เพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใครจริงหรือไม่ งานนี้สถาบันผู้สอบบัญชีรับอนุญาตของประเทศสหรัฐอเมริกา (The American Institute of Certified Public Accountants - AICPA) เลยจัดทำการวิจัยเพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของบรรดาคู่สามีภรรยาทั้งหลาย
นอกจากผลการศึกษาจะยืนยันข้อความดังกล่าวแล้ว ปัญหาดังกล่าวยังเป็นเหตุให้คู่รักก่อพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์ และทำให้มีปากเสียงกับคู่ของตนได้ง่ายขึ้นและบ่อยขึ้น โดยผลการศึกษาพบว่าคู่รักวัยผู้ใหญ่ 3 ใน 10 คู่ที่แต่งงานกันหรืออาศัยอยู่ด้วยกัน ต่างยอมรับว่าแอบฮุบ แฮป หรือโกงเงินสามีหรือภรรยามาแล้วด้วยกันทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่การกระทำพื้นๆ อย่างการแอบนำเงินไปซื้อสินค้าที่ตนเองอยากได้ หรือการควักเงินจ่ายซื้อผลิตภัณฑ์ฟุ่มเฟือยราคาแพงโดยไม่ปรึกษาหารืออีกฝ่ายก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น 7% ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดยังรับสารภาพโดยดุษณีอีกว่า เคยซ่อนเงินโบนัสหรือเงินรางวัลที่ได้จากการถูกลอตเตอรี่ไม่ให้ดาร์ลิงข้างกายรับรู้ด้วย
ขณะที่ 4% ก้มหน้ายอมรับว่ามีบัญชีลับส่วนตัวของตัวเอง และอีก 4% รับสารภาพว่าแอบจัดการเม้มเงินก้อนโตจากบัญชีธนาคารที่ใช้ร่วมกัน โดยอาศัยเทคนิคเล่ห์เหลี่ยมเพื่อตบตาคู่หูของตนเองอีกด้วย
เรียกได้ว่า แม้จะแต่งงานอยู่ด้วยกันและร่วมแบ่งปันหลายสิ่งหลายอย่าง แต่เมื่อมาถึงเรื่องเงินแล้ว บางครั้งบางคราก็ไม่สามารถจะแบ่งปันหรือใช้ร่วมกันได้
อลัน เฮิร์ตชเฟล์ด ผู้ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาเรื่องการสมรสของ มาร์คัม เอลเอลพี บริษัทการบัญชีในนิวยอร์ก กล่าวเตือนว่า แม้หลายคู่อาจจะมองว่าการงุบงิบนิดๆ หน่อยๆ ที่เกิดขึ้นในบางโอกาสจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ของการโกงในบางครั้ง ก็นำไปสู่ประเด็นปัญหาที่สั่นคลอนสถานภาพการสมรสได้ในที่สุด
การศึกษาในครั้งนี้ยังพบอีกว่า ปัญหาสามัญที่ทำให้คู่รักมีปากเสียงถึงขั้นแตกหักได้ง่ายที่สุดก็คือปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ และการใช้จ่าย โดยผลสำรวจระบุชัดว่า โดยเฉลี่ยแล้วบรรดาคู่รักจะมีการโต้แย้ง โต้เถียง หรือทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องสตางค์ในกระเป๋าถึงเดือนละ 3 ครั้งเลยทีเดียว
นอกจากนี้ 27% ของคู่ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ยอมรับว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทถึงขั้นลงไม้ลงมือ สืบเนื่องมาจากเรื่องเงินมากกว่าเรื่องอื่นๆ โดยส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่มีค่าใช้จ่ายไม่คาดฝัน กับเรื่องที่แผนออมเงินไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้
ทั้งนี้ สถาบันดังกล่าวได้เสนอคำแนะนำไว้ว่า บรรดาคู่รักหรือผู้ที่สมัครใจจะมาอยู่ด้วยกัน ควรที่จะแยกกระเป๋าใครกระเป๋ามัน และสำหรับคู่ที่ไว้ใจกันในระดับหนึ่งแล้ว ก็ควรที่จะเผยสถานะบัตรเครดิต หรือรายละเอียดบัญชีธนาคารของตนให้อีกฝ่ายร่วมรับรู้ไว้ด้วย ส่วนเรื่องที่จะให้ร่วมใช้ด้วยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น