.jpg)
หลายๆ คนอาจชอบทานพวกเครื่องดื่มหวานๆ เช่น น้ำอัดลมหรือชาเย็นเป็นชีวิตจิตใจ เพราะความอร่อยสดชื่น แต่ที่จริงแล้วน้ำหวานๆ พวกนี้แหละที่เป็นตัวการทำให้เรารู้สึกอยากอาหารมากขึ้น เพราะน้ำตาลฟรุคโตสในเครื่องดื่มพวกนี้ จะขัดขวางการผลิตเลปตินของร่างกายซึ่งเป็นฮอร์โมนหนึ่งที่ช่วยบอกให้ร่างกายเรารับรู้ว่ารู้สึกอิ่มเพียงพอแล้ว กลายเป็นทำให้เรากินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกอิ่ม
2. อาหารกระป๋อง
ส่วนใหญ่แล้วอาหารกะป๋องแทบทุกชนิดจะมีสารบิสฟีนอลเอ (BPA) ที่จะทำให้ร่างการผลิตเลปตินออกมาได้ไม่สม่ำเสมอปนอยู่ จึงทำให้เราไม่รู้สึกตัวเวลาที่อิ่ม และก็ทานต่อไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ได้สารอาหารเกินพอแล้ว จนน้ำหนักพุ่งพรวดในที่สุด
3. ไม่ยอมทานอาหารเช้า
คนที่เลือกไม่กินอาหารเช้าหรือทานน้อยเกินไปจะทำให้รู้สึกหิวและทานเยอะขึ้นในมื้อต่อไป แถมยังทำให้รู้สึกมึนงงจนสมองทำงานได้ไม่เต็มที่และหงุดหงิดง่ายไปทั้งวันอีกด้วย คุณควรหันมาดูแลตัวเองด้วยการทำอาหารเช้าง่าย ๆ ทานเองทุกเช้าดีกว่านะ
.jpg)
4. ไม่กินผัก5. ลองดื่มชาดูบ้าง
จากการวิจัยของวิทยาลับยอเมริกาพบว่าคนที่ดื่มชาดำหลังจากทานอาหารจำพวกแป้ง ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลง 10% เป็นเวลา 2 - 5 ชั่วโมง จึงทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น และอยากอาหารน้อยลง เพราะฉะนั้นใครที่ต้องการจะลดน้ำหนัก จะลองดื่มชาดำทุกครั้งหลังอาหารดูก็ได้
6. ดื่มน้ำน้อยเกินไป
ความรู้สึกอิ่มน้ำก็ช่วยรองท้องคุณให้รู้สึกหิวน้อยลงได้เหมือนกัน แถมการดื่มน้ำยังช่วยให้เลือดในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้นควรหันมาดื่มน้ำเยอะๆ ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองด้วยนะ
7. มองอาหารหน้าตาน่ากิน
ต่อให้เป็นตอนที่รู้สึกอิ่มแล้ว แต่เวลาเดินผ่านร้านอาหารน่าอร่อยก็อดไม่ได้ที่จะมองเข้าไป และตั้งใจจะกินเพิ่มอีกทุกที ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรเลย เพราะสมองนั้นเป็นตัวสั่งการส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย และถ้าเราคิดว่าเราอยากได้อยากกินไปแล้ว ร่างกายก็สามารถหลอกตัวเองว่าอิ่มได้เช่นกัน จำไว้ว่าทานอาหารแค่ 3 มื้อให้เต็มที่ก็พอ ถ้าอิ่มแล้วก็ไม่ต้องทานอีกหรอก
แหล่งที่มา เว็บไซต์กระปุกดอทคอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น