ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำความเย็น โดยประกอบด้วยสองส่วนหลักๆ คือ
- ส่วนฉนวนป้องกันความร้อน (ป้องกันไม่ให้ความร้อนไหลเข้ามา) และ
- ส่วนทำความเย็น (ปั๊มที่นำความร้อนออกไปสู่ภายนอกซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่า)
- -18 °C (0 °F) (ช่องแช่แข็ง)
- 0 °C (32 °F) (เนื้อ)
- 5 °C (40 °F) (ช่องธรรมดา)
- 10 °C (50 °F) (ผัก ผลไม้)
- ตั้งไว้ในที่ที่เหมาะสม ควรตั้งห่างจากผนังบ้านประมาณ 15 ซม. เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้อย่างสะดวก และช่วยลดการทำงานของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ไม่ให้ร้อน และประหยัดไฟมากขึ้น
- ตั้งสวิทซ์ควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม เพื่อประหยัดพลังงานควรตั้งที่อุณหภูมิพอเหมาะ
- อย่าเปิดตู้เย็นบ่อย เพราะจะทำให้ความร้อนเข้าไปในตู้เย็น ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น
- อย่านำของร้อนเข้าแช่ในตู้เย็น จะเกิดการสะสมความร้อนภายในตู้เย็นมากกว่าปกติ ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานมากขึ้นและกินไฟด้วย
- ละลายน้ำแข็งอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีน้ำแข็งไปเกาะที่แผงเย็นมาก จะทำให้ช่องที่แช่เย็นช้าและเย็นน้อย วิธีที่ดีควรดึงปลั้กไฟออกเพื่อให้น้ำแข็งละลายออกจนหมด หรือกดปุ่มละลายน้ำแข็งได้ทันที
- ตรวจสอบขอบยางประตู อย่าปล่อยให้ขอบยางประตู ตู้เย็นรั่ว หรือขาด เพราะจะทำให้อากาศร้อนจากภายนอกเข้าไปในตู้เย็น สามารถทดสอบได้จากการใช้กระดาษสอดระหว่างขอบยางและตัวตู้ แล้วเลื่อนกระดาษโดยรอบ ถ้ามีส่วนใดไม่สนิทควรเปลี่ยนขอบยางใหม่
- สวิทช์ เปิด-ปิด ถ้าเสียให้รีบเปลี่ยนโดยด่วน เพราะจะทำให้ไฟติดตลอดเวลา ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความร้อนภายในตู้มากขึ้น
- ตรวจสอบการทำงานและกระแสไฟฟ้ารั่วของตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ
- หากกระแสไฟฟ้าเกิดขัดข้อง เช่น ไฟตก หรือไฟดับ ให้รีบถอดปลั๊กตู้เย็น และในการเสียบอีกครั้งเมื่อดึงสายออก ควรทิ้งช่วงระยะเวลาให้ห่างอย่างน้อย 5 นาที
- ห้ามเก็บสี ยา สารเคมี และสารไวไฟไว้ในตู้เย็นอย่างเด็ดขาด อาจทำให้ตู้เย็นเกิดรอยด่าง
- ห้ามใช้น้ำมันหรือยาฉีดเช็ดตู้เย็น การใช้น้ำยาฉีด หรือเช็ดตู้เย็น อาจทำให้น้ำในขวดแข็งตัว และจะทำให้ขวดแตกได้
- ห้ามใช้น้ำราดช่องแช่แข็ง เพราะจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้ารั่วจากระบบไฟฟ้าได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น