วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

10 กองหลังค่าตัวสูงที่สุดในโลก


1. ริโอ เฟอร์ดินานด์ 
จาก ลีดส์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) ไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) ค่าตัว 46 ล้านยูโร (1,840 ล้านบาท) ปี 2001

หลายๆ คนอาจจะทักท้วงว่า ริโอ น่าจะมีค่าตัวเพียงแค่ 29.1 ล้านปอนด์ (1,455 ล้านบาท) เท่านั้น แต่ไหงขยับขึ้นไปสูงถึงเพียงนั้นได้

แต่ก็อย่างที่บอกกันไว้ข้างต้นนั่นแหละครับว่าเพราะค่าเงินเมื่อ 11 ปีก่อนนั้น เงินปอนด์แข็งค่ามากเกือบ 60-65 บาทไทยเสียด้วยซ้ำ จนส่งผลให้พอปรับค่าเงินให้เป็นปัจจุบัน มันก็เลยออกมาอย่างที่เห็น ส่วนเกียรติประวัติของเจ้าตัวไล่ย่อๆ คงได้ประมาณนี้ครับ

5 แชมป์พรีเมียร์ลีก, 1 เอฟเอ คัพ, 2 ลีก คัพ, 1 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ 1 แชมป์สโมสรโลก และแม้ว่าปัจจุบันจะลดบทบาทในทีม "ผีแดง" ลงไป แต่ก็ยังคงเป็นแข้งที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือเลือดสกอตมอบความไว้วางใจให้อยู่เสมอ

2. ติอาโก้ ซิลวา 
จาก เอซี มิลาน (อิตาลี) ไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) ค่าตัว 42 ล้านยูโร (1,680 ล้านบาท) ปี 2012

แม้จะเคยหล่นวาทะว่าต้องการค้าแข้งกับ มิลาน จนกลายเป็นตำนานของทีมเฉกเช่น เนสต้า แต่ที่สุดแล้วอดีตดาวเตะฟูมิเนนเซ่ก็ต้องย้ายสำมะโนครัวไปยังแดนน้ำหอมจนได้

เนื่องจากสภาพการเงินของทีมที่ง่อนแง่นมาเป็นเวลานาน รวมถึงการรับเงินก้อนโตจากต้นสังกัดใหม่อีกด้วย โดยผลงานที่ฝากไว้ให้กับสาวก "รอสโซเนรี่" มีเพียงแชมป์สคูเด็ตโต้เมื่อปี 2010-11 เท่านั้น


3. ดานี่ อัลเวส 
จาก เซบีย่า (สเปน) ไป บาร์เซโลน่า (สเปน) ค่าตัว 35.5 ล้านยูโร (1,420 ล้านบาท) ปี 2008

เป็นผู้เล่นรายแรกๆ ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คว้ามาร่วมทีม ก่อนจะเดินหน้าสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับแคว้นกาตาลันด้วยการคว้าแชมป์ 14 จาก 18 รายการตลอดช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา

ซึ่งได้แก่ 3 แชมป์ลา ลีกา, 2 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, 2 โกปา เดล เรย์, 2 สโมสรโลก เป็นต้น



4. ฟาบิโอ โคเอนเทรา 
จาก เบนฟิก้า (โปรตุเกส) ไป เรอัล มาดริด (สเปน) ค่าตัว 30 ล้านยูโร (1,200 ล้านบาท) ปี 2011

ได้รับการจับตามองจากผลงานขึ้นเกมบุกให้กับทีมชาติโปรตุเกสในศึกเวิลด์คัพ 2010 จน มูรินโญ่ ต้องแทงเรื่องให้กับ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรให้คว้าวิงแบ็กรายนี้มาร่วมทัพให้ได้

กระนั้นเขาก็ยังต้องนั่งสำรองไปก่อนในช่วงแรก ก่อนที่จะถูกใช้งานบ่อยขึ้นในเวลาที่ทีมต้องเล่นเกมรับมากเป็นพิเศษ รวมถึงหน้าที่ในตำแหน่งกองกลางตัวรับที่ โคเอนเทรา ก็รับผิดชอบได้ดีไม่แพ้กัน






5. เปเป้ 
จาก ปอร์โต้ (โปรตุเกส) ไป เรอัล มาดริด (สเปน) ค่าตัว 30 ล้านยูโร (1,200 ล้านบาท) ปี 2007)

ย้ายมาด้วยความคาดหวังสูงไม่น้อยในการแก้ไขแนวรับที่รั่วเหมือนหลังคาสังกะสีตอนหน้าฝนซึ่งเป็นแผลเรื้อรังของ "ราชันชุดขาว" มาตลอด แต่กลายเป็นว่าความดิบเถื่อนที่ไปไล่เตะ ฆาเบียร์ กาสเกโร่ ของ เกตาเฟ่ ทั้งที่คู่แข่งกลิ้งคะมำไปแล้ว

จนส่งผลให้โดนแบนยาวถึง 10 เกม ตามด้วยการเจ็บเอ็นร้อยหวายที่ส่งผลให้หลุดจากทัพ "ฝอยทอง" ชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก จนหลายๆ เสียงบ่นให้ขายเขาทิ้งไป

แต่หลังการมาของ "สเปเชี่ยล วัน" ก็เหมือนว่า เปเป้ กลับมาเล่นได้อย่างมั่นใจและไม่เกเรเหมือนเก่า ก่อนที่จะนำมาซึ่งแชมป์ลีกาในซีซั่นที่ผ่านมานั่นเอง


 6. อเลสซานโดร เนสต้า 
จาก ลาซิโอ (อิตาลี) ไป เอซี มิลาน (อิตาลี) ค่าตัว 30 ล้านยูโร (1,200 ล้านบาท) ปี 2002

เพิ่งจะยุติตำนาน 10 ปีในรั้ว "รอสโซเนรี่" ไปหมาดๆ ด้วยการย้ายไป มอนทรีอัล อิมแพ็ค ในอเมริกา เมื่อเร็วๆ นี้ แต่ความสำเร็จต่างๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาในช่วงเวลาดังกล่าวทำให้กองเชียร์ "ปีศาจแดง-ดำ" ไม่น้อยที่อยากเห็น เนสต้า แขวนสตั๊ดในถิ่นซาน ซิโร่

ความสำเร็จ - 2 แชมป์สคูเด็ตโต้, 1 โคปปา อิตาเลีย, 2 แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ 1 แชมป์สโมสรโลก


7. ลิลิยง ตูราม 
จาก ปาร์ม่า (อิตาลี) ไป ยูเวนตุส (อิตาลี) ค่าตัว 30 ล้านยูโร (1,200 ล้านบาท) ปี 2001

ภายหลังที่ "ไอ้ม้าลาย" ปล่อย ซีเนดีน ซีดาน จอมทัพเลือดน้ำหอม ให้กับ เรอัล มาดริดด้วยค่าตัวอันเป็นสถิติโลกในตอนนั้นที่ 73.5 ล้านยูโร (2,940 ล้านบาท) ในปีนั้น พวกเขาก็ได้ ตูราม มาขันแนวรับ

ซึ่ง "ตูตู้" ก็ตอบแทนค่าตัวแบบทวีคูณด้วยการนำต้นสังกัดครองแชมป์สคูเด็ตโต้ถึง 4 ครั้งจาก 5 ปีก่อนจะย้ายไป บาร์เซโลน่า เลยทีเดียว





8. โจลีออน เลสค็อตต์ 
จาก เอฟเวอร์ตัน (อังกฤษ) ไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) ค่าตัว 27.5 ล้านยูโร (1,100 ล้านบาท) ปี 2009

ย้ายไปตีสนิทกับม้านั่งสำรองของ "เรือใบสีฟ้า" เกือบๆ ปี จนกระทั่ง โคโล่ ตูเร่ มีปัญหาเรื่องตรวจโด๊ปจึงทำให้เจ้าหน้าบากได้โชว์ฝีเท้า

ก่อนที่จะยึดตำแหน่งตัวจริงเป็นการถาวรมานับตั้งแต่นั้นและก็เป็นกำลังสำคัญในการคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 44 ปีในซีซั่นที่ผ่านมา



9. ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 
จาก ปอร์โต้ (โปรตุเกส) ไป เชลซี (อังกฤษ) ค่าตัว 27 ล้านยูโร (1,080 ล้านบาท) ปี 2004

นับเป็นผู้เล่นยุคแรกๆ ที่ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือเลือดฝอยทอง คว้าตัวมาร่วมอาณาจักรความยิ่งใหญ่ที่รั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งเจ้าตัวก็คุมแนวรับได้อย่างแข็งแกร่ง

ก่อนที่จะทำสถิติเสียประตูไปแค่ 15 ลูกเท่านั้นในปีแรก และเดินหน้าเก็บเหรียญแชมป์ไม่มีเบื่อตลอด 6 ปีก่อนย้ายไป เรอัล มาดริด ทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ อย่างละ 3 ครั้งและคาร์ลิ่ง คัพ 2 หน

รวมถึงการปรากฏตัวในนัดชิงชปล.แต่พลาดท่าให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอย่างน่าเสียดาย

10. ดาวิด ลุยซ์ 
จาก เบนฟิก้า (โปรตุเกส) ไป เชลซี (อังกฤษ) ค่าตัว 25 ล้านยูโร (1,000 ล้านบาท) ปี 2011

ย้ายมาช่วงต้นปีทำให้ต้องเสียเวลาปรับตัวไปไม่น้อย แต่ก็สร้างความประทับใจให้กับกองเชียร์ "สิงห์บลูส์" ได้ทันที เมื่อซัดประตู แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะมาซัดจุดโทษแซงชนะ 2-1 ได้สำเร็จในเดือนมี.ค.

แม้ปีนั้นจะไม่ได้แชมป์ก็ตาม แต่ด้วยสไตล์การเล่นที่ชอบเล่นเกมบุกทั้งที่เป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟอีกทั้งทรงผมที่ฟูฟ่อง จึงกลายเป็นที่รักของแฟนๆ ทันที

ล่าสุดก็ลงเล่นเป็นตัวจริงให้ "สิงโตคำราม" ในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ทีมชนะจุดโทษ บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่แดนไส้กรอกอีกด้วย  






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...