เธอเพิ่งกลับจากงานกีฬาสีของโรงเรียน
.
.
ระหว่างทางที่เธอเล่าเรื่องอยู่นั้น ..
มีคำหนึ่งที่สะดุดหูมากๆ คือ
.
.
สีฟ้าของหนูชนะชัวร์ เพราะชนะมาทุกปี
ใครๆ ก็อยากมาอยู่สีฟ้า
.
.
แล้วก็ลองสอบถามดู
กลับไป .. ว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา
สีฟ้า ที่เธอพูดถึง ชนะจริงๆหรือป่าว ..
และปรากฏว่า โดยมากแล้วมันก็เป็นตามนั้นจริงๆ
.
.
หากเราลองคิดให้ลึกซึ้งจากคำพูดของเด็กน้อยคนนี้แล้ว
เราสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันเราได้เกิดประโยชน์มากจริงๆ
จับมาได้ 3 ประเด็นคือ
1. เธอเชื่ออย่างหมดใจว่า
เธอต้องชนะ
เพราะเธออยู่สีฟ้า
2. ทุกคนในทีม เชื่ออย่างหมดใจ ว่า
ยังไงเราก็ต้องชนะ
เพราะ ทุกคนอยู่ทีม สีฟ้า
3. ทีมอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่สีฟ้า ..
คิดไปแล้วว่า .. โอกาสแพ้เราสูงแน่ๆ เพราะเราไม่ได้อยู่สีฟ้า .
และมันก็เป็นตามนั้น /
ปีนี้ สีฟ้า ก็ชนะอีกเช่นกัน
.
.
ในประเด็นข้อ 1+2 คือสิ่งที่ทำให้เราคิดได้ว่า
ถ้าเราเชื่ออย่างหมดใจว่าเราจะสำเร็จ
เพราะเรารู้อนาคตอยู่แล้วว่าภาพความสำเร็จมันชัดเจนแน่นอน ..
อีกทั้งเราไม่มีความคิดในหัวเลยว่ามันจะไม่สำเร็จ ..
ผลสุดท้าย เราก็จะหาทางทำให้มันสำเร็จได้ อย่างทีมสีฟ้า
.
.
ในประเด็นข้อ 3 เมื่อทีมอื่นๆ ถูกจัดอยู่ในทีมสีอื่นๆ
ต่างก็คิดกันไปแล้วว่า โอกาสที่เราจะชนะมันก็ไม่มีแล้ว ..
เพราะเราไม่ได้อยู่ “สีฟ้า” ...
ถ้าเราเชื่อว่า เราเกิดมา
ไม่ได้มีต้นทุนดีๆ เหมือนคนอื่น
เราก็คิดว่า เราไม่มีทางทำสำเร็จได้หรอก
เพราะใครๆ ก็พูดกัน
.
.
แปลกมั้ย.. ทั้งๆ ที่การจัดกลุ่มแบ่งสี ก็
ไม่ได้มีการคัดเลือกใดๆ
ต้นทุนมาก็เท่ากัน //
แต่ความเชื่อ และใจที่มุ่งมั่นไปทางนั้น ...
มันส่งผลมากกว่าเหตุผลใดๆโดยสิ้นเชิง
.
.
และหากเราเปลี่ยนสีเสื้อให้กับทีมสีฟ้าใหม่ ..
ไปเป็นสีส้ม สีเขียว เขาก็จะไม่ชนะ ... //
เพียงเพราะใจเค้าไม่ได้คิดว่า .. เขาจะชนะ ..แค่นั้นเอง
.
.
ชีวิตจริงๆ เราเป็นแบบนี้ซะส่วนใหญ่ ..
เรามักมองอะไรในกรอบที่คนโดยมากพูดกัน
มาตามๆ กันว่าต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้
.
.
เราเลยมักเชื่อไปตามนั้น
และก็ปฏิบัติไปในความเชื่อ และค่านิยมที่ฝังในใจ
.
.
ถ้าเรารู้อย่างนี้แล้ว ว่าจริงๆ ทั้งหมดนั้น มันก็มาจากใจ
และเราเองก็คิดขึ้นมาเองทั้งนั้น
.
.
งั้นก็แปลว่า ...หากเราลองเปลี่ยนความคิดดูใหม่
เชื่อ .. .. เชื่อว่าเราเองก็ทำได้ .. อย่างหมดใจ
หรือ เชื่อว่า ยังไงมันก็จะชนะ ..
.
.
โอกาสที่เราจะเข้าใกล้เส้นชัย ...
หรือเป้าหมายของเรานั้น ...
มันก็จะง่ายขึ้น อย่างคำพูดของเด็กน้อยคนนี้
.
.
ยังงัยยย.. หนูก็ชนะ...ชัวร์
.
และมันก็เป็นตามนั้น /
ปีนี้ สีฟ้า ก็ชนะอีกเช่นกัน
.
.
ในประเด็นข้อ 1+2 คือสิ่งที่ทำให้เราคิดได้ว่า
ถ้าเราเชื่ออย่างหมดใจว่าเราจะสำเร็จ
เพราะเรารู้อนาคตอยู่แล้วว่าภาพความสำเร็จมันชัดเจนแน่นอน ..
อีกทั้งเราไม่มีความคิดในหัวเลยว่ามันจะไม่สำเร็จ ..
ผลสุดท้าย เราก็จะหาทางทำให้มันสำเร็จได้ อย่างทีมสีฟ้า
.
.
ในประเด็นข้อ 3 เมื่อทีมอื่นๆ ถูกจัดอยู่ในทีมสีอื่นๆ
ต่างก็คิดกันไปแล้วว่า โอกาสที่เราจะชนะมันก็ไม่มีแล้ว ..
เพราะเราไม่ได้อยู่ “สีฟ้า” ...
ถ้าเราเชื่อว่า เราเกิดมา
ไม่ได้มีต้นทุนดีๆ เหมือนคนอื่น
เราก็คิดว่า เราไม่มีทางทำสำเร็จได้หรอก
เพราะใครๆ ก็พูดกัน
.
.
แปลกมั้ย.. ทั้งๆ ที่การจัดกลุ่มแบ่งสี ก็
ไม่ได้มีการคัดเลือกใดๆ
ต้นทุนมาก็เท่ากัน //
แต่ความเชื่อ และใจที่มุ่งมั่นไปทางนั้น ...
มันส่งผลมากกว่าเหตุผลใดๆโดยสิ้นเชิง
.
.
และหากเราเปลี่ยนสีเสื้อให้กับทีมสีฟ้าใหม่ ..
ไปเป็นสีส้ม สีเขียว เขาก็จะไม่ชนะ ... //
เพียงเพราะใจเค้าไม่ได้คิดว่า .. เขาจะชนะ ..แค่นั้นเอง
.
.
ชีวิตจริงๆ เราเป็นแบบนี้ซะส่วนใหญ่ ..
เรามักมองอะไรในกรอบที่คนโดยมากพูดกัน
มาตามๆ กันว่าต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้
.
.
เราเลยมักเชื่อไปตามนั้น
และก็ปฏิบัติไปในความเชื่อ และค่านิยมที่ฝังในใจ
.
.
ถ้าเรารู้อย่างนี้แล้ว ว่าจริงๆ ทั้งหมดนั้น มันก็มาจากใจ
และเราเองก็คิดขึ้นมาเองทั้งนั้น
.
.
งั้นก็แปลว่า ...หากเราลองเปลี่ยนความคิดดูใหม่
เชื่อ .. .. เชื่อว่าเราเองก็ทำได้ .. อย่างหมดใจ
หรือ เชื่อว่า ยังไงมันก็จะชนะ ..
.
.
โอกาสที่เราจะเข้าใกล้เส้นชัย ...
หรือเป้าหมายของเรานั้น ...
มันก็จะง่ายขึ้น อย่างคำพูดของเด็กน้อยคนนี้
.
.
ยังงัยยย.. หนูก็ชนะ...ชัวร์
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น