สาเหตุหลักของโรค มาจากการแพ้สิ่งสกปรก สิ่งปฏิกูลที่มากับน้ำ เนื่องจากเท้าต้องดูดซับความชื้นเป็นเวลานาน ทำให้เท้าเป็นจุดอับที่มีโอกาสก่อเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย วิธีการแก้เบื้องต้นต้องใช้ยาทา แต่ในกรณีที่มีแผลเป็นบริเวณกว้างต้องทานยาแก้อักเสบร่วมด้วย
นพ.ธวัชชัย กมลธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข บอกถึงปัญหาที่น่าเป็นห่วง เนื่องจาก
- ผู้ประสบภัยน้ำท่วมมีบาดแผลหรือรอยขีดข่วนที่เริ่มมีการอักเสบมากขึ้น พบได้ประมาณ 30% ของผู้เจ็บป่วย และ
- พบผู้มีบาดแผลจากการเหยียบสิ่งของมีคม 20%
- โดยส่วนใหญ่กว่า 90% เป็นผู้ที่เดินเท้าเปล่าลุยน้ำออกมาจากซอยต่างๆ
หลังจากถอดรองเท้าบู๊ตแล้ว ต้องล้างเท้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกสะสมและไม่ให้เท้าอับชี้น ซึ่งจะช่วยลดอาการน้ำกัดเท้า อีกทั้งยังลดการเป็นผื่นคันได้
ข้อแนะนำของหมอธวัชชัย
- การใส่รองเท้าบู๊ตให้ถูกวิธี
- ซื้อรองเท้าให้เหมาะสม ควรซื้อเบอร์ใหญ่กว่ารองเท้าที่ใส่ประจำ 1 เบอร์ เช่น ใส่รองเท้าเบอร์ 42 ควรเลือกซื้อบู๊ตเบอร์ 43 เลือกชนิดที่มีความหนาของพื้นรองเท้าประมาณ 0.5 นิ้วขึ้นไป ไม่ควรบางกว่านี้ เพราะอาจเหยียบวัสดุมีคม ซึ่งเสี่ยงต่อการฉีกขาดได้ง่าย
- ควรเลือกรองเท้าชนิดที่มีความสูงเกินระดับเข่าขึ้นไป หรือระดับที่จะป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้ารองเท้าได้มากที่สุด
- ควรสวมถุงเท้าด้านในเผื่อไว้ด้วย เพื่อช่วยซับเหงื่อและลดการเสียดสีของเท้า
- เมื่อซื้อรองเท้าบู๊ตได้ขนาดพอเหมาะกับเท้าแล้ว หากรองเท้ายังมีกลิ่นยางติดอยู่ให้นำไปล้างน้ำให้สะอาดก่อน จะนำไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นให้โรยแป้งด้านในเพื่อไม่ให้ยางติดกัน
- ขณะที่ใส่รองเท้าลุยน้ำ ถ้ามีน้ำล้นเข้าไปภายในรองเท้า ให้ถอดแล้วเทน้ำออกเป็นระยะๆ ดีกว่าสวมใส่โดยมีน้ำแช่ขังในรองเท้าอยู่ตลอดเวลา
- เมื่อขึ้นบนบกแล้ว
- ให้ถอดรองเท้าออกและคว่ำรองเท้าลงให้สะเด็ดน้ำ
- จากนั้นล้างเท้าด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งทุกครั้ง
- ถ้าเท้ามีบาดแผลควรใส่ยาและปิดด้วยผ้าก๊อซสะอาด และ
- หลีกเลี่ยงใส่รองเท้าบู๊ตชั่วคราวเพื่อป้องกันแผลอักเสบ
- วิธีง่ายๆ แบบนี้หากทำได้ สบายใจ สบายเท้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น