สมาร์ทมันนี่ วอลล์สตรีทเจอร์นัลล์รายงานว่า แม้รายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่ามมาแสดงตัวเลขการว่างงานที่ลดลงในสหรัฐ แต่จำนวนพนักงานที่ถูกให้ออกจากงานยังคงสูงมากกว่าปกติ และคนทำงานในบางเซ็กเตอร์มีความเสี่ยงจะสูญเสียงานมาก
โดยในสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 2 มิถุนายน 2555 คนว่างงานในภาคการก่อสร้างมีสัดส่วน 14% ในจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากตัวเลขในเดือนเมษายนที่อยู่ที่ 12%
นายอาร์มัน เบดราซเซียน นักเศรษฐศาสตร์ประจำสถาบันมิลเกน กล่าวว่า อุตสาหกรรมที่มีอัตราการว่างงานสูงจะมีตำแหน่งงานสำหรับพวกเพิ่งจบใหม่หรือเพิ่งเริ่มทำงาน และความชำนาญน้อยจำนวนมาก รวมถึงมีอัตราคนเข้า-ออกงานสูง
ซึ่งอุตสาหกรรมที่มีแรงงานยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานคิดเป็นสัดส่วนมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ
1) อุตสาหกรรมก่อสร้าง 13.6%
ตั้งแต่ปีกลาย ยอดขายบ้านใหม่ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 51 ปี แม้การก่อสร้างจะมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นบ้าง แต่ภาคอสังหาฯยังทำยอดได้เพียง 1 ใน 3 ของช่วงที่ตลาดที่อยู่อาศัยเฟื่องฟู
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า วัฏจักรของอุตสาหกรรมนี้ การก่อสร้างและการทำสัญญาว่าจ้างนั้นค่อนข้างจะเป็นงานที่เจาะจงและใช้เวลาสั้น โดยบริษัทจะชะลอการจ้างงานออกไปเพื่อดูว่าการสร้างบ้านใหม่เพิ่มขึ้นจะดำเนินไปนานแค่ไหน นอกจากนี้ หลังการสร้างบ้านใหม่หนึ่งหลังซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 5.4 เดือน ลูกจ้างบ้างคนจะต้องหางานใหม่
2) งานธุรการ 12.2%
ก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เมื่อพนักงานคนใดได้รับการเลื่อนตำแหน่งสู่ระดับบริหารจัดการ ก็จะได้รับผู้ช่วยหรือเลขานุการมาร่วมงาน 1 คน ธรรมเนียมนี้ถึงคราวสิ้นสุดในปี 2552 นับจากนั้น พนักงานธุรการหรือเลขานุการ 1 คนต้องทำงานให้กับผู้บริหารหลายคนหรือในบางกรณีต้องดูแลงานธุรการทั้งแผนก
3) อุตสาหกรรมการผลิต 9.7%
ในเดือนเมษายน ภาคการผลิตได้มีการเลิกจ้างงานสูงถึง 19% โดยเฉพาะในส่วนของอาหารและชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมด้านอาหารได้รับผลกระทบจากอัตราการเข้า-ออกงานสูง ในขณะที่ด้านชิ้นส่วนยานยนต์เป็นไปตามวัฏจักร
4) อุตสาหกรรค้าปลีก 8.6%
ถึงแม้ว่าผู้บริโภคจะจับจ่ายจะสูงขึ้น แต่ในปีนี้เชนค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่าง อเบอร์ครอมบี้ แอนด์ ฟิทช์, เบสท์บาย และ เซียร์ส ได้ประกาศปิดร้านค้าในหลายแห่ง ทำให้การเลิกจ้างตามมา
นับตั้งแต่เศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทค้าปลีกพยายามหาทางลดพนักงานขายลงโดยที่ยังคงรักษาระดับการบริการไว้เหมือนเดิม ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์คือการจ้างงานพนักงานชั่วคราวในช่วงที่มีลูกค้ามาก
5) อุตสาหกรรมดูแลสุขภาพและช่วยเหลือสังคม 8.2%
ลูกจ้างในอุตสาหกรรมนี้เกือบ 17 ล้านคน แม้อาชีพเช่น หมอ พยาบาล ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ แต่ผู้ช่วยพยาบาลหรือผู้ดูแลคนป่วยที่บ้านมีอัตราการว่างงานที่สูงและมีอัตราการเปลี่ยนงานบ่อย
แหล่งที่มา เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 12 มิ.ย. 2555 เวลา 17:09:08 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น