บอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป เผยรายงานเรื่องความมั่งคั่งของประชากรในประเทศทั่วโลก พบว่า ประเทศในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค มีประชากรผู้มั่งคั่งอาศัยอยู่มากที่สุด ในปี 2554 มูลค่าของทรัพย์สินส่วนบุคคลในภูมิภาคนี้ (ไม่นับรวมประเทศญี่ปุ่น) เพิ่มขึ้นราว 10.7% ที่ 23.7 ล้านล้านดอลลาร์ สวนทางกับทวีปยุโรป ที่ตกต่ำลงจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้มูลค่าของทรัพย์สินส่วนบุคคลลดลงราว 0.4% ที่ 33.5 ล้านล้านดอลลาร์
ส่วนอเมริกาเหนือ ก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน เมื่อมูลค่าทรัพย์สิน ลดลงกว่า 0.9% ที่ 38 ล้านล้านดอลลาร์ และต่อไปนี้คือ 10 ประเทศที่มีผู้มั่งคั่งอาศัยอยู่มากที่สุดของโลก จัดอันดับจากผู้ที่มีมูลค่าทรัพย์สินตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป
อันดับ 1 สิงคโปร์
มีสัดส่วนมหาเศรษฐี 17.1% ของประชากร 4.8 ล้านคน สิงคโปร์ครองตำแหน่งประเทศที่มีสัดส่วนมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก นั่นคือราว 188,000 ครอบครัว ประเทศที่มีขนาดเล็กกว่าเกาะภูเก็ตแห่งนี้ เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และการเงินของภูมิภาคเอเชียตะวันออกมาช้านาน ทั้งยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางธนาคารต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ที่มั่งคั่งที่สุดในสิงคโปร์ เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ค เขาผู้นั้นคือ เอ็ดดูอาร์โด เซเวอริน ซึ่งย้ายมาพำนักที่สิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2552 และละทิ้งสัญชาติอเมริกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อันดับ 2 กาตาร์
มีสัดส่วนมหาเศรษฐี 14.3% ของประชากร 1.9 ล้านคน กาตาร์ มีก๊าซธรรมชาติเป็นอันดับสามของโลก และแน่นอนว่ามากกว่า 50% ของจีดีพี มาจากการส่งออกน้ำมัน นอกจากนี้ กาตาร์ยังจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2565 ด้วย ประเทศนี้มีครอบครัวมั่งคั่งอยู่ประมาณ 47,000 ครอบครัว ไม่ต้องแปลกใจ ถ้าพบว่าเจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ชีค ฮาหมัด บิน คาลิฟะห์ อัล ทานิ คือผู้ที่ร่ำรวยที่สุดของกาตาร์
อันดับ 3 คูเวต
มีสัดส่วนมหาเศรษฐี 11.8%ของประชากร 3.6 ล้านคน คูเวตถือครองสัดส่วนราว 7% ของคลังน้ำมันโลก และการส่งออกน้ำมัน ก็ทำรายได้ถึง 95% ของรายได้จากการส่งออกทั้งหมด ประเทศเจ้าของบ่อน้ำมันรายใหญ่รายหนึ่งของโลกแห่งนี้ มีมหาเศรษฐีอยู่ราว 63,000 ครอบครัว โดยครอบครัวของ อัลกานิม กับ อัล-คาราฟี คือสองครอบครัว ที่ครองตำแหน่งรวยที่สุดในคูเวตแบบเฉือนกันไม่ลง
อันดับ 4 สวิตเซอร์แลนด์
มีสัดส่วนมหาเศรษฐี 9.5% ของประชากร 7.7 ล้านคน นอกเหนือจากการที่มีครอบครัวมั่งคั่งถึง 322,000 ครอบครัวอาศัยอยู่ สวิตเซอร์แลนด์ ยังเป็นประเทศที่มีสัดส่วนของผู้มีมูลค่าสินทรัพย์การเงินและการลงทุนมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์มากที่สุดในโลกอีกด้วย และในจำนวน 100,000 ครอบครัว มี 11 ครอบครัว ที่มีทรัพย์สินส่วนตัวมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ใช่ว่าสวิสจะไม่เจอผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปเลย ในปี 2554 จีดีพี จึงเติบโตช้าอยู่ที่ 2.1% เท่านั้น ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในสวิส และยังครองตำแหน่งผู้ที่รวยที่สุดของยุโรปด้วยคือ นายอิงก์วาร์ แคมพ์ราด นักธุรกิจเชื้อสายสวีเดน ผู้ก่อตั้งร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง อิเกีย นั่นเอง
อันดับ 5 ฮ่องกง
มีสัดส่วนมหาเศรษฐี 8.8%ของประชากร 7.2 ล้านคน ฮ่องกงมีมหาเศรษฐีอยู่ราว 212,000 ครอบครัว เกาะเล็กๆที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษแห่งนี้ ยังถือเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การค้า อสังหาริมทรัพย์ และการขนส่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออก แม้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของฮ่องกงจะค่อนข้างเชื่องช้าในปีก่อน แต่ยังคงติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศที่มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่มากที่สุด และ นายลี กา-ชิง เจ้าของบริษัท ฮัทชิสัน วัมเปา คือผู้มั่งคั่งที่สุดของฮ่องกง
อันดับ 6 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
มีสัดส่วนมหาเศรษฐี 5.0%ของประชากร 322.4 ล้านคน ในบรรดา 7 รัฐของเอมิเรตส์ ดูไบได้รับผลกระทบมากที่สุดจากสถานการณ์ทางการเงินโลก ทว่ามหาเศรษฐีส่วนหนึ่งของเอมิเรตส์ ยังคงอาศัยอยู่ในดูไบ ขณะที่อีกจำนวนหนึ่ง อยู่ที่อาบูดาบี รวมแล้วมีมหาเศรษฐีกว่า 57,000 ครอบครัว ส่วนผู้ที่ร่ำรวยที่สุดคือครอบครัว อัล กูราอีร์ ซึ่งถือหุ้นในธุรกิจมากมาย ทั้งธนาคาร ศูนย์การค้า และโรงงานอุตสาหกรรม
อันดับ 7 สหรัฐอเมริกา
มีสัดส่วนมหาเศรษฐี 4.3% ของประชากร 322.4 ล้านคน ในฐานะที่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก ในปี 2554 สหรัฐ มีมหาเศรษฐีอยู่ถึง 5.13 ล้านครอบครัว แต่ก็ถือเป็นจำนวนที่ลดลงจากปี 2553 ราวกว่า 1 แสนครอบครัว เพราะสหรัฐ เป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป โดยผู้ที่ร่ำรวยที่สุดของสหรัฐ ยังคงเป็น บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ซึ่งมีสินทรัพย์อยู่ราว 60,000 ล้านดอลลาร์
อันดับ 8 อิสราเอล
มีสัดส่วนมหาเศรษฐี 3.6% ของประชากร 7.8 ล้านคน มีรายได้จากธุรกิจเทคโนโลยี หล่อเลี้ยงมหาเศรษฐีของประเทศกว่า 83,000 ครอบครัว สินค้าส่งออกอื่นๆที่นำความมั่งคั่งมาสู่ประเทศนี้คือ เพชร และสินค้าทางการเกษตร ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดเป็นสองพี่น้องไอดานและอียาล แห่งตระกูลโอเฟอร์ ซึ่งสืบทอดความมั่งคั่งมาจาก ซามี โอเฟอร์ ผู้เป็นบิดา เจ้าของธุรกิจชิปปิ้ง ซึ่งเสียชีวิตลงเมื่อเดือนมิถุนายน 2554
อันดับ 9 ไต้หวัน
มีสัดส่วนมหาเศรษฐี 3.2% ของประชากร 23.2 ล้านคน โดยผลสำรวจเมื่อปี 2554 พบว่า ไต้หวัน มีครอบครัวมหาเศรษฐีราว 246,000 ครอบครัว และประเทศที่เป็นเกาะแห่งนี้ มีรายได้หลักจากการส่งออกสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร และปิโตรเคมี ส่งผลให้ประเทศมีความร่ำรวยขึ้น และมีจีดีพีเพิ่มขึ้นประมาณ 5.2% ในปีที่แล้ว ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดของไต้หวันคือ นายไจ๋ หวั่น-ไจ๋ เจ้าของฟุบอน ไฟแนนเชียล โฮลดิ้ง
อันดับ 10 บาห์เรน
มีสัดส่วนมหาเศรษฐี 3.2% ของประชากร 1.3 ล้านคน โดยบาห์เรน มีครอบครัวมหาเศรษฐีราว 8,000 ครอบครัว แน่นอนว่าราชวงศ์บาห์เรน ที่มีสมเด็จพระราชาธิบดีฮาหมัด บิน อิซา อัล คาลิฟะห์ เป็นประมุข คือครอบครัวที่มั่งคั่งที่สุดของประเทศนี้
แหล่งที่มา เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 11 มิถุนายน 2555 05:56
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ตอน 37 ลาก่อนทองแดง
ตอน 36 อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...
-
ใครที่นึกเบื่อตลาดติดแอร์ แต่ชื่นชอบตลาดเปิดท้ายรวมถึงของขายแบกกะดินราคาถูก หรือร้านขายตามล็อกหลากหลายแนว มาทอดน่องช็อปให้เพลินที่ "ต...
-
การจ่ายเงินรายได้ไม่ครบถ้วน ว่าจริงๆ แล้วเงินที่ทางผู้จ้างได้จ่ายให้ผู้รับจ้างไม่ครบนั้น เพราะว่าทางผู้จ้างได้หักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น