วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2562

หากเธอกำลังรู้สึกหนักหนากับชีวิต

หากเธอกำลังรู้สึกหนักหนากับชีวิต
---
แต่ละวัน
มีผู้คนมากมายที่แบกรับน้ำหนัก
ของบางสิ่งหรือหลายอย่างไว้ในใจ

บางครั้งเป็นน้ำหนักของความคาดหวัง
ทั้งจากคนอื่นและจากตัวเอง
บางครั้งเป็นความไม่พอใจ
ในสิ่งที่เป็นอยู่และเป็นไป
บางครั้งเป็นความทรงจำเลวร้าย
จากอดีตที่ไม่อาจลบเลือนได้ง่ายๆ
บางครั้งเป็นความเศร้าเสียใจ
จากคนที่เรารักหรือคนที่ไม่รักเรา

บางครั้ง เพียงรอยยิ้มจากคนที่เรารัก
ที่ปรากฏอยู่ข้างๆ คนอื่น
ก็เพียงพอที่จะทำให้เราเจ็บปวด
บางที ความสำเร็จของคนใกล้ชิด
กลับเพิ่มความกดดันให้ตัวเราเอง
บางครั้ง การเปลี่ยนแปลง
ในการงาน สถานที่ หรือนิสัยผู้คน
ก็สร้างน้ำหนักของความสับสน

ปฏิเสธมิได้เลยว่า
ชีวิต--ในมิติหนึ่งคือปัญหาไม่รู้จบ
มีความทุกข์มากมายในแต่ละวัน
ทุกข์เล็ก ทุกข์ใหญ่ ทุกข์มาก ทุกข์น้อย
ทุกข์ที่แบกไว้ในใจทำให้เราเปราะบาง
เมื่อต้องเผชิญทุกข์ร้อนรายวัน
หงุดหงิดกับผู้คน รถติด ฝนตก
ก็ไม่แปลกที่จะยิ่งรู้สึกหนักหน่วง
บางวันอาจรู้สึกว่า
ชีวิตเป็นเรื่องเกินกว่าจะรับไหว
เราต่างเป็นเช่นนี้ในบางวัน
เราต่างมีวันเวลาที่หัวใจถูกปกคลุมด้วยสีเทา
หนักอึ้ง ปั่นป่วน เหมือนฤดูมรสุม

หลายครั้งที่ได้สัมผัสรับรู้
ถึงน้ำหนักในใจของผู้คนชิดใกล้
รู้สึกอยากแบ่งรับความหนักหนานั้น
แต่ไม่ง่ายนัก เพราะเป็นเรื่องภายใน
ผมคิดว่า สิ่งที่พอจะทำได้
คือพยายามเป็น 'เรื่องราวที่ดี' ของกันและกัน
ให้กำลังใจเมื่อมีโอกาส
ชมเชยเมื่อเห็นเขาทำบางสิ่งได้ดี
อยู่ข้างๆ ในคืนวันเปราะบาง
เราอาจทำได้เท่านี้ แต่เท่านี้ก็ดีแล้ว

ที่สำคัญคือ ระวังมิให้เราต้องกลายเป็น
อีกหนึ่งเรื่องราวที่เพิ่มความเศร้าและรอยแผล
ไม่เพิ่มน้ำหนักความทุกข์ใจให้กัน
ระวังความรุนแรงในถ้อยคำทั้งพูดและพิมพ์
ระวังการโยนความคาดหวังใส่ใคร
ระวังการกรีดแผลในหัวใจหรือสะกิดแผลเก่า
มิเป็นหนึ่งในเหตุร้ายของวันนี้สำหรับผู้คนที่พบเจอ

ชีวิตของแต่ละคนหนักหนามากพอแล้ว
ที่เราพอทำได้คือการไม่สร้างสนามรบเพิ่ม
แต่เปิดพื้นที่เป็นสวนร่มรื่นให้เขานั่งผ่อนพัก
เวลาอยู่ใกล้กัน, เราไม่คาดหวังจากเขา
ให้เขาได้เป็นในสิ่งที่เป็น อ่อนแอได้
สับสนได้ ร้องไห้ได้ บ้าบอได้
เป็นพื้นที่ปลอดภัยในโลกอันหนักหน่วงให้กันและกัน
นั่นเป็นสิ่งที่เราทำได้--ทุกวัน

โดยเราไม่มีวันรู้เลยว่า
คนที่อยู่ตรงหน้าเรา เขาผ่านอะไรมาบ้างในอดีต
เขาผ่านเรื่องแย่ๆ อะไรมาบ้างในวันนี้
และเราอาจไม่คาดคิดว่า
ความรู้สึกดีๆ ที่มอบให้กัน
อาจทำให้เขารู้สึกดีขึ้นในวันคืนสีเทา
กระทั่งเป็นดอกไม้เล็กๆ ในพื้นดินแห้ง
ในวันที่เราพอจะมีพลังสดใส
เราเป็นดอกไม้นั้นสำหรับคนอื่นได้

ชีวิตนั้นไม่ง่าย
การมีดอกไม้งามบางดอกในชีวิตนับเป็นโชคดี
ถ้ามี, อย่าสูญเสียไป
เพราะดอกไม้ดอกนี้จะย้ำเตือนเราว่า
ชีวิตยังมีแง่งามและความรู้สึกดีๆ

การเป็นดอกไม้งามในโลกแห้งแล้ง
คือคุณค่าของความสัมพันธ์
เราควรหยิบยื่นความรู้สึกที่ต่อกัน
ความรู้สึกว่า--โลกนี้ยังน่าอยู่
และชีวิตมิได้มีเพียงน้ำหนักของความเศร้า
ทว่าความเศร้าเหล่านั้นเอง
ที่ทำให้ความรู้สึกดีๆ แบบนี้ชัดเจนขึ้น,
ในความงาม

แหล่งที่มา   Facebook : Roundfinger

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...