วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คุณหมอสมหมาย...เทวดาของผู้ป่วยมะเร็ง


นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ
หลายคนคงจะรู้จัก "คุณหมอสมหมาย ทองประเสริฐ" หมอเทวดาที่รักษามะเร็งด้วย "ยาสมุนไพร" ใช่ไหม ซึ่งเรื่องราวของคุณหมอวัย 92 ปี คนนี้ กลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง ที่ถึงแม้ว่าคุณหมอจะเกษียณอายุไปนานแล้ว แต่คุณหมอก็สละเวลาเพื่อที่จะรักษาคนไข้ เพียงเพื่อแค่อยากจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากโรคมะเร็ง และช่วยคลายกังวลให้เขามีกำลังใจที่จะสู้กับโรคร้ายและสามารถดำเนินชีวิตต่อไปอีกครั้ง

และในรายการทูไนท์โชว์ (9 กรกฎาคม 2555) ก็ได้สัมภาษณ์คุณหมอสมหมายอีกครั้งหนึ่ง ถึงความภาคภูมิใจที่คุณหมอสมหมายได้รับรางวัลพระราชทานบุคคลดีเด่นแห่งชาติ สาขาพัฒนาสังคม โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามมกุฎราชกุมารี

คุณหมอสมหมาย กล่าวถึงการรักษาโรคมะเร็งว่า... การรักษาของตนนั้น ไม่ใช่ว่าจะรักษาหายขาด เพียงแค่อาจจะช่วยชะลอเพื่อให้อยู่ได้นานกว่าเดิม เพราะจะรักษาให้หายขาดนั้นมันพูดยาก ส่วนเคสที่เข้ามารักษาบางคนก็หน้าเป็นแผลพุพอง ปากเบิน มาแล้ว แต่พอได้รับการรักษาก็ดีขึ้น แผลที่เป็นก็ค่อย ๆ ดีขึ้น และยุบลง...

เมื่อถามว่า ทำไมคุณหมอจากที่เป็นแพทย์แผนปัจจุบัน ถึงหันมาสนใจแพทย์แผนไทย หรือยาสมุนไพร เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณหมอกล่าวว่า จากการเป็นหมอแผนปัจจุบันที่ผ่านมา สมัยก่อนยังไม่มีเคมีบำบัด มีเพียงการผ่าตัดและฉายรังสีเท่านั้น ซึ่งก็เห็นว่าเมื่อผู้ป่วยมะเร็งเข้าผ่าตัด ส่วนมากก็จะอยู่ได้ไม่นาน ทั้งนี้ ตอนสมัยที่เรียนตนเคยใช้สมุนไพรทดลองในหนู ในกระต่าย และตนก็คิดว่า สมุนไพรไทยนั้นมีคุณประโยชน์อย่างมากมาย น่าจะดีถ้าได้ศึกษาจริงจัง เพื่อนำมารักษาคนไข้ที่เป็นมะเร็ง แต่ตอนนั้นก็ต้องทิ้งเรื่องนี้ไป เพราะมาต้องเป็นแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลศิริราช

คุณหมอสมหมาย กล่าวต่อว่า จากนั้นเมื่อตนได้เป็นผู้อำนวยการที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี เมื่อปี พ.ศ.2498 ในช่วงดังกล่าวก็มีเวลาศึกษาว่าสมุนไพรไหนที่มีสรรพคุณดีๆ ที่สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ จนกระทั่งได้รักษาคนไข้คนหนึ่งในปี พ.ศ.2508 เขาบอกว่าเขาเป็นมะเร็ง แต่หลักฐานทางการแพทย์ไม่แสดงว่าเขาเป็นมะเร็ง ซึ่งตนสงสัยมากเลยถามเขาว่า เพราะอะไรทำไมหลักฐานถึงไม่แสดง เขาตอบกับตนว่า เขากินยาสมุนไพรชนิดหนึ่ง ทั้งนี้ เมื่อตนได้ฟังดังนั้น ก็เก็บและจำเรื่องนี้เอาไว้ เพราะเป็นเรื่องที่ตนสนใจมาโดยตลอด

จากนั้นในปี พ.ศ.2512 มีคนไข้คนหนึ่ง เป็นคนเมืองสิงห์ แต่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ และได้เข้ารักษามะเร็งที่โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยเขาเข้ามาพบตนและบอกว่า หมอที่โรงพยาบาลดังกล่าว ให้เขากลับมาตายที่บ้าน... ส่วนอาการของคนไข้รายนี้ถือว่าหนักเอาการเพราะเขาเป็นมะเร็งขั้นหนักแล้ว อ้าปาก หุบปากไม่ได้ ต้องใช้กระโถนรองตลอด เพราะมีน้ำลายไหล และส่งกลิ่นเหม็น อีกทั้งในช่วงใต้คางยังมีก้อนเนื้อโต ๆ อยู่ข้างในอีกด้วย เมื่อตนเห็นดังนั้น ก็เลยนึกถึงยาสมุนไพรของคนไข้มะเร็ง จึงถามว่าอยากลองไหม ถ้าอยากลองเดี๋ยวตนจะไปเอามาให้ ตนจึงติดต่อและไปขอตำรายาสมุนไพรที่ อ.วิเชียรบุรี

คุณหมอสมหมาย กล่าวต่อว่า เมื่อไปถึง เจ้าของยาให้สมุนไพรสำหรับต้มยา 4 หม้อ หม้อหนึ่งกินได้ 15 วัน โดยให้ต้มตั้งแต่เต็มหม้อจนเหลือก้นหม้อ เพราะคนไข้รายนี้ต้องหยอดยา เนื่องจากอ้าปากไม่ได้ ทั้งนี้ กระบวนการการต้มยา ตนขอทำเองหมด เพราะอยากจะศึกษาไปด้วย ซึ่งตนก็ต้มตั้งแต่เต็มหม้อจนยาเหลือเพียงครึ่งถ้วยเท่านั้น และหยดใส่ปากของคนไข้จนหมดถ้วย โดยกำชับว่าห้ามกินยาแผนปัจจุบันใดๆ ทั้งหมด อย่างไรก็ดี เมื่อหยอดไปเรื่อย ๆ อาการของคนไข้ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ ปากอ้าได้ พูดคุยได้ น้ำลายไม่หก เหลือเพียงแต่ก้อนเล็ก ๆ ที่ใต้คาง ซึ่งตนบอกให้เขาไปผ่าตัด แต่คนไข้เขาเป็นคนจีน จึงมีความเชื่อว่า ถ้าเป็นมะเร็งห้ามผ่าตัด เพราะจะทำให้ตาย ตนเลยตามใจ แต่หลังจากนั้นประมาณ 8 เดือน คนไข้คนนี้ก็เสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม หลังจากเคสดังกล่าว ก็ทำให้เห็นว่า ยาสมุนไพรนั้นน่าสนใจมากๆ จึงเดินทางไปขออีก เพื่อจะนำมารักษาคนไข้ถึงที่บ้านเขาเลย โดยคุณตาคนนี้มีชื่อว่า "คุณตาฉ่ำ วงศ์เกษมรัตน์" ตนต้องบอกเลยว่า สุขภาพเขาแข็งแรงดีมาก ตอนที่เขาอายุ 100 ปี ยังอ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องใส่แว่นเลยทีเดียว และเมื่อไปถึงบ้านภรรยาของคุณตาก็บอกว่า คุณตาวัน ๆ เอาแต่ต้มยา และนี่ก็กำลังจะต้มยาอายุวัฒนะ ตนจึงขอจดตำราดังกล่าวเก็บไว้ด้วย

หลังจากนั้น การรักษาด้วยยาสมุนไพรก็ค่อยๆ กลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าชาวไทย หรือชาวต่างชาติ ต่างก็มาขอให้รักษากันมากมายไปหมด ส่วนคนไข้ที่มาจากต่างประเทศนั้น ส่วนมากเขารู้จักตนทางอินเทอร์เน็ต อย่างเช่นผู้ชายคนหนึ่งขาเหวอะเนื่องจากเป็นมะเร็ง และจะต้องถูกหมอตัดขา จึงเดินทางมาหาตนที่ประเทศไทย แต่เมื่อตนดูจากสภาพแผลแล้ว ตนเห็นว่ายังไม่ต้องผ่าตัดก็ได้ แต่แผลนี้มันจะไม่สามารถรักษาหายขาด ทำได้เพียงให้มันยุบลงไปเท่านั้น ซึ่งผลการรักษาก็เป็นที่น่าพอใจ คนไข้แผลยุบลง และไม่ต้องตัดขา

ส่วนทางด้าน นายอัศวิน ทองประเสริฐ ลูกชายของคุณหมอสมหมาย ซึ่งเป็นผู้จัดการคลินิก "นายแพทย์สมหมาย" ถนนสิงห์บุรี-อ่างทอง อ.เมือง จ.อ่างทอง ได้เล่าว่า คลินิกแห่งนี้เปิดรับการรักษาเวลา 6 โมงเช้า แต่ประตูคลินิกจะเปิดตี 5 กว่าๆ เนื่องจากผู้ป่วยใหม่จะได้ทำประวัติและสอบถามอาการไปด้วยว่า เป็นมะเร็งชนิดไหน รักษาโรงพยาบาลใด และทำการรักษาอะไรมาบ้างแล้ว พร้อมกับดูใบประกอบการรักษา ส่วนผู้ป่วยบางราย ที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ คุณหมอสมหมาย ก็จะเดินไปหา และไปตรวจถึงที่

นายอัศวิน เล่าต่อว่า สำหรับคนไข้ที่มารักษานั้น ในผู้หญิงส่วนมากจะป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ส่วนผู้ชายจะป่วยเป็นมะเร็งตับ โดยคุณหมอสมหมายจะทำการรักษาเดือนละ 1 ครั้ง เมื่อครบ 1 เดือนก็จะนัดมาดูอาการอีกที ส่วนคลินิกแห่งนี้ จะปิดในวันพฤหัสบดี และวันศุกร์ และปิดก็ต่อเมื่อรักษาคนไข้คนสุดท้ายเสร็จ บางครั้งก็รักษาเสร็จ 5 ทุ่มบ้างก็มี

"คุณพ่อท่านรักในวิชาชีพเป็นอย่างมาก สมมติว่าวันหยุดคลินิกเราต้องเตรียมตัวไปเที่ยวกัน แต่เมื่อเปิดประตูบ้านมีคนไข้รออยู่ ทริปนั้นก็จะล่มลงทันที (ยิ้ม) ... ตอนนี้คุณพ่อก็อายุ 92 แล้ว แต่ก็ยังรักษามะเร็งอยู่ทุกวัน โดยไม่คำนึงถึงความเจ็บป่วยใดๆ เลย และหากท่านใดที่หมดกำลังใจ ท่านก็จะให้กำลังใจ ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีที่สอนผมในทุกๆ เรื่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้สูงอายุทั่วไปที่สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย ท่านเป็นคุณหมอที่มีจรรยาบรรณ พร้อมรักษาทุกคน ที่ผ่านมาผมรู้ว่าท่านเหนื่อย แต่ความสุขของท่าน ก็คือการที่รักษาคนไข้ได้สำเร็จ แค่เพียงท่านได้ยินว่า หนูหายแล้วค่ะ หนูดีขึ้นแล้วค่ะ ท่านก็จะยิ้มทุกครั้ง และนี่ก็เป็นความสุขของท่าน" คุณอัศวิน ลูกชาย กล่าว

คุณหมอสมหมาย กล่าวถึงวิชาชีพนี้ว่า แต่ก่อนตอนที่ตนเรียนเภสัช ก็รู้สึกเฉยๆ แต่เมื่อมาเป็นหมอแล้ว ตนก็คิดว่าต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง มีคนถามมามากมายว่าอายุเท่านี้แล้ว ยังรักษาคนอีกหรอ ทำไมไม่ไปพัก ซึ่งตนก็ตอบเขาไปว่า ในเมื่อมีคนมาให้ตนรักษาจะให้ไล่เขากลับไปหรืออย่างไร แล้วอีกอย่างตนก็มีวันหยุดถึง  2 วัน (ด้านลูกชายแซวว่า พอถึงวันหยุดทีไรก็จะหงุดหงิดอยากให้ถึงวันเสาร์เร็วๆ) เมื่อนายแพทย์สมหมายได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะและบอกว่า คลินิกปิดมันเงี๊ยบ เงียบ     

คุณหมอสมหมาย ยังกล่าวต่อว่า ที่ตนยังรักในอาชีพนี้อยู่ นั้นก็เพราะตนดีใจทุกครั้งที่ตนสามารถช่วยคนอื่น บรรเทาทุกข์ที่หนักให้มันเบาบางลงได้ ส่วนคุณตาที่ให้ยาตนมานั้น ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว ด้วยวัย 102 ปี แต่ไม่ได้เสียชีวิตเพราะเป็นโรค หรือแก่ตายแต่อย่างใด แต่คุณตาเสียชีวิตเพราะถูกรถชน ถ้าหากรถไม่ชนก็อาจจะมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้ก็ได้ (หัวเราะ) สำหรับยาอายุวัฒนะที่คุณตาให้สูตรมานั้น ตนย้ายบ้านเลยทำหาย (ยิ้ม)

ท้ายนี้ คุณหมอสมหมาย ได้กล่าวฝากไปยังผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกคนว่า มะเร็งหากจะนิยามนั้น คงแบ่งได้เป็น 3 แบบ 

  1. อันแรกก็คือ มะเร็งเหมือนขโมย คือจะมาในจังหวะที่เราไม่รู้ตัว จู่ๆ ก็ตรวจพบแบบไม่มีอาการหรือสาเหตุใด  
  2. อันที่สองคือ มะเร็ง คือ วายร้ายที่ร้ายยิ่งกว่าร้าย ถึงแม้ว่าหมอจะพยายามตามจับอย่างไร แต่มะเร็งก็จะซึมผ่านเข้ากระแสเลือดกระจายหนีไปได้อย่างรวดเร็วทุกที อันสุดท้ายก็คือ มะเร็ง คือ ขี้ผง ที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย และรักษาอย่างไรก็ไม่มีวันหมด บางคนเป็นแล้วตรวจไม่พบ แต่อีก 10 ปี ให้หลังมันงอกกลับมาใหม่นั้นก็มี เพราะฉะนั้น ตนไม่อยากให้ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งต้องคิดมาก ทำใจและยอมรับ ใช้หลัก "อุเบกขา" ในการดำรงชีวิต วางเฉยในทุกๆ เรื่อง เพราะทุกๆ เรื่อง มันต้อง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
อย่างไรก็ตาม ยาสมุนไพรของนายแพทย์สมหมาย ขณะนี้ได้ขึ้นทะเบียน อย.ในประเทศไทย ในทะเบียนยาสมุนไพร สรรพคุณ แก้น้ำเหลืองเสีย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ และเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับประเทศที่ยังมีคุณหมอที่อุทิศชีวิตให้กับคนไข้เสมอมา โดยนายแพทย์สมหมายกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า... เขาจะรักษาต่อไป จนกว่าเขาจะรักษาไม่ไหว...

ประวัติ นายแพทย์ สมหมาย ทองประเสริฐ
เกิด : 27 ธันวาคม พ.ศ.2464
ภูมิลำเนา : จ.สิงห์บุรี
พี่น้อง : 7 คน
การศึกษา :
  • โรงเรียนเซนต์ปีเตอร์ ถนนสี่พระยา จนจบ ม.5
  • โรงเรียนอำนวยศิลป์ ม.6 – ม.8
  • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะเภสัชศาสตร์ ปริญญาตรี
  • แพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล รุ่น 55
การทำงาน :
  • สถานเสาวภา  สภาชาดไทย  ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับ วัคซีน, เซรุ่ม
  • แพทย์ประจำแผนกศัลยกรรม โรงพยาบาลศิริราช
  • หัวหน้าศัลยแพทย์ โรงพยาบาลศิริราช
  • ควบคุมดูแล คลังโลหิต โรงพยาบาลศิริราช
  • แพทย์ประจำ โรงพยาบาลสิงห์บุรี
  • ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสิงห์บุรี
  • นายแพทย์ประจำ สาธารณสุข จ.สิงห์บุรี
  • เปิดคลินิกรักษาโรงมะเร็ง จ.สิงห์บุรี (เชี่ยวชาญการใช้ยาสมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง)
แหล่งที่มา    เว็บไซต์กระปุกดอทคอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...