์
ม่านตาดำของเราจะขยาย
ความดันเลือดสูงขึ้น

ส่วนตับก็เร่งน้ำตาลไปยังเส้นเลือดมากขึ้นอีก
ตุ่มรับอะดีโนซีนในสมองขณะนี้จะถูกบล็อก
ไม่ให้เราง่วงนอน โดยสมองจะสั่งการให้
ร่างกายเร่งสร้างโดพามีนเพื่อกระตุ้นให้เรารู้สึกมีความสุข
.
นาทีที่ 60 หรือครบ 1 ชั่วโมง 
กรดฟอสฟอริกจะรวมตัวกับแคลเซียม
แมกนีเซียม สังกะสีที่อยู่ในลำไส้
ซึ่งจะก่อให้เกิดกระบวนการเผาผลาญ
น้ำตาลในปริมาณสูง และสารเพิ่มความหวาน
รวมถึงถึงคาเฟอีนจะทำให้เราปวดปัสสาวะ
จนต้องขับออก แน่นอนว่าเราได้สูญเสียแคลเซียม
แมกนีเซียม และสังกะสีที่มีประโยชน์กับกระดูก
รวมถึง โซเดียม อิเล็กตรอไลด์ และน้ำด้วย
.
หลังจากกระบวนการทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว
ร่างกายจะเกิดอาการ “Sugar Crash”
ที่ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียหลังจาก
ที่กินน้ำตาลไปเป็นจำนวนมาก และนั่น
พออ่อนเพลียก็ทำให้เรารู้สึกอยากดื่ม
น้ำอัดลมอีก พอเราดื่มเข้าไปก็จะวน
อยู่แบบนั้นตามที่บอกไปข้างต้น
.
อย่างไรก็ดี ทางบริษัทน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่ง
ก็ได้ออกมากล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวที่ทำขึ้นมานั้น
ค่อนข้างหลอกหลวง สร้างความหวาดกลัว
ให้กับผู้บริโภคมากเกินไป เพราะบริษัท
ได้ผลิตน้ำอัดลมให้กับหลายล้านคนทั่วโลก

แต่ทางผู้ผลิตเครื่องดื่มก็ได้ย้ำว่า
ยังมีโปรดักต์ที่ห่วงใยสุขภาพผู้บริโภคอยู่
เช่น น้ำอัดลมสูตรน้ำตาลน้อย
หรือไม่มีนำตาล เป็นต้น ทั้งนี้ไม่ว่าจะดื่ม
หรือรับประทานอะไรควรพิจารณาให้ดี
และอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมน่าจะดีกว่า

อ้างอิง: https://bit.ly/2yJspC2

แหล่งที่มา  :  Facebook Toolmorrow

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ออกกำลังกายให้ถูกวิธี

ออกกำลังกายให้ถูกวิธี
เคล็ดลับดีๆ ต่อร่างกายร่างกาย
ด้านต่างๆ ได้แก่

ความทนทาน (Endurance)
ช่วยให้หัวใจแข็งแรง ร่างกายลำเลียงเลือด
ออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ได้ดีขึ้น เหนื่อยช้าลงเวลาทำกิจกรรมต่างๆ)

ความแข็งแรง (Strength)
ช่วยให้ยกของหนัก ออกแรง
ทำกิจกรรมที่ต้องใช้กล้ามเนื้อได้ดีขึ้น

ความยืดหยุ่น (Flexibility)
ช่วยให้ยึดตัว ก้มตัว เอี้ยวตัว
หรือเคลื่อนไหวร่างกายไปได้ง่าย
ป้องกันภาวะข้อยึดติด

การทรงตัว (Balance)
ช่วยให้ทรงตัวได้ดีขึ้น
ป้องกันความเสี่ยงจากการหกล้ม

ที่มา  :  อ.พญ.สกุณี  กระกูลสุขสถิตย์

แหล่งที่มา : Line chulahospital

รู้ให้เท่าทัน "โรคหัวใจ"

โรคหัวใจ
เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 4 ของคนไทย
รองจาก โรคมะเร็ง, โรคหลอดเลือดในสมอง
และโรคปอด และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี

5 อันดับโรคหัวใจในคนไทย คือ
1. โรคลิ้นหัวใจ
2. โรคหลอดเลือดหัวใจ
3. โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
4. โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
5. โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

หากมีอาการต้องสัยว่าเป็นโรคหัวใจ
ควรรีบไปพบแพทย์  เช่น
- มีอาการเหนื่อยง่าย
- แน่นหน้าอกเป็นๆ หายๆ ใจสั่นเต้นเร็ว
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- ขาบวม
- เป็นลมหรือคล้ายจะเป็นลม
- นอนราบแล้วอึดอัดจนต้องลุกขึ้นมานั่งช่วงกลางคืน

ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและ
วินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ที่มา  :  อ.พญ.ศิริพร  อธิสกุล

แหล่งที่มา : Line chulahospita

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

8 เรื่อง ที่ต้องตีลังกาคิด เพื่อเข้าใจชีวิตได้ดีขึ้น

คิดเหมือนเดิม ชีวิตก็เหมือนเดิม ..
ตีลังกาคิด ชีวิตอาจเปลี่ยนแปลง !!
...”เราสามารถให้โอกาสชีวิต
ด้วยการตีลังกาคิด เปลี่ยนชีวิตด้วยตัวเรา”

1. ‘คำว่า ผู้ผลิต กับ ผู้บริโภค มันไม่มีเส้นแบ่งแล้ว’
...คนเสพเพลง เสพคอนเทนต์
วันนี้สามารถลุกขึ้นมาสร้างเพลง สร้างวีดีโอ
สร้างคอนเทนต์ ได้ทันที -
จากคนเสียเงิน เปลี่ยนเป็นคนสร้างเงินได้ทันที

2. ‘คำว่า ลูกจ้าง กับ นายจ้าง มันก็แทบไม่เหลือเส้นแบ่ง’
...เดิมทีนายจ้างคือ คนที่ใช้สมองเยอะ ออกแรงน้อย
..ส่วนลูกจ้าง คือ คนที่ใช้สมองน้อย ออกแรงเยอะ
...แต่วันนี้ลูกจ้างที่หนึ่ง ก็สามารถเป็นนายจ้างอีกที่หนึ่ง

...ออนไลน์เปิดกว้างให้คนธรรมดา
เป็นเจ้าของธุรกิจตัวเองได้ ถ้ามีความสามารถ

3. ‘คำว่า เกษียณ หมดอายุไปแล้ว’
 ...ฮิต เรื่องเกษียณเร็ว แต่คนรุ่นใหม่ยุคนี้ เขาสวนกลับมาว่า

‘แทนที่จะทนทำงานที่ตัวเองไม่ชอบ แล้วรีบๆ เกษียณ
 ...ทำไมไม่สร้างงานที่เราชอบจริงๆ
แล้ว ทำมันด้วยความรักและความสนุกชั่วชีวิต’

....แม่งโคตรโดน!! (จริง!! คนจน คนไม่สำเร็จ
มองงานเป็นความทรมาน ความทุกข์
...คนรวย คนสำเร็จ เขาสร้างงานที่สนุก แล้วทำตลอดไป)

4. ‘คำว่า คนรวย กับ คนจน ไม่ได้วัดจากเงิน’ .
.ยุคนี้เงินไม่ได้หายาก เพราะคนที่หาเป็นจะหาได้แทบไร้ขีดจำกัด
 ..แปลว่า เงินไม่ได้จำกัด ...สิ่งที่ทุกคนมีจำกัดคือ เวลาต่างหาก
...ดังนั้น รวยหรือจน ในยุคนี้ วัดกันที่
‘ความสามารถในการเลือกใช้เวลาในสิ่งที่ชอบ’

(คนจน ต้องใช้เวลาชีวิตทำสิ่งที่ไม่ได้ชอบ อันนี้เรียกว่า จน
...คนรวย เลือกใช้เวลาชีวิตทำสิ่งที่ชอบ
..ไม่ได้เกี่ยวเลยว่า มีเงินล้นฟ้า แต่วัดกันที่ความฉลาด
ในการเลือกใช้เวลาชีวิตที่มีอยู่จำกัด อย่างมีความสุข

- คนที่ฉลาดใช้เวลา จะมีของแถมในชีวิต คือ
ได้สร้างผลงาน และ ตำนาน ที่ฝากเอาไว้เป็น
แรงบันดาลใจ และ สร้างประโยชน์แก่คนรอบๆ ตัว)

5. ‘คำว่า เด็ก กับ ผู้ใหญ่ ไม่ได้ใช้อายุวัดอีกต่อไป’
...สมัยก่อนคนอายุน้อยคือเด็ก อายุเยอะคือผู้ใหญ่
...ซึ่งยุคนี้ คนเราไม่ได้เติบโตตามอายุที่มากขึ้น
...คนจำนวนมากในยุคนี้ที่อายุเยอะ
แต่ความเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย

สิ่งที่ใช้วัดความเป็นผู้ใหญ่ คือ การยอมรับข้อผิดพลาด
เรียนรู้ และเติบโตทางความคิด จากมัน
...ใช่!! ความกล้าหาญทางปัญญา คือ สิ่งที่ผู้ใหญ่ต่างจากเด็ก

6. ‘คำว่า ผู้นำ และ ผู้ตาม ไม่ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นตัววัด’ .
..อันนั้นเรียกว่า หัวโขน ...พอออกจากตำแหน่งเมื่อไหร่
ทุกคนเลิกให้ความสนใจ โดนเหยียบย่ำ นั่นแปลว่า สิ่งนั้นคือ หัวโขน

แต่การเป็นผู้นำ คือ การแสดงความกล้าหาญ ในจุดที่ตัวเองอยู่
...กล้าพูดความจริง ..กล้ายอมรับความจริง
 ...กล้าที่จะแก้ไขความคิดและความเชื่อที่ล้าสมัย

จริงอยู่ โลกเรา ไม่มีอะไรที่ถูกหรือผิดอย่างแท้จริง
 ...มันขึ้นกับความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา

ดังนั้น ผู้นำ คือ คนที่กล้าเลือก กล้ายืนหยัด
 และ กล้ายืดหยุ่นที่จะเรียนรู้และเติบโต

7. ‘คำว่า ผู้ให้ กับ ผู้รับ สามารถสลับกันได้ตลอดเวลา’
...ไม่มียุคใดในโลก ที่คนเราจะสามารถเปลี่ยน
เป็นผู้ให้ได้อย่างง่ายดายเท่าโลกยุคนี้
..ผู้รับยุคนี้ สามารถลุกขึ้นมาเป็นผู้ให้ได้ทันที

ให้แรง ให้ความรู้ ให้ความคิด ให้โอกาส ให้กำลังใจ ให้ความสนุก

เคล็ดลับของผู้ให้ ก็คือ คนที่จะก้าวไปเป็นผู้นำ
ผู้ได้รับโอกาส ความสำเร็จ และ ได้รับความสุข

8. ‘คำว่า สำเร็จเร็ว หรือ ช้า ไม่ได้มีความหมายจริงๆ กับชีวิต’
...ยุคนี้เราให้ความสำคัญกับความเร็ว
..สำเร็จเร็ว รวยเร็ว ทุกอย่างเร็ว
โดยลืมคิดไปว่า ชีวิตเราจริงๆ เป็นวงกลม
ป็นวัฏจักร ไม่ได้เป็นเส้นตรง

ไม่ว่าคนรวย คนจน คนมีชื่อเสียง
คนไม่มีชื่อเสียง ก็ล้วนมี ปัญหา
และ ความสุข ในแบบของตัวเอง

คนที่ไม่มีความสุขเลย คือ
คนที่พยายามเอาวัฏจักรชีวิตของตัวเรา
ไปเทียบกับคนอื่น เพราะ โอกาสและข้อจำกัด
ในแต่ละช่วงชีวิต ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน

ลองเปิดใจ แล้วทำความเข้าใจ
วัฏจักรโอกาส และข้อจำกัด
ชีวิตของตัวเราเอง จะพบว่า เราใช้ชีวิต
มีความสุขมากขึ้น เราสนุกและเราสำเร็จ
ในแบบของเราเอง

ไม่มีคนเก่งที่สุด - ไม่มีคนรวยที่สุด
- ไม่มีคนทุกข์ที่สุด - ไม่มีคนสุขที่สุด
คนที่อำนาจสูงสุด ก็คือ คนไร้อำนาจที่สุด
ในเวลาเดียวกัน ...หากเข้าใจ เราจะเลือกใช้ชีวิต
ด้วยปัญญา ในจุดดีที่สุด ในจุดที่เราเลือกยืน !!

แหล่งที่มา   :  Facebook ภาววิทย์ กลิ่นประทุม

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...