วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ค่าเช่าที่คุณจ่ายอยู่ แพงไปรึเปล่า

ในธุรกิจค้าปลีกหรือร้านค้าทั่วไป ที่ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่าธุรกิจ Retail โดยมากร้านค้าเหล่านี้ จะไปเช่าพื้นที่อยู่ตามศูนย์การค้า ตลาด แหล่งชุมชนต่างๆ เพื่อเปิดร้าน และ "ค่าเช่า" จะเป็นค่าใช้จ่ายคงที่อันดับ 1 ที่ต้องจ่ายกันทุกเดือน ไม่ว่าจะขายดีขายไม่ดี

หลายคนเคยถามมาว่า ค่าเช่าที่ตัวเองจ่ายอยู่นั้น แพงไปรึเปล่า
และคำตอบที่จะให้กับทุกคนคือ

ค่าเช่าไม่มีคำว่าถูกหรือแพง
แต่เราสามารถใช้เรื่องค่าเช่า มาบอกได้ว่า ร้านชองคุณกำลังอยู่ในสภาวะไหน มีผลประกอบการดีหรือไม่
เพราะต่อให้คุณจ่ายค่าเช่าเดือนละแสนแต่ขายได้เดือนละล้าน แสนนั้นก็ถือว่าไม่แพง
แต่ถ้าคุณจ่ายเดือนละ 5,000 แต่ขายได้ 10,000 คุณก็คงไม่รอด

ตามมาตรฐานสำหรับธุรกิจ reatil "ค่าเช่า" ควรอยู่ในอัตรา 12-15% ของยอดขายสุทธิ หมายความว่า ถ้าธุรกิจของคุณมียอดขายสุทธิ หลังหักส่วนลดแล้ว 100 บาท ร้านของคุณไม่ควรจ่ายค่าเช่าเกิน 15 บาท
(คนที่ทำบัญชีอยู่ คงพอนึกภาพงบกำไร/ขาดทุนออกนะครับ ส่วนท่านที่ยังนึกไม่ออก แนะนำให้ไปศึกษาด่วน")

คำแนะนำสำหรับการเอาเรื่องค่าเช่ามาช่วยในการบริหารธุรกิจ มีดังนี้

1. สำหรับคนที่ยังไม่ได้เปิดร้าน และมองหาทำเลอยู๋  ให้เอาค่าเช่ากับกำไรต่อหน่วยจากการขายมาลองคำนวณความเป็นไปได้ดูว่า ถ้าเปิดร้านตรงนี้ ด้วยค่าเช่าราคานี้ ร้านของคุณจะอยู๋ได้หรือไม่ ถ้าคิดแล้วเกิน 15% แสดงว่าคุณค่อนข้างจะเสี่ยงที่จะเปิดร้านตรงนั้น

ตัวอย่างวิธีคิด
คุณอยากเปิดร้านกาแฟหน้าศาลากลางจังหวัด
ค่าเช่าเดือนละ 20,000 บาท
ราคากาแฟแก้วละ 50 บาท โดยเฉลี่ย
ร้านเปิด 7 โมงเช้า - 4 โมงเย็น รวม 9 ชั่วโมง
ประมาณการยอดขาย วันละ 100 แก้ว หรือประมาณชั่วโมงละ 10 แก้ว
ร้านเปิด 22 วัน/เดือน อย่างลืมคิดเรื่องจำนวนวันเปิด/ปิดด้วย เพราะบางทำเล ไม่ได้เปิดขายได้ทุกวัน
คำนวณดูก็จะพบว่า ยอดขาย = 22 x 100 x 50 = 110,000 บาท
ค่าเช่า 20,000 / 110,000 = 18%

แปลว่าคุณค่อนข้างเสี่ยงมากนะ ถ้าจะเปิดร้านตรงนี้
เพราะว่าอะไร
  1. ประมาณการยอดขาย 100 แก้วต่อวันนั้น คิดมาจากความสามารถในการชงกาแฟของเรา ตามเวลาเปิดร้าน คือคุณชงได้มากแก้วกว่านี้ไม่ได้แล้ว ดังนั้น 100 แก้วคือ ยอดขายสูงสุดต่อวันของคุณ
  2. อย่าลืมเรื่องวันฝนตก ไฟดับ เด็กลาไม่มาทำงาน เรื่องเหล่านี้มีผลกับยอดขายทั้งสิ้น (มีแต่ทำให้ขายได้น้อยลง)
ทางแก้คือ
  1. คุณหาทางทำให้ขายได้ในราคาต่อแก้วมากขึ้น
  2. หาของอื่นมาขายเพิ่ม เช่นขนม เครื่องเขียน ของน่ารักๆจากสำเพ็ง เพื่อเป็นรายได้เสริมให้ร้าน ห้ามดูถูกของเหล่านี้นะครับ ของชิ้นเล็กๆที่คนซื้อๆได้แบบไม่ต้องคิดนี่ล่ะ ทำเงินล้านให้ใครต่อใครมาหลายคนแล้ว
  3. หาทำเลใหม่ เพราะตรงนี้มันไม่ตอบโจทย์จริงๆ ฝืนใจเปิดร้านไปนี่ โอกาสเจ๊งมีเห็นๆ ทำไปทำมาค่าเช่ากินหมด
2. สำหรับคนที่ร้านเปิดแล้ว  วิธีการคำนวณก็คิดวิธีเดียวกัน แต่จะย้ายร้านก็ทำไม่ได้ ทางแก้คือ คุณต้องทำให้ยอดขายต่อชั่วโมง/ต่อลูกค้าเพิ่มขึ้น
โดยการ
  1. ไปปรับสูตรเครื่องดื่มให้ขายได้ในราคาต่อแก้วสูงขึ้น โดยใช้ของดีขึ้น แต่ทำให้ขายได้แพงขึ้นด้วยเช่นกัน เคยเห็นกาแฟรถเข็นที่มีกาแฟ 10-20 ยี่ห้อวางเรียงกันอยู่บนรถไม๊ เวลาขาย คนกินจะเลือกได้ว่าเอากาแฟยี่ห้อไหน ราคาขายก็จะเปลี่ยนไปตามกาแฟที่เลือก เช่น + 5  -10 บาท แต่ใช้เวลาทำงานเท่าเดิม
  2. ทำร้านให้น่านั่ง จะได้บวกค่าบรรยากาศเข้าไปในเครื่องดื่มด้วย
  3. ยกระดับการบริการ เช่นมี Wifi มีหนังสือพิมพ์ หรือ Free Magazine ให้อ่าน บริการเหล่านี้ มี Value ในตัวเอง ทำให้แล้วเราคิดเงินลูกค้าได้
เรื่องค่าเช่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ไม่มีใครอยากพูดถึง (แต่ก็ต้องก้มหน้าก้มตาจ่าย) แต่ถ้าเราใช้มันให้เป็นประโยชน์ในการบริหาร คุณจะเห็นประโยชน์จากมันมากจริงๆ

แหล่งที่มา      Facebook : Trick of the Trade

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...