วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปีของผู้สื่อข่าวสายทำเนียบรัฐบาล

การตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปีของผู้สื่อข่าวสายทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบเนื่องกันมา เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล จากประสบการณ์การทำงานที่ปรากฏต่อสื่อสาธารณะ โดยมิได้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ใดผู้หนึ่ง แต่มาจากมติส่วนรวมของสื่อมวลชน โดยในปีนี้ ผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาลได้ประชุม และมีมติให้ตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2554 ดังนี้
ฉายา
สื่อมวลชนประจำทำเนียบสื่อมวลชนประจำทำเนียบ
รัฐบาล ทักษิณส่วนหน้า
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายกฯ นกแก้ว
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ
รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย
ทักษิโด้โชว์ห่วย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กุมารทองคะนองศึก
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม อินทรีหลงป่า
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ "ปึ้ง" เป้าเป๊ะ
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ประแจปากตาย
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง
รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์
ปุเลง...นอง
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน ไอเดียกระฉอก
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ ขงเบ๊
นายปลอดประสพ สุรัสวดี
รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ผีเจาะปลอด
วาทะแห่งปี "น้ำตาที่ไหลไม่ได้มาจากความอ่อนแอ ใครไม่โดนไม่รู้ มันเป็นอารมณ์ร่วม" ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์

รูปจากเว็บไซต์สนุกดอทคอม
ฉายารัฐบาล : ทักษิณส่วนหน้า
การบริหารงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่สามารถสลัดภาพว่ามีพี่ชายอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่เบื้องหลังได้ จนรัฐบาลชุดนี้เปรียบเสมือนศูนย์บัญชาการส่วนหน้าของตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องทำตามสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ คิด และวางไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายประชานิยมที่ชูสโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” หรือในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ผู้ที่มีสิทธิได้ตำแหน่ง ต่างเดินทางไปถึงดูไบเพื่อแสดงวิสัยทัศน์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ไปกรุยทางให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อนการเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ นอกเหนือไปจากการการันตี ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือ โคลนนิงของตัวเอง
      
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี : นายกฯ นกแก้ว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้หญิงที่มีความสวย บุคลิกดี มีความความโดดเด่น คล้ายกับนกแก้วที่มีสีสันสวยงาม แต่กลายเป็นนกแก้วที่ต้องติดอยู่ในกรงทอง ไม่สามารถบินไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเอง ต้องมีพี่เลี้ยงคอยประกบดูแลอย่างใกล้ชิด บทบาทที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงต่อสาธารณชน จึงเป็นเพียงนกแก้วที่พูดตามบทที่มีคนเขียนหรือบอกให้พูดเท่านั้น และลักษณะการตอบคำถามของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็มักพูดซ้ำไปซ้ำมา หรือวกวนจนไม่รู้ข้อเท็จจริงคืออะไร หลายครั้งก็พูดผิดกระทั่งตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย : ทักษิโด้โชว์ห่วย
เคยเป็นถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากประวัติการทำงานที่เป็นถึงอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล นายยงยุทธจึงถูกวางตัวให้รับตำแหน่งสำคัญในฐานะ รมว.มหาดไทย เพื่อตอบแทนความภักดีที่คอยดูแลพรรคในช่วงเวลาที่ตกต่ำสุดขีด แต่นอกจากการเป็นผู้ที่แต่งกายและมีบุคลิกดีคล้ายผู้ชายใส่ “ทักซิโด” เมื่อถึงเวลาแสดงผลงานกลับสอบตก “โชว์ห่วย” จนมีเสียงเรียกร้องภายในพรรคให้ปรับออกจากตำแหน่ง คำว่า “ทักษิโด้” ในที่นี้ยังเป็นการล้อจากชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้อยู่เบื้องหลังของการได้มาซึ่งตำแหน่งของ นายยงยุทธ ด้วย
      
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี : กุมารทองคะนองศึก
กุมารทองมักสวมเครื่องทรง แทนสัญลักษณ์ของผู้มีตำแหน่งสำคัญ โดยลักษณะทั่วไปของกุมารทองคือจะทำงานตามคำสั่งและทำเพื่อประโยชน์ของผู้เลี้ยงเท่านั้น เช่นเดียวกับ ร.ต.อ.เฉลิมที่จะทำงานตามคำสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังมักจะเป็นพรายกระซิบคอยบอกบทของเพื่อนรัฐมนตรีระหว่างการชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร อีกทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม ยังมีความซุกซน ชอบเข้าไปเกี่ยวข้องกับหลายเรื่องที่ไม่ใช่งานในความรับผิดชอบของตัวเอง หวังเพียงสร้างประเด็นข่าว และยังมีความคึกคะนองพร้อมที่จะประกาศศึกกับใครก็ได้จนบางครั้งกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้าน
      
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม : อินทรีหลงป่า
พล.ต.อ.ประชา มีดีกรีเป็นถึงอดีตอธิบดีกรมตำรวจ พื้นเพเป็นคนอีสาน และได้แสดงผลงานการปราบปรามสมัยสวมเครื่องแบบสีกากีอย่างโดดเด่น จนถูกขนานนามว่าเป็น “อินทรีอีสาน” แต่เมื่อเข้ามาเป็นรัฐมนตรีกลับได้รับงานที่ผิดฝาผิดตัว คืองานแก้ปัญหาน้ำท่วม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ซึ่งไม่ใช่งานที่ถนัด อีกทั้งการแก้ปัญหาดังกล่าวก็ไม่ได้ดีเท่าที่ควร หลงทิศหลงทาง ส่งผลให้ปัญหาน้ำท่วมลุกลาม ประชาชนหลายพื้นที่เกิดความขัดแย้ง กระทั่งตัว พล.ต.อ.ประชา ยังถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจและถูกฝ่ายค้านยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง
      
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ : “ปึ้ง” เป้าเป๊ะ
“ปึ้ง” เป็นชื่อเล่นของ นายสุรพงษ์ ผู้ที่ถูกสังคมตั้งคำถามนับแต่เข้ารับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ ว่ามีความรู้ความสามารถเพียงพอต่อการรับตำแหน่งสำคัญนี้ได้หรือไม่ แต่ผลงานตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนผลงานนายสุรพงษ์ เข้าเป้าทุกประการเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นการขอวีซ่าเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และอาศัยจังหวะชุลมุนช่วงน้ำท่วม ออกหนังสือเดินทางให้กับอดีตนายกฯ หรือแม้แต่การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวง

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี : ประแจปากตาย
อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผู้นี้ เป็นคนที่มีบุคลิกพูดน้อย มีท่าทีแข็งทื่อ คล้ายครั้งทำเหมือนพูดไม่รู้เรื่อง ทำให้ไม่มีบทบาทตามหน้าสื่อหรือภายในพรรคเพื่อไทย แต่ความจริง พล.ต.ท.โกวิท เป็นตัวเดินเกม และคอยแก้ไขปัญหาให้กับรัฐบาลรวมถึงพรรคเพื่อไทยในหลายๆเรื่อง ที่โดดเด่นคือการกล่อมให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ย้ายจากตำแหน่ง ผบ.ตร.มาเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อเปิดทางให้กับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เป็น ผบ.ตร.สมใจ หลังเจ้าตัวรอคอยตำแหน่งนี้มาอย่างยาวนาน
      
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ : ปุเลง...นอง
ล้อมาจากคำว่า “บุเรงนอง” ที่เป็นแม่ทัพใหญ่ในนิยาย “ผู้ชนะสิบทิศ” เช่นเดียวกับ นายกิตติรัตน์ ที่เป็นขุนพลด้านเศรษฐกิจ ผู้ประกาศตัวว่า จะเข้ามากู้วิกฤตให้กับประเทศ แต่การทำงานของนายกิตติรัตน์ กลับเป็นไปอย่างติดๆขัดๆ ไม่ราบรื่นเหมือนกับปุเลงไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ ยังมีปัญหากับ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลังหลายครั้งหลายหน กระทั่งเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ ทะลักเข้านิคมอุตสาหกรรมสำคัญหลายแห่ง สร้างความเสียหายมหาศาล จนกระทั่งนายกิตติรัตน์ ต้องน้ำตานองหน้าต่อคนทั้งประเทศ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน : ไอเดียกระฉอก
เป็นเจ้าโปรเจกต์ สารพัดคิด หลายเรื่องยังไม่ได้ข้อสรุปในที่ประชุม ก็เป็นเจ้าตัวที่ทำให้กระฉอกออกมา อย่างโครงการนิวไทยแลนด์ที่เจ้าตัวออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมกู้เงิน 9 แสนล้านบาทเพื่อมาฟื้นฟูประเทศ แต่สุดท้ายนายกรัฐมนตรีกลับปฏิเสธว่าไม่มีโครงการดังกล่าว หลายไอเดียที่เจ้าตัวคิดออกมาดังๆ แล้วถูกติติงจากผู้รู้ว่าไม่น่าจะนำไปปฏิบัติได้จริง เพียงข้ามวันนายพิชัย ก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ใช่ไอเดียของตน เหมือนน้ำที่กระฉอกไป กระฉอกมา หาอะไรแน่นอนไม่ได้ สุดท้ายผลงานเลยไม่เป็นไปตามเป้า

นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ : ขงเบ๊
“ขงเบ้ง” เป็นกุนซือคนสำคัญในเรื่องสามก๊ก ซึ่ง นายธีระ เคยนำไปเปรียบเปรยในสภา ถึงปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมา ว่าต่อให้ขงเบ้งมาเกิดใหม่ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ซึ่งนอกจากนายธีระไม่ใช่คนที่คอยวางแผนให้คนอื่นปฏิบัติตาม ยังจะเป็นคนที่รับคำสั่งจาก นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ทั้งงานในกระทรวงเกษตรฯ และการบริหารจัดการน้ำ คำว่า “เบ๊” นอกจากแปลว่าทำตามคำสั่งคนอื่นแล้ว ยังมาจากแซ่ของนายบรรหาร ที่แปลว่า “ม้า” หรือ “อาชา” ด้วย
      
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : ผีเจาะปลอด
เป็น รมว.วิทยาศาสตร์ฯ แต่โด่งดังจากการเตือนภัยว่าน้ำจะท่วม กทม.ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าตื่นตูมเกินเหตุ แต่ท้ายสุดน้ำก็ท่วมกทม.จริงๆ นับจากนั้นนายปลอดประสพ จึงมีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลเรื่องน้ำ อย่างไรก็ตาม การเตือนภัยระยะหลังของนายปลอดประสพ จะเป็นไปในลักษณะให้ตื่นกลัว มากกว่าตื่นตัว ที่สำคัญด้วยบุคลิกของนายปลอดประสพ ที่เป็นคนพูดเก่ง แม้แต่เรื่องที่ไม่ให้พูด เปรียบเสมือน “ผีเจาะปาก” แต่สำหรับนายปลอดประสพ กลายเป็น “ผีเจาะปลอด” เพราะการพูดแต่ละครั้งมักจะทำให้คนกลัว หรือตกใจ
      
วาทะแห่งปี “น้ำตาที่ไหลไม่ได้มาจากความอ่อนแอ ใครไม่โดนไม่รู้ มันเป็นอารมณ์ร่วม” ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
เป็นคำให้สัมภาษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ ศปภ.ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกำลังเผชิญวิกฤตอย่างหนัก หลังจากไม่สามารถสกัดกั้นไม่ให้น้ำเข้ามาท่วม กทม.รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมต่างๆได้ ผลโพลต่างๆ ก็ออกมาตรงกันว่าไม่เชื่อถือการทำงานของรัฐบาล นำไปสู่คำถามที่ว่ารัฐบาลจะสามารถประคองตนจนถึงสิ้นปีหรือไม่ ช่วงเวลานั้นไม่ว่าจะไปปฏิบัติงานที่ใด น.ส.ยิ่งลักษณ์มักจะหลั่งน้ำตาออกมา จนหลายคนมองว่าเป็นพฤติกรรมที่สะท้อนภาวะจิตใจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ไม่ได้ต้องการเล่นการเมืองมาแต่ต้น แต่ถูกพี่ชายผลักดันให้มาทวงความเป็นธรรมให้กับตระกูลชินวัตร แม้จะเฉไฉไปว่าร้องให้เพราะเห็นใจประชาชนก็ตาม

แหล่งอ้างอิง  เว็บไซต์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 ธันวาคม 2554 16:48 น.

ฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2553

ฉายารัฐบาล : รัฐบาลรอดฉุกเฉิน
ตลอดปี 2553 รัฐบาลต้องเผชิญกับวิกฤตหลายด้าน ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตภัยธรรมชาติ วิกฤตการเมืองทั้งในและนอกสภา เกิดความขัดแย้งและแตกแยกอย่างรุนแรงในสังคม จนต้องประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในหลายพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ ยังไม่รวมวิกฤตสังคมอื่นๆ จนทุกฝ่ายมองว่ารัฐบาลไม่น่าจะบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้ แต่สุดท้ายรอดจากวิกฤตต่างๆ รวมทั้งรอดพ้นจากคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางข้อกังขาจากสังคม

ฉายานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี : ซีมาร์คโลชั่น
ในภาวะที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก วิกฤติความขัดแย้งทางสังคมทั้งระดับประเทศ ลงไปถึงระดับครอบครัว เปรียบเสมือนผู้ป่วยหนักที่ต้องการยารักษาโรคให้หายขาด บางปัญหาต้องทำการผ่าตัด-ปรับโครงสร้าง-เปลี่ยนอวัยวะ สังคมคาดหวังว่านายกฯ จะเข้ามาแก้ไขปัญหาและรักษาอาการของประเทศได้ แต่ผลการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ ยังทำได้ผลเพียงการบรรเทาโรค เปรียบเสมือนการใช้ “ซีม่าโลชั่น” ทาแก้คันเท่านั้น

ฉายานายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี : ทศกัณฐ์กรำศึก
เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในทุกเรื่อง เปรียบเหมือนทศกัณฑ์ที่มีหลายหน้า อาทิ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง แม่บ้านพรรคประชาธิปัตย์ ผู้จัดการรัฐบาล บิดาของนายแทน เทือกสุบรรณ ที่ถูกโจมตีเรื่องการครอบครองที่ดินเขาแพง เกาะสมุย จ. สุราษฎร์ธานี ทำให้ต้องเผชิญศึกหนักจากรอบด้าน ทั้งศึกที่จบไปแล้ว และศึกที่ยังดำรงอยู่ แต่ด้วยความมีประสบการณ์การเมืองสูง รอบจัด จึงเอาตัวรอดจากศึกรอบด้านมาได้ ขนาดหลุดจากเก้าอี้ส.ส. เพราะถือหุ้นต้องห้าม ตามด้วยการไขก๊อกจากเก้าอี้รองนายกฯ ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม สุดท้ายก็ฟื้นชีพการเมืองครบทุกตำแหน่ง เปรียบเสมือนทศกัณฑ์ที่ถอดกล่องดวงใจได้ ไม่มีวันสิ้นชีพ

ฉายาพล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี : ลิ้นชาละวัน
ผลงานในตำแหน่งรองนายกฯ ไม่เป็นที่ประจักษ์-เป็นรูปธรรม แต่บทบาทที่เด่นชัดคือการเดินสายเจรจาสร้างความปรองดองกับทุกพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้าน-รัฐบาล และกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองทุกสี รวมทั้งการเจรจากับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนถูกวิจารณ์ว่าอยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ผลการเจรจาก็ไม่สำเร็จ เปรียบเหมือนการใช้ลิ้นจระเข้ที่ไม่มีต่อมรับรส กินอะไรก็ไม่รู้รสชาติ การเจรจาของชาละวัน-สนั่น จึงไม่มีการตอบรับจากทุกฝ่าย

ฉายานายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี : กริ๊ง...สิงสื่อ
แม้จะพ้นจากการกำกับดูแลสื่อในช่วงครึ่งปีหลัง แต่บทบาทที่เด่นชัดคือการสั่งการสื่อสำนักต่างๆ ของรัฐ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง มักโทรศัพท์สายตรงไปถึงกองบรรณาธิการ-สถานีโทรทัศน์ เพื่อชี้นำและกำหนดทิศทางในการนำเสนอประเด็นข่าว ทำให้บางสื่อเกิดความอึดอัด แต่ต้องทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกครั้งที่เสียงโทรศัพท์ของสื่อดังขึ้น มีชื่อผู้โทร. เข้าเป็นรมต.สาทิตย์ จะทำให้ทุกสื่อรู้สึกสยองขวัญกับคำสั่งที่สิงสู่ส่งมาตามสาย

ฉายานายกรณ์ จาติกวณิช รมว. คลัง : โย่งคาเฟ่
ในฐานะรมว. คลังจำเป็นต้องมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ การแสดงบทบาทต่อสาธารณะทุกครั้ง เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณต่อความเชื่อมั่นเรื่องภาวะเศรษฐกิจ และเป็นท่าทีทางนโยบายของรัฐบาล แต่สำหรับนายกรณ์กลับแสดงออกไม่สมบทบาทขุนคลัง ในหลายกรณี อาทิ การเปิดผับเชียร์ฟุตบอลโลก การแสดงบทพ.ต. ประจักษ์ มหศักดิ์ คู่กับแอฟ ทักษอร ในละครวนิดา ภาคปลดหนี้ จนถูกวิจารณ์ว่ามีพฤติกรรมที่เน้นสร้างความบันเทิง-เฮฮา มากว่าบทบาทรมว.คลัง

ฉายานายมั่น พัธโนทัย รมช. คลัง : หยากไย่
เป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ได้เข้ามาร่วมรัฐบาลชนิดที่หลายฝ่ายคาดไม่ถึง เมื่อนำส.ส. พรรคมาตุภูมิเพียง 3 เสียงมาร่วมรัฐบาล หลังพรรคประชาธิปัตย์ขับพรรคเพื่อแผ่นดินออกจากรัฐบาล แม้งานที่ทำจะเงียบเชียบ ไม่มีผลงานชัดเจน แต่ก็ยังชักใย-เกาะติดอยู่กับฝ่ายรัฐบาลได้ทุกยุค เปรียบเหมือน “หยากไย่” ที่เกาะอยู่ในบ้านเรือน ที่ไม่มีประโยชน์ รอวันถูกปัด-กวาดทิ้ง

ฉายานายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว. มหาดไทย : เสืออิ่ม สิงห์โอด
กวิจารณ์จากทั้งคนในและนอกกระทรวงมหาดไทยว่าเป็นยุคตกต่ำที่สุดของกระทรวงนักปกครอง ที่ถูกเรียกขานตามสัญลักษณ์ “สิงห์” โดยปรากฏข่าวไม่ชอบมาพากลสารพัดโครงการ มีการแต่งตั้งโยกย้ายที่ถูกร้องเรียนว่าไม่เป็นธรรมมากที่สุด ทำลายสถิติเรื่องการมีว่าที่ปลัดกระทรวงมากที่สุด จนนักปกครองทุกสีทั้ง สิงห์ดำ-สิงห์แดง-สิงห์ขาวออกมาโอดครวญ เพราะถูก “เสือ” เจ้ากระทรวงขย้ำจนไม่เหลือความเป็น “สิงห์” ขณะที่เสือ-คนรอบตัว รมว.กลับอิ่มหมีพีมันเสพสุข

ฉายาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว. กลาโหม : ป้อมทะลุเป้า
ชื่อเล่นคือ “บิ๊กป้อม” เป็นพี่ใหญ่ของนายพลทุกเหล่าทัพ แม้คนภายนอกมองว่าบทบาทของเขาไม่โดดเด่น แต่ในความเป็นจริงเขากลับสร้างผลงานได้ทะลุเป้าในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการกุมอำนาจในฝ่ายความมั่นคง การปฏิบัติการกระชับพื้นที่ชุมนุมย่านราชประสงค์ การขออนุมัติใช้งบของกองทัพทั้งงบลับ-งบแจ้งที่ถูกครหาว่าสูงเป็นประวัติการณ์ การได้รับอนุมัติจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากรัฐบาลทุกรูปแบบ ทุกเงื่อนไข ทำให้เป็นปีที่ “ป้อมทะลุทุกเป้า”

ฉายานายจุติ ไกรฤกษ์ รมว. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร : หัวเทียนบอด-แบน
เป็นคนหนุ่มไฟแรงที่นายกฯ ตั้งความหวังเอาไว้มากว่าจะเข้ามาพัฒนาระบบไอทีของประเทศ แต่ทั้งนายกฯ และคนไทยกลับต้องผิดหวังแทบทุกเรื่อง เพราะทั้งระบบ 3 จี บัตรประชาชนอเนกประสงค์ (สมาร์ทการ์ด) ทุกโครงการยังไม่สำเร็จ ทั้งที่พยายามสตาร์ทมาทั้งปี แต่ยังไม่ติด เหมือนรถที่หัวเทียนบอด แต่รูปธรรมการทำงานกลับเป็นการไล่บี้-สั่งแบนเครือข่ายพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้แบนติดดิน โดยเฉพาะการมุ่งแต่สะสางสัญญาสัมปทานของค่ายชินคอร์ป.

ฉายานางพรทิวา นาคาศัย รมว. พาณิชย์ : นาง “ฟ้า” สต๊อคลม
เป็นอดีตแอร์โฮสเตสที่ผันตัวมาเล่นการเมือง ก่อนรับบทแม่ค้าในฐานะรมว. พาณิชย์ ต้องค้า-ขายบริหารสินค้าเกษตร และระบายสต็อกสินค้าเกษตรทั้งหมด แต่ทุกครั้งที่มีการเปิดประมูลสินค้าเกษตร มักมีปัญหาส่อความไม่ชอบมาพากล จนถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกนและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งอนุกรรมการสอบสวน เมื่อตรวจพบสินค้าเกษตรบางรายการเป็นเพียงสต๊อคลม และสินค้ามีที่มาที่ไปไม่โปร่งใส ขณะเดียวกันยังเกิดปัญหาสินค้าราคาแพง ทำให้สบช่องจัดรายการ “ธงฟ้าราคาประหยัด” อยู่ตลอดทั้งปี

วาทะแห่งปี2553 : ถ้าเลือกตั้งแล้วนองเลือด แล้วผมชนะ ผมไม่เอาหรอก”
เป็นคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2553 ที่โรงแรมเซนทาราแกรนด์

แหล่งอ้างอิง เว็บไซต์ สำนักข่าวทีนิวส์

ตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2552

ฉายารัฐบาล : ใครเข้มแข็ง?
รัฐบาลประกาศแผนพลิกฟื้นประเทศไทยให้พ้นจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง ผ่านแผนปฏิบัติการ “ไทยเข้มแข็ง” เพื่อลงทุนยกเครื่องประเทศครั้งใหญ่ ภายใต้พ.ร.บ. และพ.ร.ก. เงินกู้รวม 8 แสนล้านบาท เมื่อโครงการนี้ไปสู่การปฏิบัติมีเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งเรื่องผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาล ความไม่โปร่งใส จนเกิดคำถามว่าการสร้างหนี้เพื่อฟื้นประเทศไทยทำให้ใครเข้มแข็งระหว่างประชาชน หรือนักการเมือง ?

ฉายานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี : หล่อหลักลอย
เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีภาพลักษณ์ดี หน้าตาดี การศึกษาดี จึงมีแม่ยกเป็นจำนวนมาก มักประกาศจุดยืนและหลักการด้านประชาธิปไตย โดยเฉพาะเมื่อรับตำแหน่งได้ประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อให้ ครม. มีความรับผิดชอบทางการเมืองมากกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย แต่เมื่อรัฐมนตรีบางคนมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย หรือมีปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใส กลับไม่ได้แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง นั่นเท่ากับไม่สามารถกำกับให้กฎเหล็กมีผลใช้บังคับได้ หลักที่เคยประกาศไว้จึงเหมือนคำพูดที่เลื่อนลอย ไม่เป็นไปตามหลักการที่วางไว้

ฉายานายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี : แม่นมอมทุกข์
แม้ไม่ใช่เป็นผู้ให้กำเนิดทางการเมืองแก่นายอภิสิทธิ์โดยตรง แต่ก็คอยดูแล อุ้มชู และสนับสนุนในทางการเมืองทุกอย่าง ถึงขั้นประกาศว่าความใฝ่ฝันทางการเมืองสูงสุดคือการผลักดันให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ แต่เมื่อสานฝันได้สำเร็จ นายอภิสิทธิ์กลับสร้างปัญหาหนักอกให้นายสุเทพตามล้างตามเช็ด อาทิ การแก้รัฐธรรมนูญ การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทำให้ผู้จัดการรัฐบาลถูกพรรคประชาธิปัตย์วิจารณ์อย่างหนักว่าตีตัวออกห่าง มัวแต่เอาใจพรรคร่วมรัฐบาล จนเจ้าต้องอยู่ในอาการอมทุกข์

ฉายานายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี : ช่างจัดฉาก
เป็นคนสนิทของนายกฯ กำกับดูแลสื่อของรัฐ มักเปรียบเปรยว่าตัวเองเป็น “อิมเมจ เมเกอร์” พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างภาพลักษณ์ด้านบวกให้รัฐบาล เป็นจอมจัดการ เช่น การจัดคิวให้นายกฯ และครม. ลงพื้นที่ จัดฉากให้ครม. ออกทีวีวิทยุ จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาล ทว่าเสียงสะท้อนกลับติดลบเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะโครงการ “ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง” ที่ให้ทุกจังหวัดเกณฑ์คนมาร้องเพลงชาติ แต่ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องงบประมาณ เสมือนช่างที่พยายามจัดฉากให้ดูดี แต่ไม่มีเนื้องานเป็นรูปธรรม

ฉายานายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี : กั๊ก-กอบ-โกย
ขึ้นชื่อว่าเป็นรองนายกฯ จอมตรวจสอบ กั๊ก และคอยดักจับโครงการของพรรคร่วมรัฐบาล จนเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันอยู่เนืองๆ และถูกแกนนำพรรคร่วมตั้งสมญาว่า “พ่อชุนละเอียด” แต่ไปๆ มาๆ กลับสะดุดขาตัวเอง เมื่อพบปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนจากการแต่งตั้งน้องชายเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.) ที่มีตัวเองเป็นประธาน สุดท้ายทั้งพี่และน้องก็ฝ่าแรงกดดันจากสังคมไม่ไหว จำต้องโกยออกจากตำแหน่ง แม้กระทั่งตำแหน่งตัวเองก็ต้องโกยออกไปเป็นเลขาธิการนายกฯ

ฉายานายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ : ไส้ติ่งรัฐบาล
เป็นอดีตนักการทูตที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในรัฐบาล จากการเป็นดาวไฮปาร์คบนเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ แต่กลับไม่ยอมใช้วาทศิลป์ทางการทูตเชื่อมสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ตรงกันข้ามถูกวิจารณ์ว่าปากเป็นพิษ โดยเฉพาะการเปรียบเปรยนายกฯ กัมพูชาว่าเป็น “แก๊งสเตอร์” จึงเปรียบเสมือนเป็น “ไส้ติ่ง” ที่แม้จะอยู่ในร่างกายได้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดีไม่ดีพอเกิดการอักเสบขึ้นมาจะเป็นโทษต่อร่างกายถึงขั้นเสียชีวิตด้วย

ฉายานางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ : เจ้าแม่แพ้หน้าเนต
เป็นรัฐมนตรีหญิงที่มีบทบาทสำคัญในครม. เพราะพยายามผลักดันโครงการของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เข้าสู่ครม. ตลอดเวลา อาทิ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง การปรับเปลี่ยนระบบการจัดงบเพื่อบริหารสินค้าเกษตร ฯลฯ แต่ถูกแกนนำรัฐบาลรุมเตะสกัด ทำให้บางโครงการไม่ผ่านการอนุมัติ บางครั้งถึงกับร่ำไห้กลางวงประชุมครม. เปรียบเสมือนนักตบลูกหนังที่แค่ตั้งท่ายังไม่ทันตบ ก็ติดบล็อกจากฝ่ายตรงข้ามเสียแล้ว

ฉายานายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย : สตั๊นท์เฒ่าเฝ้าเก้าอี้
สิงห์เฒ่าวัย 73 ปีผู้นี้ได้เข้ามารั้งเก้าอี้มท.1 พร้อมตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แทนบุตรชายที่อยู่ในบ้านเลขที่ 111 การเป็นรัฐมนตรีถูกมองว่าเป็นการแสดงบทตามที่ลูก และเพื่อนลูกอย่างนายเนวิน ชิดชอบ คอยกำกับเท่านั้น เหมือนเป็นตัวแทนมานั่งเฝ้าเก้าอี้รอตัวจริง แต่แม้จะเป็น “สตั๊นท์เฒ่า” ก็มากด้วยเล่ห์เหลี่ยม และมีชั้นเชิงทางการเมืองสูง ทำให้สามารถเฝ้าเก้าอี้มท.1 เฝ้าเก้าอี้หัวหน้าพรรคอยู่ในรัฐบาลได้อย่างเหนียวแน่น

ฉายานายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม : ภูมิใจ “นาย”
ไม่เคยทำงานบริหาร และผ่านงานคมนาคมมาก่อน แต่เป็นลูกน้องคนสนิทของนายเนวิน ชิดชอบ จึงได้รับความไว้วางใจให้คุมกระทรวงเกรดเออย่างกระทรวงคมนาคม จากนักการเมืองโนเนมจึงมีชื่อติดกระแสขึ้นมา การเสนอโครงการเป็นไปตามใบสั่ง “นาย” แทบทุกโครงการ โดยเฉพาะโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน หลังต่อสู้กับพรรคร่วมหลายรอบ เป็นโต้โผใหญ่ในการเปิดบ้านพักที่จ. บุรีรัมย์ต้อนรับนายกฯ แทนลูกพี่ โดยไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงมาปั่นป่วน จึงถือเป็นลูกน้องที่สร้างความภาคภูมิใจให้ผู้เป็น “นาย” อย่าง “เนวิน”

ฉายานายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง : “ทวิต-กู้”
เป็นขุนคลังที่ประชาชนจดจำผลงานในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ นอกจากภาพการกู้เงินที่เป็นไม้ตายการแก้ปัญหา แต่ภาพของนายกรณ์ในโลกไซเบอร์คือนักโพสต์มือ 1 ผ่านเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และไฮไฟว์ มักเข้าไปอัพเดทภาพ-ข่าวของตัวเองอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งขณะนั่งประชุมครม. ก็ยังทวิตข้อความและรูปภาพให้สมาชิกได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น ในช่วงที่ถูกโจมตีเรื่องการทำงาน บางครั้งศรีภริยาก็ออกมาทวิตแก้ต่างให้ สมเป็นขุนคลังออนไลน์ที่มีผลงานกู้เร็วทันใจราวกับไฮ-สปีด อินเตอร์เน็ต

ฉายาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม : ป้อมพลัง “ป”
ชื่อเล่นเขาคือ “ป้อม” ได้เป็นรัฐมนตรีที่ไม่มีความชัดเจนว่าเป็นโควตาของกลุ่มการเมืองใด ไม่ใช่สายตรงประชาธิปัตย์ ไม่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับภูมิใจไทย ไม่ใช่ตัวแทนของกองทัพอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ได้รับความเกรงกลัว-เกรงใจจากคนในรัฐบาลอย่างมาก ถึงขั้นปล่อยผ่านเมกะโปรเจคต์ของกองทัพอย่างง่ายดาย เนื่องจากมีพลัง อิทธิพล และบารมีของคนชื่อ “ป. ปลา” แห่งกองทัพเป็นป้อมปราการค้ำบัลลังก์และป้องกันภัยทางการเมือง

วาทะแห่งปี 2552 : “ใครก็ตามที่ประกาศชัยชนะ ผมถือว่าคนๆ นั้นและกลุ่มคนนั้นคือศัตรูของประเทศอย่างแท้จริง
เป็นถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่โรงแรมรอยัล คลิฟบีช พัทยา จ. ชลบุรี ที่กล่าวไว้หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงนำมวลชนบุกล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนและคู่เจรจาที่เมืองพัทยา และประกาศว่าเป็นชัยชนะของชาวเสื้อแดง

แหล่งอ้างอิง  เว็บไซต์ บริษัท สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. จำกัด

ฉายาประจำปี 2551

เหตุการณ์เด่นแห่งปี เหตุการณ์นองเลือด 7 ตุลาคม 2551
เมื่อกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปิดล้อมรัฐสภาในวันแถลงนโยบายของรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุม ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต  ขณะที่ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และสมาชิกรัฐสภา ต้องปืนกำแพงหนีตาย กันอย่างโกลาหล

นอกจากนี้ในรอบปี 2551 ยังมีเหตุการณ์ที่ต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติการเมืองไทย เมื่อเกิดกับความผันผวนอย่างหนักหน่วงทำให้นายกรัฐมนตรีต้องหลุดจากเก้าอี้ ด้วยคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ติดต่อกันถึง 2 คน ส่งผลให้ส.ส.ต้องลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในปีเดียวกันถึง 3 คน เริ่มตั้งแต่ นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

วาทะแห่งปี "ม็อบมีเส้น"
เป็นวิวาทะอันดุเดือดว่าด้วยกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดทำเนียบรัฐบาล โดย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย ตอบกระทู้ของฝ่ายค้านแทนนายกรัฐมนตรี ด้วยอารมณ์ว่า “ทุกคนก็ทราบดีว่าม็อบนี้เป็นม็อบมีเส้น หากเป็นม็อบธรรมดาเรื่องจบไปนานแล้ว” ทำให้หลังจากนั้นเป็นต้นมาคำว่า  “ม็อบมีเส้น” กลายเป็นข้ออ้างที่ฝ่ายรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคพลังประชาชนนำมาใช้ในการโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ

สภาผู้แทนราษฎร - ค่ายกลนอมินี
เป็นการสะท้อนภาพของสภาผู้แทนราษฎร ในยุคที่กลุ่มก๊วนการเมืองที่เคยมีอิทธิพลและครองอำนาจมาหลายปีถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง  จนต้องส่งคนใกล้ชิดและคนในครอบครัวมาเป็นทายาททางการเมือง และใช้ตัวแทนเหล่านี้เข้ามาต่อสู้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ครอบครัวและพวกพ้อง  รวมทั้งพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปลดล็อกพันธนาการทางการเมืองของผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง เปรียบเสมือนค่ายกลของอดีตนักการเมืองที่เคยทรงอำนาจ ใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นสมรภูมิ แทนกลุ่มของตัวเองที่หมดสิทธิทางการเมือง

วุฒิสภา - 2ก๊กพกมีดสั้น
เป็นการฉายภาพให้เห็นถึงความไม่ลงตัวและความไม่เป็นเอกภาพของสภาสูง ที่มีที่มาแตกต่างกัน คือส่วนหนึ่งมาจากสรรหา และส่วนหนึ่งมาจากการเลือกตั้ง จนกลายเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบ ถ่วงดุล ฝ่ายบริหารตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ   ขณะเดียวกันมีการแบ่งขั้วและขัดขากันเองอย่างชัดเจนในหลายกรณีโดยเฉพาะความขัดแย้งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยทั้งฝ่ายส.ว.สรรหาและส.ว.เลือกตั้ง พยายามรื้อระบบที่มาการเข้าสู่อำนาจของอีกฝ่ายหนึ่ง และทำลายล้างซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง

ประธานวุฒิสภา "ทั่นเปา...เป่าปี่" 
เป็นฉายาฉันทามติที่มอบให้ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เนื่องจากภายใต้ความคาดหวังว่าอดีตผู้พิพากษาอาวุโสท่านนี้เข้าสู่สภาสูงแล้ว จะสามารถนำพาองค์กรลูกผสมแห่งนี้ให้ปฏิบัติภารกิจบรรลุเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทั้งยังถูกคาดหมายจากสังคมว่าจะเป็นคนกลางในการคลี่คลายความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม แต่สุดท้ายทั่นเปาประสพสุข กลับสร้างความผิดหวัง เพราะนอกจากจะไม่สามารถเป็นเสาหลักได้แล้ว ยังมีท่าทีวางเฉยต่อวิกฤตการณ์ ประดุจดังอาการของคนนั่งเป่าปี่อย่างสบายอารมณ์

ประธานสภาผู้แทน - "ประธานลูกอุ้ม" 
เป็นฉายาของนาย ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา วัย 80 ปีที่เกือบจะหลุดจากวงโคจรของการเมืองไทย แต่กลับได้ดิบได้ดี เมื่อมีอภิชาตบุตร อย่างนายเนวิน ชิดชอบ แม้จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี และได้ส่งผู้เป็นพ่อ เข้ามาเป็นทายาททางการเมือง เพื่อคุมกระบวนการทุกอย่างของฝ่ายนิติบัญญัติ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ "เทพประทาน" 
เป็นฉายาของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเบื้องหลังของนายอภิสิทธิ์ นับตั้งแต่ก้าวย่างขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค พยายามผลักดันทุกวิถีทางทั้งเกมในสภาและการกดดันนอกสภาเพื่อให้นายอภิสิทธิ์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดยระหว่างที่พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเสนอใครแทนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในที่สุดฝันของนายอภิสิทธิ์ เป็นจริง ด้วยฝีมือชั้นเทพ ดังนั้นเส้นทางของอภิสิทธ์ จากผู้นำฝ่ายค้าน สู่เก้าอี้นายก จึงเป็นเทพประทานแท้ๆ

ดาวเด่น - นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา 
นับได้ว่าการปฏิบัติหน้าที่ของนายเรืองไกร ที่อาศัยช่องทางของกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ ในการตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร จนในที่สุดสามารถสร้างประวัติอีกหน้าหนึ่งของการเมืองไทย ด้วยการโค่นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ของนายสมัคร สุนทรเวช ได้เป็นผลสำเร็จ จนได้รับการขนานนามว่า “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” จากกรณีรับจ็อบจัดรายการ "ชิมไปบ่นไป" จนเป็นที่ขยาดของนักการเมืองทั้งสภา

ดาวดับ - นายยงยุทธ ติยะไพรัช 
ต้องยอมรับว่าหลังจากที่พรรคไทยรักไทยถูกยุบ ชื่อชั้นของนายยงยุทธ ขึ้นมาผงาดเป็นแกนนำพรรคพลังประชาชน จนได้รับการยอมรับว่าเป็นสายตรง ของนายใหญ่ ประกอบสามารถนำพรรคพลังประชาชนครองเสียงข้างมากในสภาหลังการยึดอำนาจของ คมช.จนได้รับการปูนบำเหน็จเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อควบคุมกลไกฝ่ายนิติบัญญัติ แต่สุดท้ายต้องตกเก้าอี้กลางคัน จากคดีทุจริตซื้อเสียงเลือกตั้ง เป็นเหตุให้พรรคพลังประชาชนถูกยุบ และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี

คนดีศรีสภา  นายมณเฑียร  บุญตัน ส.ว.สรรหา เป็นส.ว.สรรหา ตัวแทนของผู้พิการทางทั้งประเทศ แม้จะมีความพิการทางสายตา แต่ก็ได้พยายามทำงานด้วยความมุ่งมั่น ผลักดันและเสนอกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของผู้ด้อยโอกาสในสังคม เข้าร่วมประชุมสภาด้วยความสม่ำเสมอ ถือเป็นแบบอย่างที่นักการเมืองไทยพึงปฏิบัติ ให้สมกับสถานะ การเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย  

แหล่งอ้างอิง   เว็บไซต์กระปุกดอทคอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...