วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คลิปน่ารัก การประลองฝีมือของลูกแมวกับนกแก้ว


คลิปสุดน่ารักนี้เป็นการประลองฝีมือกันของ 2 คู่ต่อสู้ บนพนักโซฟาที่ถูกสมมติให้เป็นสนามประลอง ฝ่ายหนึ่งเป็นลูกแมวตัวเล็กหน้าตาน่ารัก อีกฝ่ายคือนกแก้วใจกล้าตัวโต

หลังจากจ้องตากันอยู่สักพัก เจ้าเหมียวก็เปิดฉากเคลื่อนไหวก่อนด้วยการกระโดดข้ามหัวคู่ต่อสู้ ไปอยู่ในชัยภูมิที่ดีกว่า แรกๆ ก็ดูเหมือนเจ้าลูกเหมียวจะได้เปรียบ แต่ไปๆมาๆ ฝ่ายที่รุกไล่กลับเป็นฝ่ายสัตว์ปีกซะอย่างนั้น เหมียวเลยทำได้แค่ยก 2 ขาหน้าตั้งรับ ก่อนที่จะล่าถอยไปจนสุดโซฟา เมื่อไม่มีทางหนีเหมียวเลยกระโดดข้ามหัวเจ้านกแก้วอีกครั้ง แต่นกแก้วก็ตามกดดันไม่ลดละแม้เหมียวจะยกขาขู่ สุดท้ายเมื่อเหมียวเห็นว่าตนจะเพลี่ยงพล้ำเลยกระโดดหนีลงจากโซฟาซะเลย ศึกครั้งนี้ผู้ชนะก็เลยได้แก่ "เจ้านกแก้ว" นั่นเอง

แหล่งที่มา  เว็บไซต์เดลินิวส์ วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม 2555 เวลา 10:00 น.

Snail...อ่านภาษาเบรลล์


จิ๋วแต่แจ๋ว! กับอุปกรณ์ที่ชื่อว่า “Snail” จากไอเดียของ Wonkook Lee เป็นเครื่องอ่านภาษาเบรลล์ที่มีรูปทรงกะทัดรัด


วิธีใช้ก็แสนจะง่ายดาย แค่กดปุ่ม Record แล้วออกแรงกดให้มันกลิ้งไปต​ามแถบอักษรเบรลล์ เซ็นเซอร์ภายในตัวเครื่อง จะ​ทำหน้าที่แปลอักษรและออกเสี​ยงผ่านทางลำโพง

ถ้าผลิตออกมาขายจริง คงทำให้ผู้พิการทางสายตามีชีวิตที่สะดวกขึ้นอีกเยอะเลย​ทีเดียว

แหล่งที่มา  เว็บไซต์ Face book : ME by TMB cr.Yanko Design

เสื้อยืด...วาดลวดลายได้


ThinkGeek กับไอเดียสุดเก๋ ด้วยการผลิตเสื้อยืดที่ผู้ส​วมใส่สามารถวาดลวดลายได้ด้ว​ยตนเอง


เมื่อคุณซื้อเสื้อก็จะมีปาก​กา UV laser แถมมาเพื่อให้คุณวาดลวดลายไ​ด้ตามใจปรารถนา โดยลายจะจางหายไปเองในช่วงเ​วลาหนึ่ง ทำให้คุณสามารถเปลี่ยนลวดลา​ยของเสื้อได้ไม่ซ้ำ และลวดลายนี้ยังสามารถเรือง​แสงในที่มืดอีกด้วย แถมยังซักด้วยเครื่องซักผ้า​ได้อีกด้วยนะ สนนราคาไม่หนักไม่เบา อยู่ที่ 24.99 เหรียญสหรัฐ ถือว่าค่อนข้งแพงเลยทีเดียว​

แหล่งที่มา   เว็บไซต์ Face book : ME by TMB

อะไรจะเกิดขึ้นถ้าแบงค์ต่าง​ๆ มีชีวิตแล้วมาคุยกัน


ในปัจจุบันกาล ธนบัตรแบงค์ 1,000 ได้ถูกพิมพ์ออกมาสู่ท้องตลา​ด หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปอยู่​ในกระเป๋าของนักธุรกิจ ประชาชนผู้มีอันจะกินทั้งหล​าย ด้วยความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง​จนอดเก็บไว้ไม่อยู่

แบงค์ 1,000 จึงพูดกับแบงค์อื่นๆ ออกมาว่​า “นี่พวกเธอดูสิ ฉันได้เดินทางไปที่ต่างๆ กับ​บรรดาเศรษฐีทั้งหลาย ฉันไปมาแล้วทั่วโลก ทั่วทุกทวีปก็ว่าได้

แบงค์ 500 จึงพูดว่า ..... “เธอนี่โชคดีจังที่ได้เดิน​ทางไปทั่วโลก แต่ฉันก็ได้เดินทางไปตามห้า​งสรรพสินค้า ทั้งขึ้นเหนือล่องใต้ทั่วป​ระเทศเหมือนกันนะ

แล้วเธอล่ะ แบงค์ 20 เธอไปไหนมาบ้าง? เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ “ฉันไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศ หรือตามห้างส​รรพสินค้าหรอก ส่วนใหญ่ฉันจะอยู่ตามวัด เขาทำบุญวัด อยู่ในตู้บริจาค และติดอยู่ตามต้นผ้าป่า กฐิน ตามชุมชนพอเพียง ถึงฉันจะไม่ใหญ่โตอะไร ฉันก็ภูมิใจตัวเอง แม้แต่งานบุญทุกงานก็มีพวกฉันมากที่สุด จนถึงขนาดที่ว่า ขาดฉันไม่ได้เลยนะจะบอกให้

คนเราเวลาใช้จ่ายเพื่อความส​นุกสนานเพลิดเพลิน จ่ายเป็นพันเป็นหมื่นไม่มีค​วามเสียดายเลย แต่เวลาทำบุญกลับทำแค่ ๒๐ บาทก็พอ แล้วคุณล่ะ...เลือกใช้แบงค์อย่างไรกันบ้าง

แหล่งที่มา   เว็บไซต์ Face book : ME by TMB

10 อันดับ ประเทศที่เด็กไทยอยากไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมากที่สุด

1 สหรัฐอเมริกา


เป็นไปตามความคาดหมายกับ อันดับ 1 ของทีมงาน toptenthailand ประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง! ดินแดนแห่งเสรีภาพที่ใครๆ ก็อยากไปเยือนมากถึงมากที่สุด เพราะมีโควต้ารับเด็กไทยปีละป็นร้อยๆ คน จึงทำให้น้องๆ ต้องสอบแข่งขันแย่งชิงกันสุดฤทธิ์สุดเดชเพื่อให้ได้ไปที่นี่ ซึ่งถ้าหากพูดถึงอเมริกา น้องๆ หลายคนคงจะนึกถึงแต่แสงสีเสียงในนิวยอร์ก หรือฮอลลีวู้ดสุดไฮโซที่ลอสแองเจอลิส แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ที่คิดเอาไว้กับที่ไปเจอจริงๆ มักสวนทางกัน เพราะบางคนถูกส่งไปอยู่นอกเมือง ไม่มีห้าง ไม่มีซุปเปอร์มารเก็ต ไม่มีรถบัส จะเข้าเมืองทีต้องโบกรถข้างทางแล้วต่อสองแถว (มีสองแถวมั้ย?) ลำบ๊ากลำบาก ลำบากกว่าตอนอยู่ไทยอีก จากที่คิดไว้ว่าจะเที่ยวห้างทุกเสาร์อาทิตย์ แต่กลับต้องนั่งเลี้ยงวัวในฟาร์มของโฮสท์แฟมิลี่ แต่ทั้งหมดมันคือประสบการณ์ที่จะหล่อหลอมให้เราเข้มแข็งขึ้นนั่นเอง  :)

2 อิตาลี


มาถึงอันดับ 2 ของทีมงาน toptenthailand ว้าววววววว ! ไม่ต้องแปลกใจอะไรกันเลยว่าทำไมใครๆ ถึงอยากไปอิตาลี เพราะประเทศนี้เค้าครบเหมือนกัน! อาหารก็อร่อย ภาษาอิตาเลียนก็เพราะ สถาปัตยกรรมก็ยิ่งใหญ่และสวย (มาก) แหล่งช้อปปิ้งก็ดังระดับโลก และผู้ชายก็หล่อด้วย (เอ่อ... เกี่ยวมั้ย -*-) เที่ยวเป็นปีก็เที่ยวไม่ครบเหมือนเยอรมันนี่แหละ เริ่มจากเหนือจรดใต้ด้วยการไปช้อปปิ้งเชิดๆ ที่มิลาน จากนั้นก็ไปล่องเรือกอนโดล่าที่เวนิซ ก่อนไปเดินชิลๆ ชมบ้านเมืองสวยๆ ที่ฟลอเรนซ์ แว้บไปถ่ายรูปกับหอเอนปิซ่าที่เมืองปิซ่า นั่งรถไฟต่อไปดูน้ำพุเทรวี่ที่กรุงโรม ปิดท้ายด้วยไปนั่งชิลริมทะเลที่เมืองเนเปิลส์ โอ้โห น่าอิจฉาไปมั้ย?

3 เยอรมัน


ต่อมาที่อันดับ 3 ของทีมงาน toptenthailand อีกหนึ่งประเทศในยุโรปที่มักจะมีโควต้ารับนักเรียนแลกเปลี่ยนจากไทยเยอะกว่าประเทศอื่น จึงทำให้ใครๆ ต่างก็แห่มาเลือกเยอรมันกัน และแน่นอนว่าน้องๆ ส่วนมากที่เลือกไปเยอรมันกันก็มักจะเป็นเด็กศิลป์-เยอรมัน ที่ร่ำเรียนเยอรมันกันมาเป็นปีๆ และอยากจะลองไปเจอของจริงกันที่ดินแดนเบียร์แห่งนี้ ขอบอกว่าไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะจากเหนือจรดใต้ของเยอรมันนั้น เด็ดทุกที่ !! ไล่ลงมาเลยตั้งแต่แฮมเบิร์ก เบอร์ลิน ฮันโนเวอร์ ดุสเซลดอฟ โคโลญจน์ แฟรงเฟิร์ต สตุ๊ทการ์ท มิวนิค เที่ยวเป็นปียังเที่ยวไม่ครบเลยล่ะ และที่เด็ดกว่านั้นคือ ประเทศเยอรมันเป็นประเทศที่ฮวงจุ้ยดีมาก เพราะทิศตะวันตกติดเนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส ทิศเหนือติดเดนมาร์ค ทิศตะวันออกติดโปแลนด์ เชค ออสเตรีย ทิศใต้ติดสวิตเซอร์แลนด์ โอ้โห สุดสัปดาห์อยากไปเที่ยวไหน กดปุ่มเลือกได้ตามใจชอบเลย

4 ญี่ปุ่น


ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมดินแดนซูโม่แห่งนี้ถึงเข้ามาติดชาร์ท อันดับ 4 กับทีมงาน toptenthailand ของประเทศที่น้องๆ อยากไปแลกเปลี่ยนกันได้มากที่สุด เพราะที่นี่มีทุกอย่าง! ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่นสุดอร่อย หรือจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย หรือจะเป็นแหล่งช้อปปิ้ง โอ๊ยยย ช้อปได้ทั้งวันเถอะ แถมยังมีดาราญี่ปุ่นจอห์นนี่จูเนียร์ คาเมะ ทาเคชิอีกต่างๆ นานาที่ยิ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ตั้งอกตั้งใจเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ปัจจุบัน กำลังเป็นอีกภาษาชั้นนำของโลกไม่แพ้ภาษาจีน แถมยังมีเทคโนโลยีสุดทันสมัยอัปเดทก่อนใครในโลก ชุดนักเรียนก็น่ารักคิกขุอีกต่างหาก โอ้โห ไม่ว่าจะไปเรียนหรือไปเที่ยว ขอบอกว่ามันเริดที่สุดเลยญี่ปุ่นเนี่ย

5 เบลเยี่ยม


ถ้าพูดถึงดินแดนช็อกโกแลต น้องๆ คงจะนึกถึงสวิตเซอร์แลนด์ใช่มั้ย? แต่ความจริงแล้ว เค้าว่ากันว่า ช็อกโกแลตที่อร่อยที่สุดในโลกจริงๆ อยู่ที่ อันดับ 5 กับทีมงาน toptenthailand ประเทศเบลเยี่ยมนี่แหละ นอกจากนั้นก็ยังมีวอฟเฟิลชื่อดังที่ใครได้ชิมก็ต้องติดใจทุกราย ดังนั้นใครชื่นชอบขนมหวานและไม่กลัวอ้วน เบลเยี่ยมรอคุณอยู่แน่นอน และนอกจากนี้ ถึงแม้เบลเยี่ยมจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่คนที่นี่เค้าก็พูดกันถึง 3 ภาษาเลย เมืองไหนอยู่ใกล้ฝรั่งเศสก็พูดฝรั่งเศส เมืองไหนอยู่ใกล้เยอรมันก็พูดเยอรมัน และเมืองไหนอยู่ใกล้เนเธอร์แลนด์ก็พูดดัตช์กัน ดังนั้นใครอยากรู้หลายๆ ภาษาให้งงเล่นๆ Let's go to Belgium กันด่วน


6 เดนมาร์ค


เป็นอีกประเทศที่เรื่อยๆ มาเรียงๆ ฮิตกันแบบเบาๆ แต่ก็ฮิตอย่างยาวนาน อันดับ 6 กับทีมงาน toptenthailand โดยเฉพาะน้องๆ ที่ฝันอยากไปยุโรปเหนือแถบสแกนดิเนเวียที่ได้ชื่อว่าเป็นแถบที่น่าอยู่ที่ สุดและปลอดภัยที่สุดในโลก (และค่าครองชีพก็แพงปลิดชีพที่สุดด้วย) ซึ่งขอบอกเลยว่าเดนมาร์คเนี่ยเป็นอะไรที่น่าอยู่มากจริงๆ โดยเฉพาะใครที่โชคดีได้ไปอยู่ที่เมืองหลวง(กรุงโคเปนฮาเกน) เพราะที่นี่มีถนนสายช้อปปิ้งที่ยาวที่สุดในโลก ! ใครที่ชอบช้อปปิ้งในบรรยากาศชิคๆ แต่ไม่วุ่นวายเท่าปารีสหรือโรม ขอแนะนำประเทศเดนมาร์คเลย หรือใครเกิดซ่าๆ หน่อย ก็ลองนั่งรถไฟจากเดนมาร์คไปเดินเล่นแบบไปเช้าเย็นกลับที่สวีเดนยังได้เลย ใกล้กันนิดเดียว

7 บราซิล


มาถึงอันดับ 7 กับทีมงาน toptenthailand ประเทศนี้เค้าเตะฟุตบอลเก่งกันระดับโลกเลย เพราะเราๆ ส่วนมากก็รู้จักแซมบ้าบราซิลกันจากฟุตบอลใช่มั้ย? 5555 และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ เทศกาล Carnival ของบราซิลที่เป็นเทศกาลที่ดังไปทั่วโลกและใครๆ ก็อยากจะสัมผัสด้วยตัวเอง อัน ที่จริงเทศกาล Carnival เนี่ย ที่ไหนๆ ก็มี แต่เค้าก็ว่ากันว่าไม่มีที่ไหนจะยิ่งใหญ่และสนุกกว่าบราซิลแล้วล่ะ ดังนั้นใครชอบความคึกคักเฮฮาปาจิโกะ ขอแนะนำให้เลือกบราซิลกันโลดดดด ! อ้อ แล้วอีกอย่าง ที่บราซิลเค้าพูดภาษาโปรตุเกสกัน ไม่ใช่ภาษาเม็กซิกันหรือภาษาสเปน ไม่ใช่นะไม่ใช่

8 โปรตุเกส


โอ้โห ประเทศนี้ติดโพลมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ อันดับ 8 กับทีมงาน toptenthailand ไม่ได้หมายถึงโปรตุเกสไม่ดีหรืออะไรยังไง แต่เพราะน้องๆ บางคนอาจจะยังไม่คุ้นชื่อหรือรู้จักโปรตุเกสกันมากนัก แต่ขอบอกว่าเลยว่าประเทศโปรตุเกสเนี่ยเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ใครชอบความสงบและธรรมชาติริมทะเลแบบชิลๆ ห้ามพลาดที่นี่เด็ดขาด ส่วนสาเหตุสำคัญที่โปรตุเกสกลายเป็นอีกประเทศยอดฮิตที่น้องๆ อยากไปแลกเปลี่ยนกันก็เพราะว่า เกิดจากการบอกเล่ากันปากต่อปากจากรุ่นพี่ที่เคยไปโปรตุเกสต่อกันมาเป็นทอดๆ ว่าที่นี่ดีมาก สงบ น่าอยู่ ดังนั้นรุ่นน้องรุ่นหลังๆ ก็เลยอยากจะไปแลกเปลี่ยนที่นี่บ้างนั่นเอง

9 ประเทศจีน


ดินแดนมังกรยอดฮิตที่หลายคนฝันใฝ่อยากไป อันดับ 9 กับทีมงาน toptenthailand โดยเฉพาะน้องๆ ที่มีเชื้อสายจีน เพราะอาม่า อากง อาอึ้มที่บ้านต่างก็สนับสนุนให้ไปจีนกันอยู่แล้ว สาเหตุหลักๆ ก็ไม่พ้นภาษาจีนที่เป็นภาษาที่สำคัญมากๆ ภาษาหนึ่งของโลก ขอบอกเลยว่าปัจจุบันคนรู้ภาษาจีนเยอะมากๆ ดังนั้นนี่เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ไปอยู่ในประเทศจีนที่ใช้ภาษาจีน เพื่อฝึกทักษะภาษาจีนของเราให้ยิ่งเก่งกว่าคนทั่วไป รวมถึงประเทศจีนก็ยังอยู่ไม่ไกลจากเมืองไทยมาก นั่งเครื่องบิน 5-6 ชั่วโมงก็ได้กลับมาเจอหน้าคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านแล้ว แถมที่จีนเนี่ย ยังมีนักเรียนไทยไปเรียนกันเยอะมากๆ ดังนั้นขอบอกเลยว่าไม่เหงาแน่นอน คนไทยเดินสวนกันเต็มเมือง

10 ประเทศอาร์เจนตินา


เริ่มที่อันดับ 10 กับทีมงาน toptenthailand เป็นประเทศที่เรียกได้ว่ามาแรงใช่ย่อย ถึงจะอยู่ไกลสุดโพ้นถึงทวีปอเมริกาใต้ (นั่งเครื่องไม่นานหรอก  แค่วันเดียวเองอะ ก้นแฉะ) แต่น้องๆ หลายคนก็ยังยืนเป็นเสียงเดียวกันว่า "หนู/ผมอยากไปอาร์เจนตินา !" ซึ่ง สาเหตุหลักๆ ก็เพราะว่าประเทศนี้เค้าพูดภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ ดังนั้นน้องๆ หลายคนที่ชื่นชอบภาษาสเปนหรือพอพูดสเปนได้ ก็เลยอยากจะลองไปแลกเปลี่ยนที่นี่ ก็แอบสงสัยอยู่ว่า อ้าว แล้วทำไมไม่ไปสเปนกันเลย? ซึ่งน้องๆ ก็ตอบมาได้อย่างน่าสนใจมากว่า สเปนอยู่ยุโรปนี่เอง จะไปเที่ยวเมื่อไหร่ก็ไปได้ แต่โอกาสไปเที่ยวอาร์เจนตินานี่ค่อนข้างยากมาก ดังนั้นนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ไปอาร์เจนตินาในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน

แหล่งที่มา   เว็บไซต์สนุกดอทคอม ที่มา : toptenthailand 30 ก.ค. 55 15.20 น.

QBEAK อีโคคาร์ พลังงานไฟฟ้า ประโยชน์แยะ


ในปัจจุบันนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลากหลายแบรนด์ได้เริ่มผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประหยัดพลังงานออกสู่ตลาดให้เลือกมากมาย และอีโคมูฟ (ECOMove) ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศเดนมาร์กก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อล่าสุด อีโคมูฟได้พัฒนา คิวบีก (QBEAK) รถพลังงานไฟฟ้าออกมาขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมเป็นรถอีโคคาร์ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวเชียว



สมรรถนะเบื้องต้นรถคิวบีกคันนี้ คือรถพลังงานไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับใช้ในตัวเมือง มีน้ำหนักประมาณ 420 กิโลกรัม ใช้พลังงานแบตเตอร์รี่ 2 ตัว ความแรง 70.8 กิโลวัตต์ วิ่งได้ 300 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยแบตเตอรี่ 2 ตัวนี้ สามารถอัพเพิ่มเป็น 6 ตัวได้ด้วย ซึ่งแบตเตอรี่นั้นไม่กินไฟและมีอายุการใช้งานยาว ด้านการขับขี่สามารถขับลัดเลาะไปที่ไม่สะดวกได้ดีมาก เหมาะมากสำหรับการขับหาที่จอดรถที่เล็กแคบเข้าถึงลำบาก



ด้านที่นั่งภายในรถนั้นสามารถนั่งได้สูงสุด 6 คน พร้อมความอเนกประสงค์มากมาย ขณะที่พื้นที่ด้านหลังรถก็อันกว้างขวางจนคุณสามารถบรรทุกสิ่งของขนาดใหญ่ได้ ส่วนประตูเลื่อนเป็นแบบสไลด์ทำให้เปิดออกได้ง่ายแม้ในที่คับแคบ อีกทั้งยังสามารถเลือกสีของรถทั้งภายนอกภายในและตกแต่งอุปกรณ์เสริมไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือสื่อสาร ระบบตรวจสอบพลังงานแบตเตอรี่ และอื่นๆ ได้ตามที่คุณต้องการ และด้วยการปรับแต่งรถที่หลากหลายนี้ ทำให้คิวบีกสามารถใช้เป็นทั้งรถส่วนบุคคล รถสำหรับส่งของ หรือรถบริการแท็กซี่ก็ไม่เลวเลยทีเดียว



ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ได้รับรางวัลชนะเลิศยานพาหนะที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากทวีปยุโรป (European Electric Vehicles Early Stage Investment Opportunity Award) มาสดๆ ร้อนๆ ในปี 2555 นี้ ทางอีโคมูฟ บริษัทผู้ผลิตและพัฒนารถอีโคคาร์จากประเทศเดนมาร์ก ออกมาเผยว่า ทางบริษัทจะผลิตรถให้ทันไตรมาสสุดท้ายของปีนี้แน่นอน


ผู้สนใจสามารถสั่งจองได้ล่วงหน้าที่เว็บ en.ecomove.dk ได้โดยตรง โดยมีค่าธรรมเนียมสั่งจองอยู่ที่ 270 ยูโร หรือประมาณ 10,530 บาท ซึ่งทางบริษัทจะติดต่อกลับไปภายใน 2 เดือน และหักส่วนต่างจากราคาจริงเมื่อตกลงที่จะซื้อ แต่ถ้าผู้ใดจองแล้วเปลี่ยนใจไม่คิดซื้อ ทางบริษัทก็ใจดีพร้อมยินดีคืนเงินให้ด้วย

แหล่งที่มา   เว็บไซต์กระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก en.ecomove.dk

Google Logo : 31 ก.ค. 55 London 2012 Artistic Gymnastics Men’s Rings


London 2012 Artistic Gymnastics Men’s Rings หรือยิมนาสติกสากลในโอลิมปิก 2012 คือ โลโก้ Doodles สำหรับวันนี้ ลักษณะของ London 2012 Artistic Gymnastics Men’s Rings เป็นชายมีหนวดใส่เสื้อกล้ามสีเขียวกางเหงขายาวสีขาวกำลังโหนห่วงคู่ โดยห่วงสองอันนี้ก็คืออักษรตัวโอ (O) สองตัวของคำว่า Google นั่นเอง

ความรู้เกี่ยวกับกีฬายิมนาสติกในโอลิมปิกฤดูร้อน
กีฬายิมนาสติก (Gymnastics)นั้นมีการแข่งขันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ยิมนาสติกที่สำหรับใช้แข่งขันในโอลิมปิก มี 3 ประเภท คือ
  1. อาร์ทิสติก ยิมนาสติก (Artistic Gymnastics) หรือ ยิมนาสติกสากล ประเภทนี้จะใช้อุปกรณ์ ได้แก่ ม้ากระโดด ม้าหู บาร์ต่างระดับ บาร์คู่ บาร์เดี่ยว ห่วง คานทรงตัว รวมทั้งฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์
  2. ประเภทริธมิค ยิมนาสติก (Rhythmic Gymnastics) หรือ ยิมนาสติกลีลา จะมีเฉพาะประเภทหญิงเท่านั้น และเริ่มแข่งขันในโอลิมปิกในปี 1984
  3. ประเภททรัมโปลีน (Trampoline)มีการแข่งขันครั้งแรกในโอลิมปิกปี 2000 ที่ซิดนีย์
จะเริ่มแข่งขันตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม ถึง 12 สิงหาคม 2555 โดยประเภทยิมนาสติกสากล และ แทมโพลีน แข่งที่สนาม North Greenwich Arena ส่วนยิมนาสติกลีลา แข่งที่สนาม Wembley Arena และมีจำนวนนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 264 คน ส่วนนักกีฬายิมนาสติกของไทยไม่ได้เข้าร่วมแข่งขัน

North greenwich Arena สนามที่ใช้แข่งยิมนาสติก
กีฬายิมนาสติกในโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 แบ่งตามเพศ ได้แก่

ชาย
  • ชาย ฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์
  • ค้ำถ่อชาย
  • ชาย บาร์คู่
  • ชาย บาร์เดี่ยว
  • ชาย ห่วง
  • ชาย ม้าหู
  • ประเภทบุคคล ชาย
  • อุปกรณ์รวม ทีมชาย

หญิง
  • หญิง ฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์
  • หญิง ม้าขวาง
  • หญิง บาร์ต่างระดับ
  • หญิง คาน
  • ประเภทบุคคล หญิง
  • อุปกรณ์รวม ทีมหญิง
แหล่งที่มา  เว็บไซต์อัพเดทข่าวสารไอทีและเทคนิคคอมพิวเตอร์ทุกวันที่นี่ July 30, 2012  ขอบคุณ th.wikipedia.org/wiki/

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เรียน ท่านผู้เยี่ยมชม

สำหรับเมนู "การดูแลสุขภาพ" ขอย้ายการนำเสนอบทความจากที่นี่

คลิป หมาแบกเหมียวเข้าบ้าน


ก็เพราะเพื่อนเหมียวชักช้า เดินเข้าบ้านไม่ทันใจ เพื่อนเอ๋งเลยต้องช่วยแบกขึ้นบ่า หิ้วเข้าบ้านแบบนี้แหละ


แหล่งที่มา    เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ 30 กรกฎาคม 2555, 05:30 น. 

คลิปน่ารัก เหมียวกลิ้งหลายตลบ


เห็นเพื่อนรัก 2 ตัวนี้เล่นสนุกกันแล้ว ยอมรับตามตรงว่าเวียนหัวแทน

จากคลิปเจ้าเหมียวนามว่า "มันกี้" อยู่ในอารมณ์กระตือรือร้นสุดๆ โดยเหมียวกำลังเล่นอยู่กับเพื่อนรักต่างสายพันธุ์อย่างเจ้าตูบที่ชื่อว่า "เคธี่" กิจกรรมที่ทั้งคู่เล่นกันคือ "เกมต่อสู้" ซึ่งเจ้าเหมียวคอยหลอกล่อเพื่อนตัวใหญ่ด้วยการหมุนกลิ้งไปรอบๆ อย่างรวดเร็วหลายตลบแบบควงสว่าน นอกจากเรียกรอยยิ้มจากผู้ที่พบเห็นได้แล้ว ยังสร้างความประหลาดใจว่าเหมียวทำท่าทางที่ดูยากแบบนั้นได้อย่างไร

ให้คะแนนเต็มสิบสำหรับพื้นฐานวิชายืดหยุ่นที่เจ้าเหมียวมี แต่ไม่รู้ว่าเมื่อเลิกเล่นแล้ว เหมียวจะเวียนหัวหรือเปล่าน่ะสิ

แหล่งที่มา  เว็บไซต์เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม 2555 เวลา 18:00 น.

คลิปฮา เจ้าตูบฝันดี


การนอนหลับแล้วฝันเป็นตุเป็นตะ อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับมนุษย์เท่านั้น คิดไหมว่า สัตว์เลี้ยงของเราก็อาจหลับแล้วฝันไปได้เหมือนกัน

ยกตัวอย่างจากเจ้าสุนัขจากในคลิปต่อไปนี้ ที่กำลังนอนหลับสบายบนที่นอนนุ่มๆ อยู่ดีๆ ก็ส่งเสียงครางขึ้นมาโดยที่ยังไม่ลืมตาตื่นด้วยซ้ำ ฟังดูแล้วก็คล้ายกับว่าเจ้าตูบกำลังหัวเราะร่วน เจ้าของเลยต้องหยิบกล้องวิดีโอมาถ่ายเก็บไว้ เมื่อตูบสะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็นเจ้านายหัวเราะเยาะ ถึงกับอายม้วนเอาหน้าซุกขาไปเลยทีเดียว

เราคงไม่มีโอกาสได้ทราบว่าเจ้าตูบฝันว่าอะไร แต่มั่นใจได้ว่าต้องเป็น "ฝันดี" แน่นอน ถึงได้หัวเราะซะขนาดนั้น รับชมความฮาของสุนัขตัวนี้กันได้เลย

แหล่งที่มา   เว็บไซต์เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม 2555 เวลา 10:00 น.

Smart Trashbox ถังขยะสุดฉลาด รับขยะได้เอง


ถังขยะใบนี้มีชื่อว่า สมาร์ท แทรชบ็อก (Smart Trashbox) หรือเรียกแบบไทยๆ ว่า "ถังขยะอัจฉริยะ" ผลิตโดยนักประดิษฐ์นิรนามชาวญี่ปุ่น ใช้ชื่อตัวเองว่า เอฟอาร์พี (FRP) พร้อมทั้งบันทึกวีดีโอด้วยตัวเอง โดยแสดงให้เห็นถึงการเริ่มประดิษฐ์ถังขยะใบนี้ ตั้งแต่การออกแบบ เซ็ตแผงวงจร หาค่าจุดตกและการควบคุมถังขยะให้ไปรับเศษกระดาษในจุดที่ดีที่สุด




สำหรับการทำให้ถังขยะเคลื่อนที่ได้นั้น การทำงานหลักประกอบไปด้วยล้อเคลื่อนที่ 3 ตัว แผงวงจรมอเตอร์และสายพาน เมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้วก็นำไปใส่ไว้ด้านล่างของถังขยะซึ่งทำให้เคลื่อนไหวได้ โดยใช้พลังงานจากถ่านไฟฉาย 4 ก้อน ส่วนด้านบนของกลไกนั้นจะมีตัวเซ็นเซอร์ตรวจจับวัตถุ ทำให้สามารถรู้ทิศทางของขยะว่าจะลอยไปทางไหน เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วก็สามารถทำให้ถังวิ่งเข้าหาเศษขยะได้อย่างไม่น่าเชื่อ แล้วเมื่อรับขยะได้แล้วถังก็จะหยุดนิ่งเหมือนถังขยะทั่วไปเช่นเดิม


จากคลิปการทดลองทำให้เห็นได้ว่า ถังขยะใบนี้สามารถรับขยะหลายรูปแบบเช่น เศษกระดาษ กระป๋องเบียร์ ลูกบอล และตุ๊กตา ได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามในตอนนี้ คุณเอฟอาร์พียังต้องการพัฒนาให้ถังขยะสามารถรับขยะได้ในอาณาเขตที่ไกลกว่าเดิม เช่นนั้นแล้วเราขออวยพรให้คุณสร้างให้สมบูรณ์แล้วผลิตออกมามากๆ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเดินไปทิ้งขยะที่ถังโดยตรง สะดวกดี ฮ่าฮ่า


ตอน 26 ฝึกจูงพาไปนอกบ้าน

ตอน 26    อ่านตอนยี่สิบห้า เรื่อง "น้องหมาอายุครบ 5 เดือนเต็มแล้ว" ได้ที่นี่



ช่วงนี้ลูกหมาที่บ้านโตกันมากแล้ว จนน่าจะเป็นหมาใหญ่ แต่ก็ยังมีนิสัยขี้เล่นแบบเด็กๆ ไม่ยอมโต ยังเล่นทโมนกันอยู่เลย



กำลังฝึกใช้สายจูงทองแดง แพนดา เพิ่งสอนได้ไม่นานนัก.... เริ่มจากฝึกจูงในบ้านก่อน ก็ดูทีท่าน่าจะไหวนะ ซึ่งการฝึกครั้งแรกจะเริ่มจากแพนดาก่อน (ให้ทองแดงอยู่ในกรงชั่วคราว) เมื่อใส่สายจูงแพนดาคงตกใจที่อยู่ๆ ก็มีสายมาคล้องคอ ตกใจกระโดดอยู่ในช่วงแรก จึงได้บอกแพนดาว่า "ใจเย็นๆ นะ" หยุดและเดินมา ไม่มีอะไร สักครู่แพนดาก็เริ่มปรับตัวได้ ไม่ดิ้นและกระโดด ดูท่าก็จะฝึกง่ายออก  ส่วนทองแดงนั้นเมื่อใส่สายจูงไม่มีทีท่าเหมือนแพนดา ไม่ดิ้นและกระโดด ผูกและจูงได้ง่ายกกว่า แต่ช่วงหลังๆ ก็มีบ้างที่ดื้อไม่ยอมเดินท่าเดียว จนต้องลากไป



แต่พอพาออกไปนอกบ้าน รู้สึกทันทีว่าไม่ง่าย....เลย สำหรับการฝึก เพราะลูกหมาทั้งสองไม่เคยออกไปนอกบ้านเลย จะรู้สึกตื่น และเห่าเมื่อเจอคนหรือหมา แมว... ฯลฯ ก็จะเอาเห่าอย่างไม่ยอมท่าเดียว และดึงดันจะเข้าไปลุยอีกต่างหาก การฝึกจึงมีระยะเวลาเพียงสั้นๆ ไม่เกิน 15 นาที เพราะขืนฝึกนานกว่านี้ คนจูงคงน่าจะแย่เสียก่อน



ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ มีวิธีในการสอนและจูงลูกหมาที่มีอายุประมาณ 5-6 เดือนอย่างไร ให้ง่ายกว่าที่เล่าข้างต้น ช่วยแนะนำด้วยเน้อ...เป็นวิทยาทานสำหรับผู้อ่านที่พบปัญหาเช่นเดียวกัน และนำไปใช้ปฏิบัติต่อไปจ้า ขอบคุณล่วงหน้าเด้อ......




ติดตามตอน 27 เรื่อง "ฝึกจูงน้องหมาไปนอกบ้าน"

ไทยแชมป์ใจป้ำให้ทิปมากที่สุดในเอเชีย

ประเทศที่ให้ทิปบ่อยที่สุดในเอเชีย

  1. ไทย 89%
  2. ฟิลิปปินส์ 75%
  3. ฮ่องกง 71%
  4. อินเดีย 61%
  5. ออสเตรเลีย 55%
  6. มาเลเซีย 40%
  7. อินโดนีเซีย 40%
  8. สิงคโปร์ 33%
  9. เวียดนาม 30%
  10. จีน 28%
  11. นิวซีแลนด์ 20%
  12. ไต้หวัน 17%
  13. เกาหลีใต้ 13%
  14. ญี่ปุ่น 3%

ในสายตานักท่องเที่ยว เมืองไทยขึ้นชื่อลือชามานานว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม ทั้งยังเป็นแดนสวรรค์ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยากจะมาสัมผัสความประทับใจสักครั้งในชีวิต

แต่ล่าสุด จากการสำรวจโดยบริษัทมาสเตอร์การ์ด เวิลด์ไวด์ (MasterCard Worldwide) พบว่า เมืองไทยยังเป็นแดนสวรรค์ของบรรดาพนักงานเสิร์ฟและบาร์เทนเดอร์  ในฐานะที่เป็นประเทศที่ประชาชนติดนิสัยให้ทิปมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในอัตราสูงถึง 89%

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นโกถึงกับระบุว่า ผลที่ยืนยันถึงความใจป้ำของคนไทยเป็นเรื่องน่าชื่นชมพอกับการที่รสชาติของอาหารไทย สร้างความประทับใจให้กับคนทั่วโลกที่ได้ลิ้มลอง

ผลสำรวจดังกล่าวตอกย้ำว่า เมืองไทยเป็นสยามเมืองยิ้มอย่างแท้จริง โดยเฉพาะกับพนักงานในสถานบริการต่างๆ

ก่อนหน้านี้ ซีเอ็นเอ็นโก เคยรายงานพฤติกรรมการให้ทิปในประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโลกรวมถึงในเอเชีย โดยระบุถึงเพียง 2 ประเทศเท่านั้น คือ สิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งจากการสำรวจครั้งนี้พบว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่ 33% ของประชากรให้ทิปหลังรับบริการ หรืออยู่ในอันดับที่ 8 จากทั้งหมด 14 ประเทศที่ทำการสำรวจ ขณะที่ฮ่องกงอยู่ในอันดับที่ 3 ด้วยสัดส่วนผู้ให้ทิป 71%

ขณะที่ประเทศที่ให้ทิปน้อยที่สุด คือ ญี่ปุ่น มีอัตราผู้ให้ทิปเพียง 3% เท่านั้น  ซึ่งในเรื่องนี้ มาร์ก ฮิระซีกะ บรรณาธิการข่าวญี่ปุ่นของสำนักงานข่าวซีเอ็นเอ็นโก ยืนยันว่า การให้ทิปไม่อยู่ในประเพณีการให้บริการของชาวญี่ปุ่น  หากลูกค้าทิ้งเงินไว้พร้อมใบเสร็จก็มีโอกาสสูงที่พนักงานของร้านจะวิ่งตามและมอบเงินคืนให้อย่างไม่ลังเล

ทั้งนี้ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังเห็นว่า การให้ทิปกับพนักงานบริการถือเป็นพฤติกรรมที่เสียมารยาท ซึ่งทัศนะนี้สอดคล้องกับบางประเทศในเอเชีย เช่น จีน

ผลการสำรวจยังพบด้วยว่า ผู้ชายมักให้ทิปบ่อยครั้งกว่าผู้หญิง ยกเว้นในประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ที่ผู้หญิงให้ทิปมากกว่าผู้ชาย  คาดว่าการที่ผู้หญิงให้ทิปน้อยกว่า เนื่องจากมีความตระหนักในคุณค่าและการบริหารจัดการเงินมากกว่าผู้ชายตามที่เคยปรากฎในผลสำรวจ โดยมาสเตอร์การ์ดเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เงินของหญิง-ชายทั่วโลก เมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2011

จอร์เขตต์ แทน จากบริษัทมาสเตอร์การ์ดกล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของพฤติกรรมผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของธุรกิจระดับโลกที่จะเข้าถึงผู้บริโภคในภูมิภาคนี้

แหล่งที่มา    นสพ. M2F วันจันทร์ที่ 30 ก.ค. 55 (196)

พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากร

ใครที่เป็นนักสะสมแสตมป์หรือตราไปรษณียากร  ไม่ควรพลาดมาหาความรู้เพิ่มเติมที่ "พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากร" ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ณ อาคารหลังที่ทำการไปรษณียากรสามเสนใน ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานควาย

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ นับเป็นสถานที่รวบรวมหลักฐานด้านกิจการไปรษณียากรของไทย  เพื่อเป็นศูนย์กลางของนักสะสมและผู้สนใจเพื่อศึกษาค้นคว้าหาความรู้ผ่านนิทรรศการ

อาทิ ประวัติวิวัฒนาการของกิจการไปรษณีย์และแสตมป์ไทย และสิ่งสะสมตั้งแต่ชุดแชมป์ 2426 จนถึง ปัจจุบันกว่า 700 ชุด

โดยเฉพาะแสตมป์โสฬศ แสตมป์ดวงแรกของเมืองไทย จัดพิมพ์ขึ้นเมื่อปี 2426 ตราไปรษณียากรทองคำ ภาพต้นแบบก่อนมาเป็นแสตมป์ ตู้ไปรษณีย์ใบแรกของไทยในรูปแบบศิลปะสมัยวิกตอเรีย ที่รัฐบาลเยอรมันีมอบให้การไปรษณีย์สยามในโอกาสเปิดกิจการไปรษณ๊ย์เมื่อปี 2426 อายุกว่า 120 ปี


รวมถึงแสตมป์ต่างประเทศในรูปแบบอัลบั็มจากทั่วโลกกว่า 3,500 แผ่น จากกว่า 200 ประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องปรุฟันแสตมป์โบราณและสุดยอดผลงานที่ชนะการประกวดตราไปรษณียากรในระดับโลกของนักสะสมแสตมป์ไทย

รวมถึงผลงานชนะการประกวดภาพประดิษฐ์จากตราไปรษณียากรใช้แล้ว  โดยที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น โดยไม่เสียค่าเข้าชม

แหล่งที่มา    นสพ. M2F วันจันทร์ที่ 30 ก.ค. 55 (196)

จังหวัดที่มีวัดมากที่สุดในประเทศไทย


รู้หรือไม่จังหวัดใดมีวัดมากที่สุดในประเทศไทย ที่สุดในไทยจะพาทุกคนไปไขข้อข้องใจ 

ประเทศไทยถือว่าประเทศที่มีวัดกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ เป็นจำนวนมาก แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าจังหวัดใดในประเทศที่มีวัดมากที่สุด ซึ่งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ "จังหวัดนครราชสีมา"

จังหวัดนครราชสีมา หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักในชื่อ โคราช เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย และมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ เปรียบเสมือนประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันเป็นอย่างดี จังหวัดนครราชสีมา เป็นเมืองที่มีประวัติมายาวนานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาตร์ จนมาสมัยอยุธยา ด้วยความที่ ตั้งอยู่เป็นบริเวณชายขอบระหว่างรัฐที่มีอำนาจ เป็นเสมือน รัฐกันชน นครราชสีมาจึงมีประวัติศาสตร์เกี่ยวพันกีบความขัดแย้งของรัฐหนึ่งกับอีกรัฐหนึ่งเสมอ เรื่อยมาจนสมัยกรุงธนบุรี เจ้าเมืองพิมายและกรมหมื่นเทพพิพิธ ได้พยายามตั้งตัวเป็นชุมนุมอิสระ แต่ถูกปราบลงโดยพระเจ้าตาก ทำให้เมืองนครราชสีมากลายเป็นฐานกำลังทางทหารและการปกครองที่สำคัญของไทยมาโดยตลอด

ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ 1 เมืองนครราชสีมามีฐานะเป็นเมืองชั้นเอก และเป็นเมืองหน้าด่านของประเทศเรื่อยมา จนสมันรัชกาลที่ 5 มีการจัดตั้งมณฑลนครราชสีมา เพื่อควบคุมดูแลหัวเมืองในบริเวณใกล้เคียง เป็นมณฑลแรกของประเทศ โดยมี พระยานครราชสีมา (กาจ สิงหเสนี) บุตรเขยของพระยานครราชสีมา (เมฆ) เป็นผู้ว่าราชการคนแรก จังหวัดนครราชสีมา ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโคราช ห่างจากกรุงเทพ 259 ก.ม. มีพื้นที่ทั้งหมด12,808,728 ไร่ ซึ่งนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศแล้ว ยังเป็น จังหวัดที่มีวัดมากที่สุดในประเทศไทย ถึง 1,443 วัด มากกว่าอันดับ 2 คือ จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีจำนวนวัดทั้งหมด 1,339 วัด

Google Logo : 30 ก.ค. 55 London 2012 fencing


London 2012 fencing กีฬาฟันดาบในโอลิมปิก 2012 ซึ่ง Google ก็เปลี่ยนโลโก้อีกเช่นเคย โดยลักษณะของโลโก้จะเป็นรูปคนสองคนกำลังต่อสู่กันด้วยดาบและมีคำว่า Google อยู่ฉากหลัง จากภาพแน่นอนว่าจะเกี่ยวกับ London 2012 fencing หรือ กีฬาฟันดาบในโอลิมปิกเป็นกีฬาที่มีการแข่งขันในโอลิมปิกตั้งแต่อดีตมาตลอดจนถึงปัจจุบัน

กีฬาฟันดาบเป็นกีฬาที่มีความสำคัญและเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ลักษณะการแข่งขันเป็นการต่อสู้ระหว่างคนสองคนโดยมีดาบเป็นอาวุธใช้แทงคู่ต่อสู้เพื่อสะสมคะแนน โดยถ้าแบ่งตามลักษณะของดาบจะเป็นดาบปลายทู่กับดาบปลายแหลม ในการแข่งชันประเภทบุคคลใครทำได้ 15 คะแนนก่อน ก็จะได้เป็นผู้ชนะ ส่วนประเภททีมต้องทำให้ถึง 45 คะแนนจึงจะชนะ 

London 2012 fencing Google Doodles
London 2012 fencing การแข่งขันกีฬาฟันดาบมีการชิง 10 เหรียญทองแบ่งประเภทการแข่งออกเป็นดังนี้

ชาย 
  • ประเภทบุคคล ชาย ดาบปลายทู่
  • ประเภทบุคคล ชาย ดาบปลายแหลม
  • ประเภทบุคคล ชาย ดาบโค้ง
  • ทีมชาย ดาบปลายทู่
  • ทีมชาย ดาบโค้ง

หญิง
  • ประเภทบุคคล หญิง ดาบปลายทู่
  • ประเภทบุคคล หญิง ดาบปลายแหลม
  • ประเภทบุคคล หญิง ดาบโค้ง
  • ทีมหญิง ดาบปลายทู่
  • ทีมหญิง ดาบปลายแหลม

การแข่งขันกีฬาฟันดาบในโอลิมปิก ใช้สนาม Excel Exhibition Centre และจะเริ่มแข่งตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม 2555 นี้ มีนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขัน 236 คน

แหล่งที่มา   เว็บไซต์อัพเดทข่าวสารไอทีและเทคนิคคอมพิวเตอร์ทุกวันที่นี่ July 30, 2012 

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ชุดปลูกผักไฮโดรฯ สำเร็จรูป ง่ายสบาย เอาใจคนรักสุขภาพ


เพิ่มคำอธิบายภาพชุดแปลงปลูกผัก
ไฮโดรโปนิกส์สำเร็จรูป ‘I-Green’  
ด้วยกระแสรักสุขภาพ “ผักไฮโดรโปนิกส์” (Hydroponics) จึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นผักที่ปลูกโดยปลอดสารพิษ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อย่างไรก็ตาม ถ้าคิดจะปลูกเป็นผักสวนครัวไว้กินเองในครัวเรือน คงเป็นเรื่องยุ่งยากน่าดู เพราะกระบวนการปลูกต้องอาศัยเทคโนโลยีในการวางระบบต่างๆ ทั้งเรื่องรางปลูก การไหลเวียนของน้ำ และส่งสารอาหาร จึงเป็นเรื่องไกลตัวที่คนทั่วไปจะสามารถปลูกไว้กินเองได้        

แต่ด้วยไอเดียของหนุ่มช่างคิดอย่าง “ทิพากร วิริวิทยา” สร้างสรรค์ชุดแปลงปลูกผักไฮโดรโปนิกส์สำเร็จรูป แบรนด์ ‘I-Green’ ช่วยให้การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เป็นเรื่องง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ ขนาดคุณตาคุณยายวัยเกษียณ หรือแม่บ้านทั่วไปก็สามารถลงมือปลูกเองได้ แถมผลผลิต และคุณภาพไม่เป็นรองซื้อจากห้างสรรพสินค้า แม้แต่น้อย

 
ทิพากร วิริวิทยา 

 “ผมเรียนจบมาด้านวิศวกรรมไฟฟ้า จากนั้น ก็ทำงานประจำเหมือนคนทั่วไป แต่ส่วนตัวแล้ว ผมมีความสนใจเรื่องการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์อย่างมาก อยากจะปลูกไว้กินเองในครอบครัว เลยเริ่มศึกษาอย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ทั้งจากตำรา และยังไปเข้าอบรมหลักสูตรการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์โดยตรงจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์” หนุ่มนักประดิษฐ์เผยจุดเริ่มต้น

ทิพากรเริ่มจากทำเป็นงานอดิเรก แต่ด้วยความเป็นคนช่างคิด และช่างทดลอง ทำให้เห็นจุดอ่อนของตัววัสดุรางปลูกที่ขายทั่วไปเป็นอุปกรณ์นำเข้า ทำมาจาก “PVC” ทว่า เนื่องจากต้องวางไว้กลางแจ้ง ตากแดด ตากฝนตลอดเวลา รางปลูกที่ทำจาก PVC จะเกิดปัญหาแห้งกรอบและแตกในที่สุด     

จากที่เห็นปัญหาดังกล่าว เขาเริ่มทดลองหาวัสดุอื่นมาทดแทน โดยเลือกเป็นวัสดุ “UPVC” ซึ่งเป็น PVC ชนิดที่ใส่สารป้องกันแสง UV ไว้ มีความหนากว่า 2 มิลลิเมตร จึงมีความแข็งแรงและทนทานสูงกว่ามาก อายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี ส่วนใหญ่วัสดุชนิดนี้จะนำไปใช้ผลิตเป็นอุปกรณ์เกี่ยวกับบ้านที่ใช้งานกลางแจ้ง เช่น หน้าต่าง ระเบียงประตู กันสาด เป็นต้น โดยวัสดุ “UPVC” ที่เขาเลือกเป็นเกรดที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ “อาหาร” จึงมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค

ในส่วนขาตั้งรางปลูกทำจากวัสดุ UPVC เช่นกัน แตกต่างจากทั่วไปที่นิยมเป็นขาตั้งเหล็ก ดังนั้น ขาตั้งที่ทำจากวัสดุ UPVC ตัดปัญหาเรื่องสนิมออกไปได้ เช่นเดียวกับนอตยึดทุกตัวเป็นอะลูมิเนียม ไม่เกิดปัญหาสนิมเช่นกัน


นอกจากเรื่องวัสดุแล้ว ยังได้ปรับเปลี่ยนดีไซน์ของรางปลูกด้วย โดยเพิ่มความสูงเป็น 6 เซนติเมตร ขณะที่รางปลูกทั่วไปจะมีความสูง 5 เซนติเมตร รวมถึง ได้คิดระบบจ่ายสารอาหารแบบกึ่งฟิล์ม NFT (Nutrient Film Technique) ช่วยให้น้ำไหลเวียนได้ดี ผักดูดซึมสารอาหารได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยให้ผลผลิตผักมีน้ำหนักกว่า 150 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นน้ำหนักมาตรฐานสากล เฉลี่ยอยู่ที่ 130-150 กรัม และสูงกว่าค่าเฉลี่ยผักไฮโดรโปนิกส์ที่ปลูกโดยรางปลูกทั่วไปในเมืองไทยที่น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 110 กรัม

“รางปลูกที่ในเมืองไทยใช้กันอยู่ ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งการออกแบบรางปลูก ก็จะคิดคำนวณจากปัจจัยแวดล้อมของเขา แต่พอนำเข้ามาใช้ในเมืองไทย ซึ่ง “แสงแดด” ร้อนและแรงกว่าเมืองนอกมาก ทำให้ผลผลิตที่ได้น้ำหนักจะต่ำกว่ามาตรฐาน เช่น รางปลูกความสูง 5 เซนติเมตร เมื่อมาเจอแสงแดดแรงๆ ของเมืองไทย ระดับน้ำในรางก็จะแห้งเร็วกว่าปลูกที่ต่างประเทศ ทำให้ผักไม่ได้ดูดซับสารอาหารเต็มที่ ผลผลิตที่ได้ก็จะลดขนาดตามไปด้วย” ทิพากร อธิบายเสริม

ในส่วนระบบได้ออกแบบเป็นชุดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบสำเร็จรูป โดยเป็นรางปลูกที่ทำงานร่วมกับถังใส่สารอาหาร (น้ำปุ๋ย) พร้อมติดตั้งระบบปั๊มน้ำไว้ โดยใช้ไฟฟ้าระดับ 12 วัตต์ ไม่เป็นอันตรายต่อคน หน้าที่ของผู้ปลูกเพียงแค่ผสมน้ำปุ๋ยสูตร A และ B ตามสัดส่วนที่กำหนด เทใส่ลงในถัง แล้วเสียบปลั๊กไฟฟ้าให้เครื่องปั๊มน้ำทำงาน หลังจากนั้น ชุดปลูกก็จะทำงานเองโดยอัตโนมัติ ผู้ปลูกแค่ค่อยผสมน้ำปุ๋ยและเทเติมใส่ถังทุกๆ 2 สัปดาห์ต่อครั้งเท่านั้น     

จากเบื้องต้นแค่ทำเล่นเป็นงานอดิเรก ปลูกไว้กินเองในครัวเรือน แต่ด้วยการออกแบบระบบที่ลงตัว ใช้งานได้ง่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เริ่มมีผู้สนใจติดต่อขอซื้อจำนวนมาก ดังนั้น ได้ต่อยอดทำเป็นธุรกิจจริงจัง โดยสร้างโรงงาน พร้อมจดแบรนด์ว่า ‘I-Green’

ชุดรางปลูกแบบขั้นบันได 
เขา ย้ำว่า จุดเด่นของชุดปลูกผักฯ ‘I-Green’ อยู่ที่ความแข็งแรงทนทาน อายุการใช้งานกว่า 10 ปี อีกทั้ง ออกแบบระบบ และรูปทรงให้เหมาะสมต่อการปลูกในสภาพแวดล้อมของเมืองไทย ปัจจุบัน มี 3 รุ่น ทั้งแบบรางเปิด และรางปิด ได้แก่ 

  1. รุ่นรางปลูกแบบขั้นบันได ขนาด 70x100x90 ซม. (กว้าง x ยาว x สูง) จำนวนปลูก 30 ต้น ราคา 6,500 บาท 
  2. รุ่นรางนอน ขนาด 120x300x75 ซม. (กว้าง x ยาว x สูง) จำนวนปลูก 100 ต้น ราคา 12,500 บาท และ 
  3. รุ่นรางนอน ขนาด 120x600x75 ซม. (กว้าง x ยาว x สูง) จำนวนปลูก 200 ต้น พร้อมระบบปิดเปิดปั๊มอัตโนมัติ ราคา 23,000 บาท

ทั้งนี้ ทุกรุ่นจะได้รับอุปกรณ์เสริมครบชุด เช่น ถังใส่สารอาหาร ปั๊มน้ำ กรวยปลูกต้นกล้า ฟองน้ำเพาะต้นกล้า ถาดเพาะต้นกล้า สารอาหารสูตร A และB เมล็ดพันธุ์ผัก และคู่มือการปลูก นอกจากนั้น มีการฝึกอบรมการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ รวมถึง แนะนำจุดวางชุดแปลงปลูก และซ่อมบำรุงฟรีในกรณีเสียหายอันเกิดจากการผลิตของโรงงาน

ทิพากร เผยด้วยว่า การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แต่ละรอบ ใช้เวลา 45 วัน จากการทดสอบและใช้งานจริงของชุดแปลงปลูกผัก ‘I-Green’ เมื่อนำต้นกล้าขึ้นวางบนรางปลูกแล้ว อัตราการรอด 100% ภายใต้เงื่อนไขว่า จุดที่ตั้งวางชุดปลูก ต้องเจอแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน     

ด้วยความง่ายของชุดอุปกรณ์ดังกล่าว กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไว้ที่ผู้รักสุขภาพทั่วไป ที่ต้องการนำชุดแปลงปลูกผักไฮโดรโปนิกส์สำเร็จรูปไปปลูกเพื่อกินเองในครัวเรือน หรือปลูกเพื่อเป็นงานอดิเรก รวมถึง สามารถใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งสวนได้ด้วย

ชุดรางปลูกแบบแนวนอน
ในส่วนช่องทางตลาดนั้น มีเพียงทางเว็บไซต์ www.igreenthai.com โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะมาจากการบอกปากต่อปาก ลูกค้ามีทั้งกลุ่มผู้สูงอายุใช้เวลาว่างยามเกษียณปลูกเพื่อเป็นงานอดิเรก ตลอดจนกลุ่มแม่บ้านที่ปลูกไว้ประกอบอาหารให้แก่สมาชิกครอบครัว รวมถึง กลุ่มลูกค้าที่ต้องการนำไปใช้ปลูกเพื่อการพาณิชย์ด้วย

“ปัจจุบัน มีผู้ผลิตชุดแปลงปลูกผักไฮโดรโปนิกส์อยู่หลายราย แต่ละรายก็จะมีจุดเด่นของตัวเองต่างกันไป ซึ่งชุดอุปกรณ์‘I-Green’ เรามีเจตนาชัดเจนว่า อยากให้การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เป็นเรื่องใกล้ตัว เหมาะจะปลูกในครัวเรือน เพราะใช้วัสดุแข็งแรงทนทาน สะดวกต่อการดูแลรักษา ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เป็นเรื่องง่ายมาก ใครๆ ก็สามารถทำได้” เจ้าของไอเดีย ระบุในตอนท้าย     

รู้จักผัก "ไฮโดรโปนิกส์" 
"ไฮโดรโปนิกส์" (Hydroponics) เป็นการปลูกพืชโดยไม่ใช้วัสดุปลูก คือ จะปลูกพืชลงบนสารละลายธาตุอาหารพืช ให้รากพืชสัมผัสกับสารอาหารโดยตรง ตามรากศัพท์เดิมมาจาก ไฮโดร (Hydro) แปลว่าน้ำ และ โพโนส (Ponos) แปลว่า งาน รวมความคือ วอเตอร์-เวิร์คกิ้ง (Water-working) หมายถึงการทำงานของน้ำที่มีสารละลายธาตุอาหารผ่านรากพืช ซึ่งต้องมีการควบคุมอุณหภูมิของสารละลายธาตุอาหารพืช ให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชให้ดี

ข้อดี เป็นระบบที่ให้ผลผลิตสะอาด เนื่องจากไม่มีการใช้ดิน สามารถลดขั้นตอนการทำความสะอาดที่ทำให้ผลผลิตต้องโดนน้ำและมีโอกาสเน่าเสียได้ สามารถหลีกเลี่ยงหรือลดการใช้สารเคมีในการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชได้ ทว่า มีข้อเสียต้นทุนสูง สิ้นเปลืองพลังงาน และจำเป็นต้องใช้ความชำนาญในการดูแล

โทร.02-525-6054 , 081-130-3846 หรือ www.igreenthai.com


แหล่งที่มา   เว็บไซต์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2555 08:56 น.  

หญิงฮ่องกงแซงญี่ปุ่นคว้าแชมป์อายุยืนที่สุดในโลก


หญิงฮ่องกงครองตำแหน่งอายุยืนที่สุดในโลกด้วยอายุเฉลี่ย 86.7 ปี โค่นญี่ปุ่นแชมป์เก่า 26 สมัย ที่ตกมาเป็นอันดับ 2 เนื่องจากผลพวงของเหตุการณ์สึนามิในปีที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญชี้ชาวฮ่องกงอายุยืนเพราะอาหารและความก้าวหน้าด้านการรักษาพยาบาล แต่ห่วงปัญหาประชากรสูงอายุล้นเมือง
     
เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2555 ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ต้ากงเป้าฮ่องกงรายงานว่า เขตปกครองพิเศษฮ่องกงก้าวขึ้นมาครองแชมป์ดินแดนที่มีอายุเฉลี่ยของสตรีสูงที่สุดในโลกแทนประเทศญี่ปุ่น ด้วยอายุเฉลี่ย 86.7 ปี

โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติฮ่องกงบ่งชี้ว่า อายุเฉลี่ยของประชากรสตรีเพิ่มมากขึ้นกว่า 8 ปีเมื่อเทียบกับ 25 ปีก่อน ขณะที่อายุเฉลี่ยของชาวฮ่องกงเพศชายก็มีอัตราเพิ่มขึ้นเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่าประชากรมีสุขภาพที่ดีขึ้น และเนื่องจากอายุเฉลี่ยของเพศหญิงยืนยาวกว่าเพศชาย เพศหญิงจึงมีสถิติเป็นม่าย หย่าร้าง หรือแยกกันอยู่กับคู่ครองสูงกว่าเพศชาย โดย 15 ปีที่ผ่านมาจำนวนสตรีฮ่องกงที่พักอาศัยตามลำพังเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัว ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นหญิงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปมากที่สุด     

นับตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นครองแชมป์อายุยืนที่สุดในโลกต่อเนื่องมาถึง 26 ปี อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2555 กระทรวงสาธารณสุขและแรงงานของญี่ปุ่นแถลงว่า ปี 2554 ที่ผ่านมาอายุเฉลี่ยหญิงชาวญี่ปุ่นอยู่ที่ 85.9 ปี ลดลง 0.4 ปีจากปีก่อนหน้า รั้งอยู่ในอันดับที่ 2 ส่วนอายุเฉลี่ยชายชาวญี่ปุ่นในปีที่ผ่านมาก็ลดลงมาอยู่ที่ 79.44 ปี โดยสาเหตุสำคัญเป็นผลกระทบมาจากเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2011 ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ประกอบกับหลังเหตุการณ์อัตราการฆ่าตัวตายของสตรีญี่ปุ่นที่อายุมากกว่า 20 ปีสูงขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขและแรงงานของญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าหากไม่เกิดเหตุการณ์สึนามิดังกล่าว อายุเฉลี่ยของประชากรชาวญี่ปุ่น เพศหญิงจะอยู่ที่ 86.24 ปี ส่วนเพศชายจะอยู่ที่ 79.7 ปี
     
ต่อกรณีที่ประชากรชาวฮ่องกงอายุยืนมากขึ้น อี๋ว์ ต๋าหมิง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ตั้งข้อสังเกต 3 ข้อดังนี้คือ ประการแรก การคมนาคมในฮ่องกงมีความสะดวกสบาย อาหารการกินอุดมสมบูรณ์และหลากหลาย ส่งผลให้ชาวฮ่องกงมีสุขภาพดี ประการต่อมา ระบบการรักษาพยาบาลในฮ่องกงมีความทันสมัย ประชาชนใช้เวลาเพียง 15-20 นาทีก็สามารถเดินทางไปรับการรักษาถึงโรงพยาบาลได้ อีกทั้งทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่เท่าเทียมกัน ประการสุดท้าย ฮ่องกงมีระบบกำจัดน้ำทิ้งที่ครบวงจร ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคระบาดได้
     
นอกจากนี้ หลิว เหลียงอี้ รองผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเอ้าเหมิน(มาเก๊า) ก็ให้ความเห็นต่อกรณีผู้หญิงฮ่องกงอายุยืนยาวว่าน่าจะมาจากปัจจัยพื้นฐานในด้านระบบการรักษาพยาบาลและการดูแลป้องกันสุขภาพ นอกจากนี้หากมองในแง่แพทย์แผนจีน สตรีฮ่องกงนิยมดื่มชาเย็นซึ่งช่วยลดธาตุไฟในร่างกาย ส่งผลดีต่อการป้องกันการเกิดโรคและทำให้ร่างกายฟื้นฟูจากความเจ็บป่วยเร็วขึ้นด้วย
     
อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสความกังวลด้วยเช่นกัน สำหรับฮ่องกงซึ่งเป็นเมืองที่อัตราการเกิดต่ำ การที่ประชากรอายุยืนขึ้นจะทำให้จำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น ซึ่งหมายถึงอัตราความต้องการด้านการรักษาพยาบาลที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

บูโรห้ามแบงก์ส่ง SMS ปฏิเสธคำขอกู้


เครดิตบูโรเข้ม สถาบันการเงินปฏิเสธให้กู้ ลูกค้าต้องมีแจ้งเป็นหนังสือทางการ ห้ามส่งเอสเอ็มเอส หรือโทรศัพท์บอก ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำและปรับ

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร เปิดเผยว่า จะขอความร่วมมือกับสถาบันการเงินและสมาชิก หากปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่อให้ลูกค้า เนื่องจากลูกค้ามีปัญหาด้านประวัติการ|ชำระเงิน (ติดเครดิตบูโร) ห้ามส่งข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) แจ้งปฏิเสธสินเชื่อ หรือโทรศัพท์บอกปฏิเสธสินเชื่อลูกค้า โดยอ้างว่าสถาบันการเงินไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ได้ เนื่องจากลูกค้าติดเครดิตบูโร


สถาบันการเงินจะต้องแจ้งเป็นหนังสืออย่างเป็นทางการถึงสาเหตุการปฏิเสธสินเชื่อกับลูกค้าเท่านั้น หากสมาชิกไม่ดำเนินการตามกฎระเบียบและมีลูกค้ามาร้องเรียนเครดิตบูโร จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการเครดิตบูโรที่มีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นประธานพิจารณาลงโทษ ปรับสูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาท และปรับอีกวันละ 1 หมื่นบาท จนกว่าจะมีการส่งหนังสือแจ้งลูกค้าอย่างเป็นทางการ

นายสุรพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาเครดิตบูโรตกเป็นจำเลยสังคม เมื่อลูกหนี้ขอกู้แต่สถาบันการเงินไม่อนุมัติมักจะอ้างว่าติดบัญชีดำ ทั้งที่การให้สินเชื่ออยู่ในดุลพินิจของสถาบันการเงิน จะให้หรือไม่ให้สินเชื่อก็ได้ ทางเครดิตบูโรเป็นเพียงผู้เก็บประวัติการชำระเงินของลูกหนี้ตามที่สถาบันการเงินและสมาชิกส่งมาเท่านั้น

สำหรับในครึ่งปีหลังเครดิตบูโรมีแผนจะรุกให้ความรู้ด้านการตรวจสอบประวัติทางการเงินของตัวเองให้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพปลอมเอกสาร หรือลักลอบเอกสารส่วนตัวไปสมัครขอสินเชื่อ ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายจะโรดโชว์ไม่ต่ำกว่า 45 ครั้ง โดยร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และ ธปท.

ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 นี้มีสถาบันการเงินสืบค้นข้อมูลเครดิตบูโรเพื่อการวิเคราะห์สินเชื่อและออกบัตรเครดิตเกือบ 9.83 ล้านรายการ คาดว่าทั้งปีจะยื่นขอตรวจสอบประวัติการเงิน 20-21 ล้านรายการ จากจำนวนสมาชิก 78 ราย จำนวนบัญชีสินเชื่อรวม 67 ล้านบัญชี

แหล่งที่มา     เว็บไซต์โพสทูเดย์ 29 กรกฎาคม 2555 เวลา 13:04 น. 

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...