วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

เราใช้เวลาอยู่ที่ทำงานตั้งวันละ 8 ชั่วโมง

เราใช้เวลาอยู่ที่ทำงานตั้งวันละ 8 ชั่วโมง
มันจะเป็นไปได้ยังไง

ถ้าเราจะไม่มีภาพความฝันอยู่ในหัวของเราเลย?"
ประโยคชวนคิดนี้เป็นคำพูดของ "พี่นิตยา พิริยะธรรมวงศ์"
กรรมการผู้จัดการบริษัทสามัคคีประกันภัย

มีโอกาสได้คุยกับพี่นิตยาไม่กี่นาที บนห้องผู้บริหารชั้นสูงสุด
มองออกไปเห็นสนามหญ้า เห็นต้นไม้ใหญ่ในนอร์ธปาร์ค
แม้จะเป็นแค่ไม่กี่นาที

แต่ประโยคสั้น ๆ นั้น มันก็ทำให้ฉุกคิดอะไรได้ไม่น้อย
ใช่! เวลาส่วนใหญ่ของทั้งชีวิตเราหมดไปกับการทำงาน

ไม่ได้เริ่มนับตั้งแต่วันที่เราเข้าทำงานวันแรก
แต่นับจากวันที่เราเข้าโรงเรียนอนุบาล ประถม มัธยม มหาวิทยาลัย
เอาเข้าจริง ปลายทางของมันก็คือเราเรียนเพื่อจะได้
"มีอาชีพดี ๆ มีงานทำ มีรายได้ดี"

ทั้งที่เวลาเกือบทั้งชีวิต เราจะต้องใช้ไปกับการทำงาน
แต่เหมือนเราจะถูกสอนให้จบออกไป
เพียงเพื่อหาแต่งานที่เงินดี ๆ ตำแหน่งสูง ๆ
ไม่ยักมีใครบอกสักคนว่า "ให้หางานที่รักและบันดาลใจเรา"

เมื่อทำงานนาน ๆ ไป
เราหลายคนกลับพบว่า
เงินก็ไม่ดีอย่างที่คิด ตำแหน่งก็ขึ้นยาก
ไม่ต้องถามเรื่องความรักในงาน
เพราะเราไม่มีมันตั้งแต่แรกแล้ว

กี่คนที่ทำงานแล้วมีภาพฝันอยู่ในหัวว่า
"ฉันอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยงานของฉัน"
คนมากกว่ามาก ล้วนทำงานแค่ให้มีเงินใช้เดือนต่อเดือน

เมื่อคิดแบบนั้น จะไปมีภาพความฝันอยู่ในหัวได้อย่างไร?
ถึงจะเขียนหนังสือ "งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า"
แต่ก็ไม่เคยชวนใครลาออกสุ่มสี่สุ่มห้า
เน้นย้ำด้วยซ้ำไปว่า "เราต้องร่ำรวยด้วยงานที่เรารัก"

ถ้าวันนี้คุณใช้เวลาอยู่กับอะไรสักอย่างตลอดทั้งวัน
แต่คุณไม่มีภาพฝันเลยว่าเราจะสำเร็จไปด้วยกัน
มันต้องมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องแล้วล่ะ

"เราใช้เวลาอยู่ที่ทำงานตั้งวันละ 8 ชั่วโมง
มันจะเป็นไปได้ยังไง
ถ้าเราจะไม่มีภาพความฝันอยู่ในหัวของเราเลย?"
นี่เป็นประโยคชวนฉุกคิดที่น่าสนใจมาก
เหมาะกับการเอาไว้เช็คตัวเองอยู่เป็นระยะ ๆ ว่า
สิ่งที่เราใช้เวลากับมันวันละ 8 ชั่วโมง มันยังใช่อยู่มั้ย?
มันยังใช่อยู่มั้ย?

แหล่งที่มา    Facebook : Boy's Thought

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...