วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

"แตงโมไร้เมล็ด" ผลไม้ไฮเทค


มนุษย์อนาคตจะต้องพึ่งพาอาศัยวิทยาการการเกษตรที่ไฮเทคมาก เพราะอีก 50 ปีข้างหน้าจำนวนประชากรของโลกจะมีถึงหนึ่งหมื่นล้านคน ปัญหาการผลิตอาหารให้เพียงพอสำหรับคนจำนวนมหาศาลนั้นได้ผลักดันให้นักวิทยาศาสตร์คิดหาพืชและสัตว์ที่ให้ผลิตผลสูงและมีคุณภาพมาก เช่น มีนักวิทยาศาสตร์บางคนกำลังค้นหายาฉีดภูมิคุ้มกันให้ต้นไม้เจริญเติบโตโดย ไม่ถูกแมลงรบกวนหรือกัดกิน นักชีววิทยาบางคนกำลังหาวิธีทำให้ผลไม้ มีชีวิตยืนนานโดยไม่เน่าสลายในเวลารวดเร็ว บางคนกำลังคิดหาวิธีทำต้นกาแฟที่ไร้กาเฟอีน เป็นต้น

ในสมัยโบราณเวลาเกษตรกรต้องการพืชที่มีคุณสมบัติเช่นไร เขาจะนำพืชที่มีคุณสมบัติที่เขาประสงค์มาผสมพันธุ์กัน สมบัติที่เด่นของพืชเก่า จะถ่ายทอดสืบต่อไปเป็นสมบัติของพืชใหม่ ข้อจำกัดด้านคุณภาพของการ สร้างพืชโดยวิธีนี้คือคุณสมบัติของพืชที่เราต้องการนั้นจะต้องใช้พืชพันธุ์เดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ในอดีตเราจึงไม่สามารถผสมพันธุ์ข้าวโพดกับถั่ว หรือขนุนกับมะขามได้เลย

แต่ในยุคปัจจุบัน วิทยาการด้านเทคโนโลยีชีวภาพได้ก้าวหน้าไปมาก นักวิทยาศาสตร์สามารถตัดต่อยีน (gene) จากสิ่งมีชีวิตหนึ่งแล้วนำไปใส่ลงในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง ทำให้เราได้พืชพันธุ์ใหม่และสัตว์พันธุ์แปลกที่เราๆ ไม่เคยคาดฝันว่าจะมี เช่นเราสามารถถ่ายยีน ของจุลินทรีย์ลงในยีนของพืชและยีนของกุ้งสามารถรับยีนของหอยเม่นได้ เป็นต้น

นับตั้งแต่ G. J. Mendel ได้พบกฎทางพันธุกรรมเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ผลการค้นพบของ Mendel สร้างความหลากหลาย ทางชีวภาพในปัจจุบันมากมาย

เช่นเมื่อเร็วๆ นี้ D. Gray นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Florida ในประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศว่าเขาได้พัฒนา วิธีปลูกแตงโมที่ไร้เมล็ดได้สำเร็จแล้ว แตงโมไร้เมล็ดที่ว่านี้มีคุณค่าสูงกว่าแตงโมมีเมล็ดมาก เพราะนอกจากจะมีชีวิตที่ยืนนานกว่า ติดผลมากกว่าแล้ว ยังสะดวกต่อการบริโภคดีกว่าอีกด้วย

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นชัดว่าแตงโม (Citrullis vulgaris) เป็นผลไม้ที่มนุษย์รู้จักมานานแสนนาน ภาพวาดที่ปรากฎตามผนังพีระมิดแสดงให้เห็นว่า ชาวอียิปต์โบราณรู้จักปลูกแตงโมมาตั้งแต่สมัยฟาโรห์ คำว่า "แตงโม" ในภาษาอารบิก สันกฤต และสเปน มิได้มีรากศัพท์เดียวกันเลย ความจริงข้อนี้สื่อให้เราเห็นว่า แตงโมเป็นพืชที่แพร่หลาย และมีคนนิยมปลูกมากมายทั่วโลกมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว

แตงโมธรรมชาติมีขนาด รูปร่าง เนื้อ และสีต่างๆ กัน เนื้อแตงโมมีทั้งสีเหลือง แดง น้ำตาล ชมพู และดำ ในพื้นที่บางแห่งของแอฟริกาที่แห้งแล้ง นักท่องทะเลทรายมักจะนำแตงโมติดตัว ชาวรัสเซียนิยมดื่มเบียร์แตงโม คนอิรักบริโภคแตงโมเป็นอาหารหลัก คนเกาหลี ญี่ปุ่นนิยมดองเปลือกแตงโม และใช้เมล็ดแตงโมเป็นอาหารขบเคี้ยว

ปัจจุบันนี้เรามีองุ่นไร้เมล็ด คงอีกไม่นานเราก็จะมีแตงโมไร้เมล็ดกินกันมาก ดังนั้นคนที่นิยมเม็ดกวยจี้ คงต้องเตรียมหันไปนิยมพืชชนิดอื่นแทน

แหล่งที่มา   เว็บไซต์ THAIZA ที่มา http://www.vcharkarn.com/varticle/44009

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...