1. การอ่านตัวเลข 2 หลัก เลขท้ายเป็นเลข “1” ให้ออกเสียง “เอ็ด”
ตัวอย่าง
11 อ่านว่า
สิบ-เอ็ด
41 อ่านว่า
สี่-สิบ-เอ็ด
2. การอ่านตัวเลขที่มีทศนิยม ตัวเลขที่อยู่หน้าจุดทศนิยมให้อ่านเป็นจำนวนเต็ม สำหรับตัวเลขที่อยู่หลังจุดทศนิยมให้อ่านเรียงทีละตัว
ตัวอย่าง
1.25 อ่านว่า
หฺนึ่ง-จุด-สอง-ห้า
15.347 อ่านว่า
สิบห้า-จุด-สาม-สี่-เจ็ด
3. การอ่านเลขบอกเวลา การเขียนสัญลักษณ์คั่นกลางระหว่างตัวเลขได้ 2 แบบ
1) ใช้เครื่องหมายมหัพภาค (จุด . )
2) ใช้เครื่องหมายทวิภาค (จุดคู่ : )
ตัวอย่าง
16.00 หรือ 16:00 อ่านว่า
สิบ-หก-นา-ฬิ-กา
12.30 หรือ 12:30 อ่านว่า
สิบ-สอง-นา-ฬิ-กา-สาม-สิบ-นา-ที
ในกรณีที่มีเศษของวินาที (ตัวเลขหลังจุดทศนิยมที่เป็นเศษของวินาที) ให้อ่านแบบเรียงตัว
ตัวอย่าง
08:02:37.86 อ่านว่า
แปด-นา-ฬิ-กา-สอง-นา-ที-สาม-สิบ-เจ็ด-จุด-แปด-หก-วิ-นา-ที
4. การอ่านเลขหนังสือราชการ ให้อ่านพยัญชนะเรียงตัวเช่นเดียวกับตัวเลข ทั้งที่อยู่ด้านหน้าจุดทศนิยม
และหลังจุดทศนิยม
ตัวอย่าง
หนังสือที่ ศธ 00489.951 อ่านว่า
หฺนัง-สือ-ที่-ศอ-ทอ-ศูนย์-ศูนย์-สี่-แปด-เก้า-จุด-เก้า-ห้า-หนึ่ง
หนังสือที่ ลว 00213.47 อ่านว่า
หฺนัง-สือ-ที่-ลอ-วอ-ศูนย์-ศูนย์-สอง-หนึ่ง-สาม-จุด-สี่-เจ็ด
5. การอ่านเครื่องหมายวรรคตอน สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
- เครื่องหมายที่ไม่ต้องอ่าน หมายถึง เครื่องหมายวรรคตอนที่ใช้ประกอบการเขียน เพื่อเตือนให้ผู้อ่าน พยายามทำเสียงให้เหมือนหรือคล้ายคลึงกับความเป็นจริง เช่น เครื่องหมายปรัศนี (เครื่องหมายคำถาม หรือ เครื่องหมายสงสัย ?) และเครื่องหมายอัศเจรีย์ (เป็นคำอุทาน !) เป็นต้น
เมื่อผู้อ่านพบเครื่องหมายที่ไม่ต้องอ่าน ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องอ่านเครื่องหมายวรรคตอนนั้น แต่ให้ผู้อ่านพยายามทำเสียงให้เหมือนหรือคล้ายกับความเป็นจริง
ตัวอย่าง
โอ้โห! ทำไมวันนี้การบ้านเยอะจัง
วันนี้เธอไม่มาเล่นด้วยกันหรือ?
- เครื่องหมายที่ต้องอ่าน จำเป็นต้องอ่านออกเสียง เนื่องจากมีผลต่อความหมายของข้อความ เช่น
* เครื่องหมายไม้ยมก (ๆ) ให้อ่านคำหรือข้อความนั้นซ้ำอีกหนึ่งรอบ
ตัวอย่าง
ในวันหนึ่ง ๆ อ่านว่า ใน-วัน-หนึ่ง-วัน-หนึ่ง
เด็ก ๆ อ่านว่า เด็ก-เด็ก
* เครื่องหมายไปยาลน้อย (ฯ) นิยมเขียนไว้เพื่อใช้ละคำที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว โดยละส่วนท้ายไว้เหลือแต่ส่วนหน้าของคำให้พอเป็นที่เข้าใจ
ตัวอย่าง
กรุงเทพฯ อ่านว่า กรุง-เทบ-มะ-หา-นะ-คอน
โปรดเกล้าฯ อ่านว่า โปรด-เกล้า-โปรด-กระ-หม่อม
* เครื่องหมายไปยาลใหญ่ (ฯลฯ) ละข้อความข้างท้ายที่อยู่ในประเภทเดียวกัน ซึ่งยังมีอีกเป็นจำนวนมากและไม่ได้นำมาแสดงไว้ ซึ่งการอ่านเครื่องหมายไปยาลใหญ่ที่อยู่ข้างท้ายข้อความให้อ่านว่า “ละ” หรือ “และอื่น”
ตัวอย่าง
ห้างสรรพสินค้ามีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อ เช่น เสื้อผ้า อาหาร เครื่องดื่ม ฯลฯ
อ่านแบบที่ 1 ว่า ห้างสรรพสินค้ามีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อ เช่น เสื้อผ้า อาหาร เครื่องดื่ม และอื่น ๆ
อ่านแบบที่ 2 ว่า ห้างสรรพสินค้ามีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อ เช่น เสื้อผ้า อาหาร เครื่องดื่ม ละ
หากปรากฏเครื่องหมายไปยาลใหญ่และอยู่ระหว่างข้อความ ให้อ่านว่า “ละถึง”
ตัวอย่าง
พยัญชนะไทย มี 44 ตัว คือ ก ฯลฯ ฮ อ่านว่า พยัญชนะไทยมี 44 ตัวคือ ก.ไก่ ละถึง ฮ.นกฮูก
6. การอ่านอักษรย่อ
อักษรย่อ หมายถึง
การใช้ตัวอักษรย่อแทนคำหรือวลีซึ่งเป็นรูปเต็ม
ซึ่งการอ่านออกเสียงอักษรย่อนั้น
ผู้อ่านต้องทราบชื่อเต็มของอักษรย่อนั้น ๆ เสียก่อน
ตัวอย่าง
รฟท.ย่อมาจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย
รศ. ย่อมาจาก รองศาสตราจารย์
ภก. ย่อมาจาก เภสัชกร
ป.ต.ท. ย่อมาจาก การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย
นสพ. ย่อมาจาก หนังสือพิมพ์
7. การอ่านคำไทย สามารถจำแนกหลักการอ่านที่ถูกต้องได้เป็น 2 รูปแบบ คือ
1) อ่านคำแบบมาตรฐาน อ่านโดยยึดหลักการอ่านออกเสียงมาตรฐานตามราชบัณฑิตยสถานกำหนด
2) อ่านคำตามความนิยม
ข้อความ | อ่านคำแบบมาตรฐาน | อ่านคำตามความนิยม |
เกียรติประวัติ
|
เกียด-ติ-ประ-หวัด
|
เกียด-ประ-หวัด
|
ขะมักเขม้น
|
ขะ-มัก-ขะ-เม่น
|
ขะ-หมัก-ขะ-เม่น
|
คุณวุฒิ
|
คุน–นะ-วุด-ทิ
|
คุน-นะ-วุด
|
มกราคม
|
มะ-กะ-รา-คม
|
มก-กะ-รา-คม
|
มนุษยสัมพันธ์
|
มะ-นุด-สะ-ยะ-สำ-พัน
|
มะ-นุด-สำ-พัน
|
แหล่งที่มา : สื่อรายวิชา up003 การใช้ภาษาไทย (Using of Thai Language) ที่เว็บ https://thaimooc.org/