วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บริษัทพลังงานครองโลก รายได้-กำไรพุ่งกวาดท็อปเทนฟอร์จูน 500


ธุรกิจพลังงานครองโลก ผลประกอบการและกำไรพุ่งแรงสวนกระแสเศรษฐกิจโลกซบ ติดท็อปเทน 500 อันดับบริษัทใหญ่ที่สุดโลกของฟอร์จูน 

ฟอร์จูน นิตยสารด้านเศรษฐกิจการเงินที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและจัดพิมพ์โดยไทม์ เผยรายชื่อบริษัทขนาดใหญ่ที่ได้รับการจัดอันดับ 500 แห่งทั่วโลก ประจำปี 2555 ซึ่งวัดจากรายได้ผลประกอบการและผลกำไรตลอดช่วงปีที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า 8 ใน 10 อันดับแรกตกเป็นของบริษัทด้านพลังงานอย่างธุรกิจน้ำมันและไฟฟ้า 

  1. อันดับหนึ่งตกเป็นของรอยัล ดัตช์เชลล์ หรือเชลล์ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ร่วมทุนระหว่างอังกฤษกับเนเธอร์แลนด์ ล้มแชมป์สองสมัยซ้อนอย่าง วอลมาร์ท บริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่จากสหรัฐ ด้วยผลประกอบการในปี 2554 ที่ 4.845 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 15 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ถึง 28.1%
  2. ด้าน เอ็กซอน โมบิล บริษัทน้ำมันจากสหรัฐตามติดมาเป็นอันดับที่ 2 ด้วยรายได้ในปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงถึง 4.53 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 14 ล้านล้านบาท) 
  3. ขณะที่แชมป์เก่าในปีที่แล้วอย่างบริษัทค้าปลีกวอลมาร์ท ตกมาอยู่ในอันดับที่ 3 โดยมีจำนวนรายได้ที่ 4.47 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 13.85 ล้านล้านบาท)
  4. ในส่วนของอันดับที่ 4–10 ประกอบด้วยบริษัทน้ำมัน 4. บีพีจากอังกฤษ 5. บริษัทน้ำมันซิโนเพค กรุ๊ป 6. บริษัท ไชนา เนชัน แนล 7. ปิโตรเลียม และบริษัท พลังงานไฟฟ้า สเตท กริด จากจีน   8.   บริษัท เชฟรอน และ   9. บริษัท โคโนโค ฟิลิปส์ จากสหรัฐ และ 10.  บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกจากญี่ปุ่น

สำหรับบริษัทชื่อดังอย่างแอปเปิล ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนยอดนิยมอย่างไอโฟน สามารถทำผลประกอบการและรายได้เพิ่มขึ้นมา 56 อันดับ ติดอันดับที่ 55 โดยมีผลประกอบการในปี 2554 เกือบ 1.083 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.357 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ถึง 66%

รายงานระบุว่า เมื่อนับจำนวนบริษัทที่ติด 500 อันดับของโลก

  1. บริษัทในสหรัฐยังคงมีมากเป็นอันดับหนึ่งด้วยจำนวน 132 แห่ง
  2.  โดยมีจีนตามมาเป็นอันดับที่สองที่ 73 แห่ง และ
  3. ญี่ปุ่นรั้งอันดับที่สามที่ 68 แห่ง 
ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่จีนสามารถก้าวข้ามญี่ปุ่นขึ้นมาได้ในการจัดอันดับ 500 บริษัทขนาดใหญ่ของนิตยสารฟอร์จูน หลังจากที่ก่อนหน้านี้จีนสามารถดันญี่ปุ่นให้ร่วงลงไปอยู่อันดับ 3 ในเรื่องอันดับขนาดเศรษฐกิจของประเทศมาแล้ว

นอกจากนี้ นิตยสารฟอร์จูนระบุว่า แม้สหรัฐจะยังคงมีจำนวนบริษัทมากที่สุดจากการจัดอันดับ แต่ก็ยังคงอยู่ในสถานะน่าเป็นห่วง เพราะสหรัฐเป็นเพียงประเทศเดียวในการจัดอันดับที่มีจำนวนบริษัทขนาดใหญ่ลดลง โดยจำนวน 132 แห่งในปี 2554 ลดลงจากปีก่อนหน้า ซึ่งมีอยู่ที่ 197 แห่ง แสดงให้เห็นว่าหลายๆ บริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน ที่ในช่วงปีที่ผ่านมา มีบริษัทสัญชาติจีนเพิ่มเข้ามาใน 500 อันดับถึง 12 บริษัท

สำหรับภูมิภาคยุโรป สถานการณ์ของบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งล้วนแต่เป็นไปในทางเดียวกับสถานการณ์ในสหรัฐ โดยบริษัทสัญชาติยุโรปลดจำนวนลงจาก 172 แห่งในปี 2553 เหลือเพียง 161 แห่งในปี 2554 เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นที่ในปีนี้ลดลงจากปีก่อนหน้าที่มีอยู่ถึง 88 แห่ง

ขณะที่หากพิจารณาตามประเภทของกิจการที่ดำเนินการ นอกเหนือจากอันดับหนึ่งอย่างธุรกิจพลังงานแล้ว อันดับ 2 ตกเป็นของธุรกิจด้านการธนาคาร และอันดับ 3 คือธุรกิจด้านรถยนต์

นิตยสารฟอร์จูนรายงานเพิ่มเติมอีกว่า แม้จะต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตการเงินในยุโรปและหายนภัยธรรมชาติรุนแรงในญี่ปุ่น แต่บริษัทขนาดใหญ่ทั่วโลกก็ยังสามารถทำรายได้และทำกำไรได้อย่างดี ซึ่งโดยรวมแล้ว ทั้ง 500 บริษัทสามารถทำรายได้สูงถึง 29.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (914.5 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ถึง 13.2% ขณะที่ผลกำไรเพิ่มขึ้น 7% อยู่ที่ 1.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 49.6 ล้านล้านบาท)

“ขนาดผลกำไรดังกล่าวใหญ่เทียบเท่ากับจีดีพีของประเทศอินเดียทั้งประเทศเลยทีเดียว” นิตยสารฟอร์จูนระบุ

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ 11 กรกฎาคม 2555 เวลา 07:28 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...