Asean Economic Community (AEC) หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เป็นการรวมกลุ่มของ 10 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน คือ ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ซึ่งจะมีผลสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2558 จุดมุ่งหมายของการรวมตัว คือ ให้สินค้า บริการ แรงงานมีฝีมือ การลงทุนและเงินทุนสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรีในกลุ่มประเทศสมาชิก เพื่อการนำอาเซียนไปสู่การเป็นตลาดและฐานผลิตร่วมกัน อันเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค เพื่อการบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของอาเซียน เนื่องจากปัจจุบันมีการรวมกลุ่มกันในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น สหภาพยุโรป (EU) เขตการค้าเสรีในภูมิภาคอเมริกาเหนือ (NAFTA) สหภาพแอฟริกา (AU) หากแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียนไม่มีการรวมตัวกันขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอื่น ๆ ก็มีข้อจำกัด
ดังนั้น การเป็นเออีซี จะช่วยลดอุปสรรคต่างๆ ในด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศสมาชิก สร้างความเป็นปึกแผ่น เพิ่มอำนาจในการเจรจาต่อรองทางการค้ากับประชาคมเศรษฐกิจอื่นๆ และเวทีทางการค้าต่างๆ ของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างอาเซียนให้เป็นศูนย์กลางภายในภูมิภาค รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ระหว่างประเทศสมาชิก
ธุรกิจประกันชีวิตเป็นอาชีพหนึ่งที่จะได้รับผลกระทบจากการเป็นเออีซีและยังถือว่ามีความสำคัญต่อประเทศ เพราะเป็นการออมทรัพย์ อันเป็นการประกันความมั่นคงให้กับชีวิต เมื่อกล่าวถึงธุรกิจประกันชีวิตทำให้คิดถึงผู้ที่เกี่ยวข้องคือ บริษัทผู้รับประกัน ผู้เอาประกัน ผู้รับผลประโยชน์ และตัวแทนประกันชีวิต
ปัจจุบันโครงสร้างภาษีของตัวแทนประกันชีวิตถูกจัดให้อยู่ในหมวด 40(2) ของประมวลรัษฎากรในหมวดรายได้จากค่าธรรมเนียม ค่าเช่าบ้าน เบี้ยประชุม โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ 40 แต่ไม่เกิน 60,000 บาท ทั้งๆ ที่อาชีพตัวแทนประกันชีวิตจะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ มากมาย เช่น ค่าเดินทางในการนำเสนอการประกันชีวิต ค่าเดินทางเยี่ยมผู้เอาประกัน ค่ากระเช้าดอกไม้สำหรับเยี่ยมผู้เอาประกันเวลาเจ็บป่วย ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ ค่าอบรมสัมมนาต่างๆ ซึ่งในเรื่องนี้ สมาคมตัวแทนประกันชีวิตได้เคยเรียกร้องขอให้นำรายได้ของตัวแทนประกันชีวิตไปอยู่ในหมวด 40(8) ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจ และเสนอให้หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ร้อยละ 30 เพื่อให้เท่าเทียมกับอาชีพอิสระอื่นๆ เช่น แพทย์ ทนายความ นักบัญชี เพราะมีความคล้ายคลึงกันในลักษณะของงาน แต่ทั้งนี้จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมายืนยันในเรื่องนี้แต่อย่างใด
ในขณะที่ประเทศอื่นในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีระบบโครงสร้างภาษีที่ดีกว่า เช่น
- ประเทศอินโดนีเซีย ตัวแทนประกันชีวิตสามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ถึงร้อยละ 50 ของรายได้
- ส่วนประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย ถือว่าตัวแทนแต่ละคนเปรียบเสมือนผู้ประกอบการ สามารถนำค่าใช้จ่ายต่างๆ มาประเมินได้ถึงร้อยละ 40 ถึง ร้อยละ 60 เช่น ค่ารับรอง ค่าอบรมสัมมนา ค่าน้ำมัน
อาชีพตัวแทนประกันชีวิตของไทยต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาถึงร้อยละ 37 โดยไม่สามารถนำค่าใช้จ่ายตามที่กล่าวมาหักได้เหมือนกับประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์และมาเลเซีย ทั้งยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 7
การเข้าเป็นเออีซีไม่ใช่คำนึงถึงแต่เรื่องความทันสมัยเสมือนเช่นประชาคมเศรษฐกิจอื่นๆ แต่ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าการเป็นเออีซีจะทำให้เกิดการแข่งขันกันมากขึ้น ธุรกิจตัวแทนประกันชีวิตเป็นธุรกิจหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แตกต่างจากอาชีพอิสระอื่นๆ เช่น แพทย์ ทนายความ นักบัญชี
รัฐบาลไทยควรให้ความสำคัญของอาชีพตัวแทนประกันชีวิตโดยเร่งดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุง ตลอดจนออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภาษีเพื่อให้สอดคล้องกับการก้าวเข้าสู่เออีซีเพราะเมื่อเข้าสู่เออีซี การแข่งขันกับประเทศสมาชิกอื่นจะเพิ่มมากขึ้น ตัวแทนประกันชีวิตเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งในหลายๆ อาชีพที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับอาชีพต่างๆ ของคนไทยด้วย ไม่ใช่เพียงแต่การนำพาประเทศเข้าสู่เออีซีแต่ต้องคำนึงถึงว่าเมื่อเป็นเออีซีแล้ว ทำอย่างไรจะให้อาชีพของคนไทยสามารถแข่งขันกับอาชีพของประเทศอื่นๆ ได้
แหล่งที่มา เว็บไซต์เดลินิวส์ โดย รุจิระ บุญนาค วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม 2555 เวลา 00:00 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น