- หุ้นนั้นๆ ต้องเป็นเสมือน ที่ดินในทำเลดี คือ มีอนาคต ..ซื้อหุ้นดี ก็เหมือนซื้อที่ดิน
- หุ้นนั้นๆ จะต้อง มีปันผล ให้ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ และมากขึ้นเรื่อยๆ ตามการโตของกิจการ
- เราจะต้องซื้อแล้วถือหุ้นนั้นๆ เสมือนเรามีดินทำเลดี ที่เราไม่อยากขายชั่วชีวิต คือ มองหุ้นเป็นห่านทองคำ ที่จะออกไข่ทองคำเลี้ยงเราจนตาย
- เราควรซื้อหุ้นนั้นๆ ในเวลาที่เขามีวิกฤต และเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่ขายหุ้นนั้นๆ ซึ่งเราอาศัย Technical เรื่อง Overbought & Oversold ในภาพใหญ่แบบ Week หรือ Month ในการจับจังหวะในการเข้าซื้อ
- การออมในหุ้นต้องรู้จักการลงทุนเป็น Portfolio เพื่อกระจายความเสี่ยง ..ห้ามทุ่มซื้อหุ้นตัวเดียว
- นักลงทุนระยะยาว แนวออมในหุ้นมีเวลาเป็นเพื่อน เพราะยิ่งลงทุนยาว ก็ยิ่งขจัดความผันผวน และให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นไปอีก (ระยะสั้นราคาอาจผันผวนขึ้นลงเกิน 50% แต่ในระยะยาวหุ้นดีจะโตสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงซึ่งโตหลายสิบเท่า หรือหลายร้อยเท่าตัว จากจุดเริ่มต้น)
- คนที่ออมในหุ้น ต้องเป็นคนที่เห็นโอกาสในวิกฤตได้ เพราะถ้าหุ้นไม่ได้เกิดวิกฤต ก็ไม่มีทางที่จะซื้อหุ้นนั้นในราคาถูกได้ (No Free Lunch in real world)
- คนที่ออมในหุ้นจะต้องไม่พยายามซื้อถูกที่สุด เพราะในโลกนี้ไม่มีถูกที่สุด การอยากซื้อถูกที่สุดจะไม่เคยได้ซื้อ
- การเริ่มลงทุนต้องเริ่มวันนี้เลย ไม่สำคัญว่ามากหรือน้อย แต่ต้องเริ่มเลย เหมือนเล่นกีฬา เราจะรอให้เขาคัดตัวทีมชาติสัปดาห์หน้า แล้วจะเริ่มหัดเล่นสัปดาห์นี้ คงไม่สามารถประสบความสำเร็จในการติดทีมชาติ เราจึงต้องก้าวเข้าสู่ตลาดวันนี้เลยเพื่อเตรียมความพร้อมของจิตใจเพื่อการลงทุนรอโอกาสที่ยิ่งใหญ่
- กฎเหล็กของการรวยจากหุ้นคือ อยู่ในตลาดนานพอ นั่นคือ อย่างน้อยต้องอยู่ในตลาดหุ้นให้ครบ 10 ปี แม้ว่าจะล้มตลอดเวลา เพราะคุณจะเห็นรอบของหุ้นแบบ 'เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปของหุ้นทุกตัว' และจะเข้าใจแก่นแท้ของตลาด จนสามารถชนะตลาด ก็คือชนะใจตัวเองแล้วรวยจากการออมในหุ้นได้"
แหล่งที่มา Facebook : ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น