มีเพื่อนอยู่ 2 คน ซื่งสนิทสนมกันมาก ชื่อนายเฮง กับนายอู่จี๊ ทั้งคู่จะไปเก็บขยะ ขายกันทุกวันเพื่อ ที่จะเอาขยะที่ได้นั้น มาแลกเงิน เลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง ทั้งคู่ ทำงานและหาเงิน พอได้เงินก็จะนำมารวมกันเป็น กองกลาง เพื่อไช้จ่ายต่อไป
อยู่มาวันหนื่ง นายเฮงเกิดอยากกินเป็ดกับไก่ ขึ้นมาจึงแอบเอาตังค์ที่อยู่ในกองกลางไปซื้อมา โดยไม่ให้นายอู่จี๊รู้ นานวันเข้านายอู่จี๊ ชักเริ่มสงสัย ว่าเงินก็ใช้ไม่มาก แต่ทำไมเงินลดลงไปมากทุกทีเพราะ ในแต่ละวันจะใช้เงินกิน กันแค่วันละมื้อเท่านั้น นายอู่จี๊จืงเริ่มสงสัยนายเฮง และตนได้แกล้งออกไปเก็บขยะตามเดิม จากนั้นจึงแอบซุ่มดูนายเฮง และเห็นนายเฮงเดินไปซื้อ เป็ดไก่ที่ตลาดมาแทะกิน เย็นวันนั้น นายอู่จี๊กลับมากจากการเก็บขยะ แต่ด้วยความสงสาร เพื่อนที่ร่วมทุกร่วมสุขกันมานาน จืงไม่ได้ตำหนินายเฮงเลย ได้แต่เตือน นายเฮงว่า ให้ไช้เงินให้ประหยัดหน่อย อย่าฟุ่มเฟือยให้มากนัก ผ่านไป 2-3 วัน นายเฮงก็ยังคง กินเป็ด กับไก่เหมือนเคย นายอู่จี๊จึงทนไม่ไหว ออกมาต่อว่านายเฮงว่า "ถ้ารื้อยังซื้อเป็ดกับไก่ มากิน แบบนี้อีก
อั๊วว่าเราคงต้องต่างคนต่างไปแล้วละ"
นายเฮงจึงตอบตกลง รับปากว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก
พอดีวันนี้ตรงกับ วันเกิดนาย อู่จี๊พอดี นายเอ.จึงไป ซื้อเป็ดกับไก่ มาให้นายอู่จี๊กิน พอนายอู่จี๊ กลับมาจากการเก็บขยะ ก็เห็นนายเฮงถือเป็ดกับไก่ เดินตรงเข้ามาหา แล้วพูดว่า" อั้วอยากเลี้ยงรื้อเนื่องในวันเกิดของรื้อ เลยแวะซื้อเป็ดกับ ไก่มาฝาก"
นายอู่จี๊ เห็นดังนั้น จึงตอกกลับไปว่า"วันเกิดอั๊วไม่สำคัญหรอก
ธรรมดา พวกเราก็รายได้น้อย ไม่มีอะไรจะกิน อยู่แล้ว
และที่สำคัญ รื้อก็ไม่รักษาสัญญาที่รื้อให้ไว้"
เงินในส่วนกองกลางนี้รื้อเอาไปเถิด อั๊วจะเป็นฝ่ายไปเอง
จากนั้นนายอู่จี๊ ก็เดินจากนายเฮงไป
นายเฮงยังคงปฏิบัติ ตัวเช่นเคย ซื้อเป็ดไก่ มากินตลอด นานวันเข้าเงินกองกลางก็หมด รายได้ในแต่ละวันแทบจะ ไม่พอกิน ด้วยซ้ำ
5 ปีต่อมา มีข่าวว่า มีเศรษฐีผู้หนึ่ง เป็นคนใจบุญมาก ชอบมาแจกข้าวสารหน้าบ้านตน ให้แก่ผู้ยากไร้ ทุกคน นายเฮงได้ยินดังนั้น เขาดีใจมาก
และรีบตรงรี่เข้าไปขอ ข้าวสารจากเศรษฐีผู้นั้น
แต่หารู้ไม่ว่า เศรษฐีคนนั้น ก็คือ นายอู่จี๊ เพื่อนเก่าของ นายเฮง นั่นเอง
นายเฮงลงไปกราบเท้าเศรษฐี เพื่อขอข้าวสาร
เศรษฐีเห็นดังนั้น จึงพูดว่า "รื้ออยากมีกินแบบนี้ ทุกวันมั้ย"
นายเฮงตอบกลับไปในทันทีว่า "อยากครับท่าน"
เศรษฐีจึงพูดต่อไปว่า "ดีงั้นรื้อ ก็เข้ามาในบ้านอั๊วได้"
นายเฮงได้ยินดังนั้นเขารู้สึก ดีใจมากและได้กล่าวขอบคุณเศรษฐีผู้นั้น
จากนั้นเศรษฐีจึงพานายเฮงไปที่สวนหลังบ้าน ซื่งมีกระต๊อบหลังเล็กๆ ตั้งอยู่
และได้ กล่าวกับ นายเฮงว่า " มะขามต้นนี้คือ อาหารของรื้อ รื้อสามารถเด็ดไปกินได้ตามใจชอบ
ส่วนข้าวสาร พอหมด ก็ไปขออั๊วที่ เรือนใหญ่ได้"
นายเฮงรู้สึกซาบซึ้ง ก้มลงกราบเท้าเศรษฐีผู้นั้น
เศรษฐีนั้นยิ้ม และเดินจากไป
หลังจากนั้น นายเฮง ก็เด็ดมะขาม มาต้มกินทุกวัน
เขาเด็ดคราวละมากๆ หลายๆ ผล ไม่นานนัก
มะขามที่ เคยเต็มต้น ก็หมดภายในพริบตาเดียว
นายอู่จี๊ ได้แอบมาสังเกตพฤติกรรมของนายเฮงอย่างลับๆ ทุกวัน
ช่วงนี้นายเฮงไปขอ ข้าวสาร เรือนใหญ่ บ่อยขึ้น
เพราะ มะขาม นั้นได้หมดต้นไปแล้ว
2 เดือนต่อมา มะขามกลับมาเต็มต้นอีกครั้ง
นายเฮงเห็นดังนั้น จึงเด็ดมากิน แต่คราวนี้ เด็ดมาน้อยกว่า เดิมมาก วันต่อๆ มา ก็สามารถ เด็ดกิน ได้เรื่อยๆ ไม่รู้จักหมดจักสิ้น อยู่มาวันหนึ่งเศรษฐีก็มาหานายเฮง พร้อมกับถามไปว่า "เป็นไง สบายดีมั้ย" นายเฮง จึงตอบกลับไปว่า "สบายดีครับท่าน"
เศรษฐีกล่าวไปว่า "รื้อทำถูกแล้วละ ที่เด็ดมะขามวันละนิด เพราะถ้าเด็ดมากๆ มันก็จะหมดไป แต่รื้อเด็ดวันละนิด มะขามก็จะออกผล ออกมาเรื่อยๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น ก็เหมือนกับในชีวิตคนเรา ถ้าเรามีทรัพย์สินเงินทอง เราเก็บเงินที่เพียรหามาได้ และใช้จ่ายเพียงน้อยนิด เงินที่เราได้รับมานั้น ก็จะถูกเก็บสะสม ไว้มากมาย เพราะเราใช้จ่ายเพียงวันละ น้อยนิดเท่านั้น เมื่อเราอยากได้ ของสิ่งใด ก็ควรจะ เก็บเงินให้มากกว่า ของสิ่งนั้น ไว้หลายหลายเท่า ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อและเมื่อเราเก็บเงินได้มากพอ ใช้จ่ายเท่าไรก็ไม่รู้จักหมด ก็เหมือนกับต้นมะขามถ้าเรา รู้จักกินมันวันละนิด มันก็จะไม่รู้จักหมด จะออกดอกออกผลไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด"
เศรษฐีพูดต่อไปอีกว่า
"ถึงเวลาที่ รื้อ ต้องลุกขึ้นสู้ และปฏิบัติตน ให้เหมือนกับมะขามที่รื้อ เด็ดไปกินวันละ นิด นายเฮง" นายเฮง ได้ยินดังนั้น เขารู้สึกตกใจมาก ว่าเศรษฐีผู้นี้ รู้ชื่อตนได้ยังไง เศรษฐีจึง ยิ้มนิดนิด แล้วพูดว่า "อั้วเอง อู่จี๊ไง ที่เคย เป็นเพื่อนกับ รื้อ เมื่อหลายปีก่อน"
นายเฮงได้ยินดังนั้น จึงร้องไห้ไม่หยุด เพราะคนที่ช่วยเหลือเขา
ก็คือเพื่อนที่เขาเคยแอบเอาเงินไป ซื้อเป็ด กับไก่มากิน
นายเฮงกำลัง จะเดินจากไป แต่นายอู่จี๊พูดไปว่า
"เดี๋ยวก่อน ก่อนรื้อจะไป อั๊วมีอะไรจะให้ รื้อดู "
นายอู่จี๊พานายเฮง มาที่ห้องพระ
นายเฮงต้องตกใจ เมื่อเห็น ของบางอย่าง ที่อยู่บนหิ้ง
นายอู่จี๊หันไปหานายเฮงแล้วพูดว่า
"ของชิ้นนี้ ร่วมทุกขร่วมสุข กับอั๊วมานาน และถ้าไม่มีมัน ก็ไม่มี อั๊วจนถึงทุกวันนี้"
นายอู่จี๊ชี้ไปที่ถุงมือเก่าคร่ำครึ่คู่หนื่ง นั่นก็คือถุงมือที่นายอู่จี๊ เคยใช้ เก็บขยะนั่นเอง
แล้วหยิบถุงมือคู่นั้นส่งให้ นายเฮง พร้อมทั้งมอบเงิน
และอาหารจำนวนหนึ่งให้ก่อนที่นายเฮงจะจากไป
2 ปีต่อมา นายเฮงก็กลับมา หานายอู่จี๊อีกครั้ง แต่คราวนี้ นายเฮงแต่งงาน
และได้กลายเป็นเศรษฐีไปแล้ว จากนั้น เขาทั้งสองก็เป็นเพื่อนรักกันตลอดไป
ถึงเรื่องนี้จะดูแต่งมากไปหน่อย แต่ก็จะได้รู้เรื่องคุณค่าของเงินทอง
เมื่อเราเก็บออมมาได้และใช้ไปอย่างถูกวิธี
ก็จะทำให้เรามีกินมีใช้ได้ตลอดไป
ขอบคุณครับ
Mr.Farmer
Cr : www26.brinkster.com
แหล่งที่มา Facebook : Road to Billion (ถนนสู่ความมั่งคั่ง)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ตอน 37 ลาก่อนทองแดง
ตอน 36 อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...
-
ใครที่นึกเบื่อตลาดติดแอร์ แต่ชื่นชอบตลาดเปิดท้ายรวมถึงของขายแบกกะดินราคาถูก หรือร้านขายตามล็อกหลากหลายแนว มาทอดน่องช็อปให้เพลินที่ "ต...
-
การจ่ายเงินรายได้ไม่ครบถ้วน ว่าจริงๆ แล้วเงินที่ทางผู้จ้างได้จ่ายให้ผู้รับจ้างไม่ครบนั้น เพราะว่าทางผู้จ้างได้หักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น