การจัดอันดับพิจารณาจากเทคโนโลยีการสร้างตึกสูงที่ล้ำสมัย การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร และการจัดการอาคารให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของเมืองใหญ่ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่ออำนวยความสะดวก
ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า เมื่อปี 2011 มีตึกระฟ้าระดับความสูงกว่า 200 ม. ผุดจขึ้นทั่วโลกมากถึง 88 แห่ง เทียบกับเมื่อปี 2548 ที่มีเพียง 32 แห่ง ขณะที่ในปี 2012 นี้จะมีอาคารสูงระดับโลกสร้างแล้วเสร็จมากถึง 96 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นอาคารในเอเชีย ตามมาด้วยตะวันออกกลาง ส่วนการสร้างอาคารสูงในสหรัฐลดลงอย่างฮวบฮาบ
วันนี้ (24 มิ.ย. 2555) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะกรรมการด้านตึกสูงของอังกฤษ และแหล่งชุมชนเมืองของอังกฤษ เปิดเผยชื่อตึกสูงระฟ้าที่ถือว่า"สวยที่สุดของโลก"ประจำปี 2012 ของ 4 ภูมิภาค
ตึกระฟ้าสวยที่สุดในโลก |
- อาคาร " the Absolute Towers" ของเมืองมิสสิซซอกา ประเทศแคนาดา ประจำภูมิภาคอเมริกา ได้รับการคัดเลือกเป็นอันดับหนึ่งในทวีปอเมริกา มีรูปลักษณ์ที่แปลกตาด้วยรูปทรงกรวยปิดไปมาทำมุม 209 องศา
- อาคาร 1 Bligh Street ของออสเตรเลีย ประจำภูมิภาคเอเชียและออสเตรเลีย มีจุดเด่นที่การออกแบบภายในเป็นลานโล่งจากพื้นจนถึงดาดฟ้าคล้ายปล่องขนาดยักษ์แต่มีการตกแต่งภายในล้ำสมัย
- อาคาร "Palazzo Lombardia Palazzo" ในนครมิลาน ประเทศอิตาลี ครองอันดับหนึ่งของทวีปยุโรป เป็นอาคารสำหรับหน่วยงานรัฐบาลแคว้นลอมบาร์เดีย เคยเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในอิตาลี ด้วยความสูง 161 ม. ซึ่งปัจจุบันตึกอันดับ 1 ของประเทศยังตั้งอยู่ในเมืองเดียวกัน ขณะที่ตึก The Al Bahar Towers ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองอาบู ดาบี คว้ารางวัลนวัตกรรมสร้างสรรค์ จากการออกแบบกระจกกันแสงที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์
- อาคาร "Doha Tower และ Burj Qatar" ในประเทศกาตาร์ เป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา ได้รับการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมยุคใหม่ประสานกับยุคเก่าอย่างลงตัว โดยเฉพาะกรอบหน้าต่างกระจกภายนอกเป็นรูปทรงเรขาคณิตตามแบบศิลปะอาหรับ
เมื่อปี 2011ทั่วโลกมีการสร้างตึกสูงกว่า 200 เมตร มากที่สุดเป็นครั้งประวัติการณ์ หรือ 88 แห่ง สูงกว่าเมื่อปี 2005 ซึ่งมีจำนวนเพียง 32 แห่ง อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐมีจำนวนตึกสูงลดลง สะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐที่กำลังตกต่ำ เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
แหล่งที่มา เว็บไซต์โพสทูเดย์ 24 มิถุนายน 2555 เวลา 13:07 น., นสพ. M2F วันจันทร์ที่ 25 มิ.ย. 55 (171)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น