วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

หลักในการเขียน resume ภาษาไทย


พอเข้าเดือนพฤษภาคม 2555 นักศึกษาหลายๆ คนก็เรียนจบแล้ว บางคนก็เริ่มต้นหางานทำใหม่ ดังนั้น ใบเบิกทางสำหรับการได้งานจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และเรซูเม่ที่เราส่งไปให้กับบริษัทต่างๆ นั้น ก็เปรียบเสมือนด่านแรกที่บริษัทจะรับพิจารณาว่า จะรับเราเข้าทำงานหรือไม่ จึงมีหลักการเขียนเรซูเม่ ภาษาไทย เพื่อให้ได้งาน

ชื่อ-ที่อยู่ 
ผู้เขียนควรใส่เฉพาะ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และอีเมล์แอดเดรส ไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลอื่นๆ ที่ไม่จำเป็น เช่น สถานะการสมรส น้ำหนัก ส่วนสูง หรือจำนวนพี่น้อง เขียนข้อมูลให้ชัดเจนและโดดเด่นจากผู้สมัครรายอื่น

จุดประสงค์การสมัครงาน 
จุดประสงค์การสมัครงาน ควรเขียนถึงเเรงบันดาลใจและความต้องการที่จะสมัครงาน ให้ชัดเจน ตรงประเด็น เพื่อที่นายจ้างจะได้รับทราบว่า เรามีความต้องการทำงานนั้นจริง ๆ หรือไม่ และเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจว่า เรามีคุณสมบัติมากน้อยแค่ไหน

ประวัติการศึกษา 
เมื่อเขียนประวัติการศึกษา ให้ยกมาเฉพาะในระดับมัธยมปลายและมหาวิทยาลัย ส่วนประวัติการศึกษาระดับมัธยมต้นและประถมนั้น ไม่ควรจะใส่มา เพราะจะทำให้เรซูเม่เยิ่นเย้อจนเกินไป เว้นเสียเเต่ว่า ทางบริษัทที่สมัครงานกำหนดให้ใส่ประวัติการศึกษาในส่วนอื่น ๆ มา


ประวัติการทำงาน
หากเคยผ่านการทำงานมาแล้ว ให้เขียนประวัติการทำงานลงไปด้วย โดยระบุทั้งตำแหน่ง หน้าที่ความรับผิดชอบ และจำนวนปีที่ทำงาน รวมทั้งผลงานเด่น ๆ ที่ทำออกมาจากตำแหน่งนั้น แต่ถ้าหากยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน สามารถเขียนถึงกิจกรรมและผลงานที่ทำในสมัยเรียนได้

ทักษะพิเศษ
ในส่วนนี้จะเป็นทักษะที่เอื้อต่อการทำงาน  เช่น ทักษะคอมพิวเตอร์ ทักษะด้านงานเอกสาร เช่น Microsoft Word, Mircrosoft Powerpoint, Adobe Photoshop หรือการใช้โปรแกรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ยิ่งมีทักษะมากเท่าไหร่ เรายิ่งได้เปรียบคู่แข่งมากเท่านั้น

ภาษา
ควรระบุภาษาที่สามารถพูดหรือเขียนได้ลงไป และเขียนเสริมลงไปด้วยว่า สามารถใช้ภาษาเหล่านั้นได้คล่องเเคล่วมากน้อยแค่ไหน อย่างน้อยควรมีภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 

บุคคลอ้างอิง 
บุคคลอ้างอิงในที่นี้ หมายถึงบุคคลที่ทางบริษัทที่จ้าง สามารถโทรไปสอบถามถึงการทำงานในอดีตได้ ส่วนใหญ่จะอ้างอิงถึงฝ่ายบุคคล แต่ข้อนี้จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้

ระยะเวลาในการเริ่มงาน/เงินเดือนที่คาดหวัง
ระยะเวลาในการเริ่มงานให้ระบุลงไปตามความเป็นจริง ว่าสามารถเริ่มงานได้เมื่อไหร่ ส่วนใหญ่ไม่เกิน 1 เดือนหลังจากที่เข้าสมัครงานใหม่ ส่วนเงินเดือนที่คาดหวังนั้น สามารถระบุหรือไม่ระบุก็ได้ ขึ้นอยู่กับบริษัทที่สมัครจะกำหนดหรือไม่

ข้อควรระวังในการเขียนเรซูเม่ ภาษาไทย   

  • เรซูเม่ไม่ควรยาวหรือสั้นมากเกินไป ขนาดความยาวปกติอยู่ที่ 1-2 หน้ากระดาษ ไม่ควรสั้นหรือยาวมากกว่านี้ สูงสุดประมาณ 3 หน้ากระดาษ ตัวอักษรไม่ควรเล็กหรือใหญ่จนเกินไป และไม่ควรใช้สีสันมากเกินไป อาจจะเน้นหัวข้อใหญ่ด้วยตัวหนาแทน
  • ควรเขียนเรซูเม่ให้กระชับ และไม่เยิ่นเย้อจนเกินไป มีคำสำคัญอยู่อย่างครบถ้วน เช่น ศัพท์ที่ใช้ในวงการที่สมัครงาน หรือคุณสมบัติที่นายจ้างระบุ นอกเหนือจากนี้หากเห็นว่านายจ้างไม่ได้ระบุ หรือไม่มีความสำคัญ ให้ตัดทิ้ง
  • ควรระมัดระวังเรื่องคำผิด ไม่ควรมีคำผิดหรือคำสะกดผิด เพราะเเสดงถึงความประมาทเลินเล่อ ไม่รอบคอบ
  • ควรจัดรูปแบบเรซูเม่ให้อ่านง่าย สบายตา หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษสี กระดาษหอม หรือสีสันที่ฉูดฉาดในเรซูเม่ เน้นเฉพาะหัวข้อเด่น ๆ เท่านั้น
  • หากนายจ้างให้ระบุเงินเดือน ก็ควรระบุเงินเดือนที่คาดหวังเป็นช่วงเงินเดือน แต่หากนายจ้างไม่ได้ระบุ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องระบุ


ตัวอย่างแบบฟอร์มเรซูเม่  


เรซูเม่ ภาษาไทย แบบที่ 1

เรซูเม่ ภาษาไทย แบบที่ 2


แหล่งที่มา    เว็บไซต์กระปุกดอทคอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...