วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

10 นาฬิกาเรือนหรู ที่มีราคามหาแพง!!


"นาฬิกา" นอกจากจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการบอกเวลาแล้ว เรื่องของรายละเอียดต่างๆ อาทิเช่น วัสดุที่นำมาใช้ ขั้นตอนการประดิษฐ์นาฬิกาในแต่ละอย่าง รวมถึงความละเอียดอ่อนด้านการดีไซน์ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มีผลต่อการกำหนดราคาของนาฬิกาแต่ละเรือนทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงได้นำนาฬิกาสุดหรูกว่า 10 เรือน ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนาฬิกาที่มีราคา "แพง" แทบทั้งสิ้น แถมบางเรือนยังแพงกว่ารถปอร์ตสุดหรูอย่าง เฟอร์รารี่ ซะด้วยสิ ฉะนั้นแล้วต้องไปดูกันสักหน่อยว่า 10 นาฬิกาเรือนหรูที่ว่านั้น จะหรูมากน้อยสักขนาดไหน และราคาจะแพงมหาโหดสักเท่าไหร่กันเชียว

The Patek Philippe Calibre 89


นี่เป็นนาฬิกาที่ได้รับการสร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 150 ปีของแบรนด์ The Patek Philippe เมื่อเป็นการฉลองครบรอบครั้งใหญ่แบบนี้ ก็เลยจัดเต็มด้านวัสดุและฟังก์ชั่นต่างๆ อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ทองคำแท้ และฟังก์ชั่นเด่นๆ ทั้งการบอกเวลา เป็นปฏิทิน เป็นนาฬิกาจับเวลา แถมยังมีเสียงของระฆังดังก้องกังวานในทุกๆ ครั้งที่มีการตั้งเวลาด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น นาฬิกาเรือนนี้ได้รับการจำหน่ายไปให้แก่นักสะสมทุนหนาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2005 ที่ผ่านมา โดยมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 5,120,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือร่วมๆ 153,600,000 บาทเลยทีเดียว


Split Seconds Patek Philippe Reference 1436 By Tiffany & Co.


หากมองแค่ผิวเผินแล้ว นี่อาจจะดูเป็นเพียงนาฬิกาเรียบๆ ที่ไม่มีความโดดเด่นอะไรมากมายนัก แต่หากมาดูในส่วนขององค์ประกอบต่างๆ แล้ว บอกได้เลยว่า เรือนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะ The Patek Philippe ใช้ตัวเรือนเป็นทองคำ รวมถึงสายหนังอย่างดีเยี่ยม และได้ใส่นาฬิกาที่เที่ยงตรงสุดๆ ลงไปถึง 2 ชิ้น ซึ่งทั้ง 2 ชิ้นก็จะทำงานไปพร้อมๆ กัน และหากเกิดอาการนาฬิกาตาย เข็มนาฬิกาหลักไม่หมุน นาฬิกาที่เที่ยงตรงที่สุดทั้ง 2 นั้น ก็จะยังหมุนและทำหน้าที่บอกเวลาต่อไปได้ ไม่มีหยุดชะงักแน่นอน

ว่ากันว่านี่เป็นนี่เป็นนาฬิกาที่ฮอตฮิตมากๆ สำหรับคนในวงการกีฬา ทั้งคนที่แข่งม้า แข่งรถ และแข่งสกีน้ำแข็ง เพราะเป็นนาฬิกาที่ทนทาน และดูดี มีสไตล์ในแบบเรียบหรูนั่นเอง ด้านราคานั้นอยู่ที่ 214,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 6,400,000 บาท


Patek Philippe Ref 5016P


นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานอันล้ำค่าของ The Patek Philippe โดยเจ้านาฬิกาเรือนนี้ มีความพิเศษตรงที่ใช้ทองคำขาว มาทำเป็นตัวเรือน เข็มสั้น-ยาว และตัวเลขบนหน้าปัด อีกทั้งยังมีในส่วนของการบอกวัน เดือน ปี ให้อีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว ในส่วนของกระจกบนหน้าปัด ก็ใช้เป็นกระจกแบบ Sapphire crystals สีขาวใส ช่วยเสริมให้ตัวเรือนมีความโดดเด่นมากเป็นเท่าตัว ด้วยตัวเลขของราคาที่ 762,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 22,860,000 บาท


The Breguet Marie Antoinette


"Marie Antoinette" ผลงานชิ้นโบว์แดงของ The Breguet ที่โด่งดังไปทั่วโลก เพราะเป็นนาฬิกาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพวาดของพระราชินี Marie Antoinette ราชินีของประเทศฝรั่งเศส ในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ดีไซน์หลักๆ ของนาฬิกาเรือนนี้คือการใช้หน้าปัดแบบโปร่งใส ที่เห็นฟันเฟืองและกลไกการทำงานของนาฬิกาอย่างชัดเจน ตัดด้วยเข็มสั้น-ยาวที่เป็นสีน้ำเงินเข้ม พร้อมตัวเลขแบบโรมันและตัวเรือนที่เป็นทองคำ และมีฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ค่อนข้างครบถ้วน ทั้งการบอกเวลา เป็นปฏิทิน และเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิได้ด้วย

ว่ากันว่า The Breguet Marie Antoinette มีราคาสูงแบบสูงลิบลิ่ว โดยประมาณการกันว่า อาจจะสูงถึงตัวเลข 8 หลักเลยทีเดียว ซึ่งถ้าสูงมากถึงขนาดนั้น ก็คงไม่ต้องสืบนะครับว่า หากตีเป็นค่าเงินบาทไทยเราแล้ว ราคาจะไปไกลมากขนาดไหนกัน!!


Jaeger-LeCoultre Gyrotourbillon 1


ความพิเศษของ Jaeger-LeCoultre Gyrotourbillon 1 เริ่มเป็นที่พูดถึงทันทีเมื่อมีการประกาศว่า จะผลิตออกมาเพียง 20 เรือนในโลกเท่านั้น เพราะทาง Jaeger-LeCoultre บอกว่านี่เป็นงานฝีมือล้วนๆ ประณีตทุกขั้นตอนการทำ ตั้งแต่การคัดเลือกวัสดุ การวางฟันเฟืองและกลไกต่างๆ ที่สำคัญคือมีการนำเอาอัญมณีอย่างโกเมน มาใช้ร่วมกับทองคำ และทองคำขาวที่เป็นตัวเรือนและตัวบอกเวลาบนหน้าปัดซะด้วย สวยหรูแบบนี้ Jaeger-LeCoultre เลยตั้งราคาไว้ที่ 400,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือตกราวๆ 12,000,000 บาทนั่นเอง


Rolex Submariner


มาดูแบรนด์คุ้นหูคนไทยเราอย่าง Rolex กันบ้าง สำหรับ Submariner นี้ เน้นในเรื่องของความเรียบหรูตามสไตล์ของ Rolex แต่แอบแฝงด้วยความเท่แบบเข้มๆ ด้วยหน้าปัดสีดำ ด้านคุณสมบัติเด่นๆ ก็มีมากมาย เริ่มตั้งแต่ความสามารถในการกันน้ำได้ลึก 30 เมตร นาฬิกามีความเที่ยงตรงแบบตรงแน่วสุดๆ เพราะยึดมาตรฐานเวลาตามประเทศต้นกำเนิดอย่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์แบบเป๊ะๆ ด้านราคาก็อยู่ที่ 234,000 หรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 7,020,000 บาท


Vacheron Tour de l’Ile


นี่เป็นรุ่น Limited Edition ที่ Vacheron ภาคภูมิใจพอสมควร เพราะนี่เป็นนาฬิกาที่มีลูกเล่นเสริมเยอะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น การตั้งเวลาให้ตรงกับประเทศอื่นๆ บอกวัน-เดือน-ปี บอกกลางวัน-กลางคืน บอกเวลาข้างขึ้น-ข้างแรมได้ และอื่นๆ อีกเพียบ อีกทั้งยังใช้ทองคำขนาด 18K มาเป็นตัวเรือนและหนังสายสีดำอย่างดี ซึ่งช่วยให้ความเรียบหรูและความโด่นเด่นมีมากเป็นทวีคูณเลยทีเดียว ทั้งนี้ Vacheron Tour de l’Ile มีราคาอยู่ที่ 1,250,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 37,500,000 บาท


AP Royal Oak Grande Complication


Audemars Piguet หรือ AP ส่ง Royal Oak Grande Complication เข้าร่วมในการเป็น 10 นาฬิกาเรือนหรูครั้งนี้ด้วยดีไซน์ที่เด่นสะดุดตาด้วยหน้าปัดแบบ 8 เหลี่ยม โดยส่วนขอบและตัวเรือนใช้ทองคำขาว 18 กะรัตเป็นวัสดุในการทำทั้งสิ้น ด้านลูกเล่นก็มีไม่น้อยหน้าแบรนด์อื่นๆ ทั้งการบอกเวลา บอกวัน-เดือน-ปี บอกเวลาข้างขึ้น-ข้างแรม สามารถอ่านเวลาแบบ "ปีอธิกสุรทิน" หรือปีที่มี 366 วันหรือปีที่เพิ่มวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ขึ้นมาอีกหนึ่งวันนั่นเอง และคุณสมบัติเจ๋งขนาดนี้ ก็จัดเต็มไปเลยกับราคาที่เรือนละ 560,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถ้าคิดเป็นเงินไทยแล้วก็อยู่ที่ราวๆ 16,800,000 บาทเลยล่ะ



Richard Mille Tourbillon


เรือนนี้เรียกกันง่ายๆ สั้นๆ ว่า "RM 012" เป็นผลงานการดีไซน์ของ Richard Mille ที่ออกแนวล้ำๆ ไม่เบา โดยนาฬิกาเรือนนี้ใช้ทองคำขาว ทำเป็นตัวเรือนทั้งสิ้น ตามด้วยไซน์ที่โปร่งใส สามารถเห็นกลไกการทำงานได้ และใส่ความแข็งแรงให้ดูคงทนด้วยเข็มสั้น-ยาวแบบก้านใหญ่ เพิ่มอรรถรสให้ดูเท่และมาดแมนกับผู้ที่สวมใส่มากๆ นอกจากนั้นแล้ว ยังผลิตออกมาเพียงแค่ 30 เรือนเท่านั้นด้วย โดยราคาก็ตกอยู่ที่เรือนละ 525,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 15,750,000 บาท


Ulysse Nardin Triplejack Minute Repeater


จัดเป็นอีกหนึ่งรุ่นนาฬิกาที่เป็น Limited Edition เพราะจะทำออกมาเพียง 50 เรือนเท่านั้น โดยรายละเอียดต่างๆ ก็น่าสนใจมากๆ ตั้งแต่การเลือกใช้ทองคำขาวเป็นตัวเรือน ตามด้วยสายหนังแท้สีดำอย่างดี ใช้กระจกหน้าปัดเป็นแบบ Sapphire crystals สีขาวใส และมีการดีไซน์ด้วยการนำรูปคนที่กำลังตีระฆังบอกเวลาใส่เพิ่มลงไปด้วย สนนราคาของ Ulysse Nardin Triplejack Minute Repeater อยู่ที่ 340,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือร่วมๆ 10,200,000 บาทเลยทีเดียว

และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 นาฬิกาเรือนหรู ที่มีราคาอภิมหึมามหาแพง ที่ใครหลายคนเห็นแล้วต้องอ้าปากค้างกันเป็นทิวแถว แต่ทั้งหมดทั้งมวล ก็ถือเป็นราคาที่สมเหตุสมผลจริงๆ เพราะด้วยวัสดุ ฟังก์ชั่นการใช้งาน รวมถึงการดีไซน์และแรงบันดาลใจ ล้วนแล้วแต่มีคุณค่าที่คู่ควรกับการประเมินราคาสูงลิบลิ้วแบบนี้จริงๆ

*หมายเหตุ: ใช้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินปัจจุบัน (22/06/12) ในการแปลงเป็นค่าเงินบาท

แหล่งที่มา    เว็บไซต์กระปุกดอทคอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...