วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

NAV คืออะไร

วันนี้ (2 พ.ค. 2555) เพื่อนได้สอบถามว่า "ราคา NAV คำนวณอย่างไร" ก็เลยทำการค้นหาคำตอบใน google ผู้เข้ามาชมอาจจะ "งง" ว่ากำลังพูดถึงอะไรกัน ในที่นี้ เรากำลังจะพูดถึง "การลงทุน" ในมุมกองทุนรวม

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (Net Asset Value หรือราคา NAV) หมายถึง ทรัพย์สินทั้งหมดของกองทุนรวม ตลอดจนผลประโยชน์ต่างๆ ที่กองทุนรวมได้รับจากการลงทุน ณ เวลาขณะใดขณะหนึ่ง หักออกด้วยค่าใช้จ่าย และหนี้สินของกองทุนรวมนั้น ซึ่งโดยปกติแล้ว จะทำการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนตามราคาตลาด (Mark to Market) ในแต่ละวัน เพื่อให้สะท้อนถึงมูลค่าที่เป็นจริงตามสภาวะตลาดที่ได้เปลี่ยนแปลงไป สำหรับกรณีที่ทรัพย์สินนั้นไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นในวันที่ทำการคำนวณ ก็ให้ใช้ราคายุติธรรม หรือราคาเสนอซื้อครั้งสุดท้ายในการคำนวณแทน

ทั้งนี้ ทาง บลจ. จะเป็นผู้ทำการคิดคำนวณราคา NAV ขึ้นมา และเปิดเผยให้นักลงทุน ตลอดจนประชาชนทั่วไปได้รับทราบอย่างเป็นประจำและสม่ำเสมอ ในกรณีของกองทุนปิดก็จะประกาศให้นักลงทุนทราบทุกวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ สำหรับกรณีของกองทุนเปิดจะประกาศ  ให้ทราบทุกวันทำการที่มีการซื้อขายหน่วยลงทุน โดยทำการประกาศ ณ ที่ทำการของบริษัทตัวแทนจำหน่าย และในหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจอย่างน้อยหนึ่งฉบับ อย่างไรก็ตาม ราคาที่ประกาศให้ทราบนั้นจะแสดงอยู่ในรูปของมูลค่าต่อหน่วยลงทุน โดยนำเอาราคา NAV มาหารด้วยจำนวนหน่วยลงทุนที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมด ซึ่งมูลค่าต่อหน่วยลงทุนนี้อาจสูงขึ้นหรือลดลงก็ได้ หากมูลค่าต่อหน่วยลงทุนลดลงน้อยกว่าราคาที่ได้ลงทุนเมื่อเริ่มแรก นักลงทุนก็จะอยู่ในฐานะขาดทุน ในทางกลับกัน หากมูลค่าต่อหน่วยลงทุนสูงขึ้นมากกว่าราคาที่ลงทุนเริ่มแรก นักลงทุนจะอยู่ในฐานะกำไร

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรจะรู้ก็คือ มูลค่าต่อหน่วยลงทุนที่ถูกประกาศให้ทราบนั้นจะเป็นมูลค่าที่คำนวณได้จากราคาตลาดของทรัพย์สินในวันก่อนหน้าวันที่ประกาศนั้นหนึ่งวันเสมอ ยกตัวอย่างเช่น
มูลค่าหน่วยลงทุนที่ประกาศในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 25X1 จะเป็นราคาที่คำนวณได้ของวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 25X1 ดังนั้น หากนักลงทุนต้องการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมนี้ในวันที่ 2 มีนาคม จะยังคงไม่ทราบราคาที่จะซื้อหรือขายหน่วยลงทุนได้ในวันนั้นทันที แต่ต้องรอไปทราบเอาจากราคาที่ประกาศในวันที่ 3 มีนาคมถัดไปอีกหนึ่งวัน เป็นต้น

สรุป
กองทุนรวม ต้องคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของหลักทรัพย์และทรัพย์สินที่กองทุนรวมลงทุนไว้ทุกวันทำการ การคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และ มูลค่าต่อหน่วย จะกระทำตามขั้นตอน ดังนี้

คำนวณมูลค่าต่อหน่วย โดยการนำมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมาหารด้วย จำนวนหน่วยลงทุนที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของกองทุนนั้น



มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) = มูลค่าทรัพย์สินตามราคาตลาด + รายได้ค้างรับ + เงินสด - หนี้สิน

คำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยการคำนวณมูลค่าหลักทรัพย์และทรัพย์สินที่กองทุนลงทุน ตามหลักการมูลค่ายุติธรรม (mark to market) กล่าวคือ ต้องคำนวณมูลค่าจากราคาปิด หรือราคาเสนอซื้อครั้งสุดท้าย (ถ้าหลักทรัพย์นั้นไม่มีการซื้อขายในวันนั้น) บวกกับ เงินสดและรายได้ค้างรับทั้งหมดที่มี หักด้วย หนี้สิน (ที่ยังไม่ได้ชำระราคา)



มูลค่าต่อหน่วย (NAV ต่อหน่วย) = มูลค่าทรัพย์สินตามราคาตลาด + รายได้ค้างรับ + เงินสด - หนี้สิน  
จำนวนหน่วยลงทุน


ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคา NAV
  • การประเมินมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน (Valuation of Investments) เนื่องจากราคา NAV เกิดจากการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินที่อยู่ในการถือครองของกองทุน ณ เวลาขณะใดขณะหนึ่ง ซึ่งโดยปกติ ราคาที่ถูกนำมาใช้ประเมินนั้นอาจแตกต่างกันไป โดยหากเป็นตราสารทุนก็จะใช้ราคาปิดที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละวัน ซึ่งทราบได้จากประกาศของตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่หากเป็นตราสารหนี้ที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายต่ำ และหาราคาปิดได้ยาก หรือกรณีที่ทรัพย์สินที่ลงทุนนั้นไม่มีราคาตลาด กองทุนรวมก็อาจต้องใช้ราคายุติธรรมตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นโดยสมาคมนักบัญชี และผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย หรือราคาเสนอซื้อครั้งสุดท้ายในการคำนวณแทน จึงส่งผลกระทบต่อราคา NAV ของกองทุนนั้นโดยตรง
  • การซื้อ หรือขายทรัพย์สินของกองทุน (Purchase/ Sale of Securities) ซึ่งเกิดจากการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุน แน่นอนว่า การซื้อเข้า และขายทรัพย์สินออกจากกองทุน ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคา NAV
  • คุณภาพของทรัพย์สินของกองทุน (Quality of Securities) หากเป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพทำให้กองทุนได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ราคา NAV ก็จะสูงขึ้น ในทางกลับกัน หากทรัพย์สินนั้นทำให้ขาดทุน ราคา NAV ของกองทุนก็จะลดลง
  • ผลตอบแทนที่ยังไม่ได้รับ (Unrealized Return) เช่น กำไร หรือขาดทุนที่เกิดขึ้นตีราคาทรัพย์สินตามมูลค่าตลาด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคา NAV โดยตรง
  • หนี้สิน และค่าใช้จ่ายของกองทุน (Liabilities and Expenses) หากกองทุนมีหนี้สินและค่าใช้จ่ายสูง ราคา NAV ก็จะลดลง ในทางกลับกัน หากมีหนี้สินและค่าใช้จ่ายน้อย ราคา NAV ก็จะสูงขึ้น
  • จำนวนหน่วยลงทุนที่จัดจำหน่าย และไถ่ถอน (Unit Sold and Redeemed) หากมีการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนเพิ่ม ราคา NAV ก็จะสูงขึ้น ในทางกลับกันหากมีการไถ่ถอนหน่วยลงทุน ราคา NAV ก็จะลดลง
  • การจ่ายเงินปันผล (Dividend Distribution) หากกองทุนมีการจ่ายเงินปันผล ก็จะทำให้ราคา NAV ลดลง เนื่องจากเงินปันผลจะถูกจ่ายจากกำไรสะสม หรือกำไรสุทธิของกองทุนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของราคา NAV
หมายเหตุ
“การลงทุน” คือ การที่เราใช้จ่ายเงินสดรูปแบบหนึ่งในปัจจุบัน โดยมุ่งหวังจะได้รับผลตอบแทนจากการใช้จ่ายนั้นในอนาคต ซึ่งผู้ลงทุนเชื่อว่าเงินสดหรือผลตอบแทน ส่วนเพิ่มที่จะได้รับคืนนั้น จะสามารถชดเชยระยะเวลา อัตราเงินเฟ้อ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างคุ้มค่า หรืออาจกล่าวได้ว่า

“การลงทุน” หมายถึง การออมเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น ซึ่งเราจะต้องยอมรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน การตัดสินใจนำเงินออมมาลงทุน เราจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้และเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุน

ในตลาดการเงินปัจจุบัน มีทางเลือกสำหรับการลงทุนให้เราเลือกมากมาย ทั้งสินทรัพย์ทางการเงิน (Financial Assets) ประเภทพันธบัตร หุ้นกู้ หุ้นทุนกองทุนรวมประเภทต่างๆ หรือ สินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Tangible Assets) เช่น ทองคำ ที่ดิน อาคาร เพชรนิลจินดา เครื่องประดับ การมีความรู้ความเข้าใจในสินทรัพย์ที่จะลงทุน จึงมีความสำคัญต่อเรามาก การลงทุนโดยไม่มีความรู้ หรือไม่เข้าใจในเรื่องความเสี่ยงและทางเลือกในการลงทุนดีพอ ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด

แหล่งที่มา   เว็บไซต์ TSI,  เว็บไซต์ให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...