- ใช้เป็นเครื่องประดับ – ประมาณไตรมาสละ 500 ตัน โดยเกินครึ่งมาจาก จีน และ อินเดีย
- ใช้ในอุตสาหกรรม – ประมาณไตรมาสละ 100 ตัน ส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรม semiconductor และ ทันตกรรม
- ใช้เป็นทุนสำรองของธนาคารกลาง – ประมาณไตรมาสละ 100 – 150 ตัน
- ซื้อเพื่อการลงทุนเป็นทองคำแท่ง - ประมาณไตรมาสละ 280 – 380 ตัน
- ซื้อเพื่อการลงทุนผ่านกองทุน ETF – เช่น กองทุน SPDR Gold Trust
เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงที่ราคาทองคำลงแรง (จากการเทขายของกองทุน ETF) กลับมีแรงซื้อ “สวน” เข้ามาจำนวนมาก ทั้งจากคนที่ต้องการซื้อเป็นเครื่องประดับ (เพื่อให้ของขวัญ ตามธรรมเนียมของคนจีนและอินเดีย) และจากคนที่ต้องการซื้อทองคำแท่งเพื่อลงทุน ... ว่ากันว่า 2 กลุ่มนี้ต้องการทองคำจริงๆ เป็นพวกซื้อเก็บระยะยาว แต่รอจังหวะอยู่นานเพื่อซื้อในช่วงราคาตก
อีกข้อมูลที่น่าสนใจมาก คือ ในบรรดาประเทศที่เข้าซื้อ ‘ทองคำแท่ง’ เพื่อการลงทุนในรอบปีที่ผ่านมา ประเทศไทยของเรามาเป็นอันดับ 4 ของโลก คือ ซื้อทองคำมากถึง 82.7 ตัน!!!
สรุป - ถ้าเราดูข้อมูลกันดีๆ จะพบว่า ความต้องการทองคำมาจากหลายแหล่ง การที่ทองราคาตกแรง มีสาเหตุหลักจากการเทขายของกองทุน ETF แต่ความต้องการทองคำเพื่อใช้ประโยชน์อื่น (เช่น เครื่องประดับ อุตสาหกรรม ลงทุนในทองคำแท่ง) ไม่ได้ลดลงไปด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก World Gold Council
แหล่งที่มา Facebook : SSO Savings Club
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น