วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ฉายาสถาบันการเมืองจาก ม.เกษตร

นายจักรพล บัวโฮม ประธานชุมนุมรัฐศาสตร์สโมสรนิสิตคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดแถลงข่าวการตั้งฉายาสถาบันทางการเมืองครั้งที่ 2 ประจำปี 2554

ผลการโหวตฉายาสถาบันการเมือง ครั้งที่ 2 ประจำปี 2554

รัฐบาล "ปูอบวุ้นเส้น"
เพราะมวลชนที่ให้การสนับสนุนรัฐบาล พยายามเรียกตัวเองว่าเป็นไพร่ จึงเปรียบเหมือนวุ้นเส้นที่เล็กกว่าเส้นหมี่ แต่มีความเหนียวแน่นในการรวบ ขณะที่ตัวชี้วัดความอร่อยของอาหารจานนี้อยู่ที่วุ้นเส้น ไม่ใช่ปู เพราะปูอาจถูกแทนที่ด้วยกุ้งหรือเนื้อสัตว์ชนิดอื่นได้



รัฐสภา "สภาจิ้งหรีด"
เพราะมุ่งเถียงกันแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง นับตั้งแต่วันแรกๆ ของการประชุม ก็มีเรื่องที่นั่งในห้องประชุม พอมีเหตุการณ์น้ำท่วม รัฐสภาก็เลื่อนการประชุมถึง 4 สัปดาห์ติดต่อกัน แทนที่จะทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงสะท้อนความเดือดร้อนของประชาชน

พรรคเพื่อไทย "นักประดาน้ำ"
เพราะแทนที่จะมีบทบาทในการช่วยเหลือประชาชน แต่กลับสอดแทรกวาระซ่อนเร้นต่างๆ เช่น การแต่งตั้ง ผบ.ตร. , การย้ายที่คุมขังนักโทษกลุ่มเสื้อแดง รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปรียบเหมือนนักประดาน้ำที่มีอุปกรณ์ทันสมัยครบชุด ไปมาอย่างเงียบเชียบ ไร้ร่อยรอย และอาศัยช่วงดังกล่าวขับเคลื่อนวาระแอบแฝงอย่างแนบเนียน

พรรคประชาธิปัตย์  "หล่อรอเสียบ"
เพราะ ลงเลือกตั้งครั้งใดก็แพ้ จึงรอเสียบด้วยสารพัดเทคนิควิธี การเล่นการเมืองแบบคาบลูกคาบดอก

พรรคภูมิใจไทย "ห้อยตกบัลลังก์"
เพราะแม้พรรคภูมิใจไทยจะอุดมด้วยกระสุน วาดฝันจะเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้งแต่ได้รับเลือกเพียง 34 คน และต้องตกบันไดไปเป็นฝ่ายค้าน


กองทัพ "อัศวินม้าหงอย"
ภายใต้การบริหารของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ กองทัพเปรียบเสมือนม้าที่ได้หญ้าดีน้ำดี มีอัศวินผู้ขี่รู้ใจ ม้าจึงคึกคะนองกระโดดโลดเต้นอยู่เสมอ แต่พอเปลี่ยนเป็นพรรคเพื่อไทยกองทัพเสมือนม้าขาดหญ้าขาดน้ำ ได้อัศวินที่เป็นคู่อาฆาต ต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว



สำนักงานตำรวจแห่งชาติ "พระเอกตอนจบ"
ช่วงอุทกภัยการถอดชุดเครื่องแบบ เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดคอกลมสีขาวสกรีนตัวอักษร "ตำรวจ"กับกางเกงขาสั้น แสดงถึงการเข้าอกเข้าใจ เป็นมิตร ขณะเดียวกันยังมีสำนึกในหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนเป็นที่นิยมชมชอบ กลายเป็นแฟชั่นระบาดไปทั่วเมืองสมกับเป็นพระเอกตอนจบ

กทม. (กรุงเทพมหานคร)  "หม้อไฟต้มยำ"
เพราะกทม. กับ ศปภ. ทะเลาะกันแต่ชาวบ้านซวย



ศปภ. (ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย)  ศูนย์ปิดบังภัยพิบัติ
เพราะปิดบังซ่อนเร้นข้อมูลที่แท้จริง และวาทะแห่งปี "เอาอยู่"

แหล่งอ้างอิง เว็บไซต์ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) วันอังคารที่  27 ธันวาคม 2554 เวลา 08:11 น.

ผลการโหวตฉายาสถาบันการเมือง ครั้งที่ 1 ประจำปี 2553

รัฐบาล --- เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว ---
เรียกได้ว่าไม่มีวลีใดที่จะสามารถอธิบายลักษณะของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ดีกว่าคำว่า “เส้นใหญ่” อีกแล้ว ไหนจะผู้มีอำนาจวาสนา กระบอกปืนและรถถัง รวมถึงบารมีทั้งในและนอกรัฐธรรมนูญ ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งคงไม่ต้องสาธยายว่าใครเป็นใคร เพราะสังคมก็รับรู้และเข้าใจร่วมกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

ส่วนการที่ต้องนำมาผัดซีอิ๊วนั้น ก็ขอให้จินตนาการถึงสีสันของอาหารจานด่วนนี้ ที่เป็นสีดำ แม้ว่าองค์ประกอบแต่ละอย่างล้วนมีสีสันแตกต่างกันออกไป แต่ทันทีที่นำมาผัดเข้าด้วยกัน สีดำของซีอิ๊วก็จะเปอะเปื้อนติดไปกับทุกๆ องค์ประกอบ เสมือนข่าวคาวความฉ้อฉลของรัฐบาลชุดนี้ ที่แม้ตัวของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เอง ที่พยายามอย่างสุดฤทธิ์ในการแสดงตนว่าเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอรัปชั่นแต่อย่างใด หากแต่การอยู่ร่วมในรัฐบาลเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มิได้ห้ามปรามหรือหยุดยั้งการกระทำเหล่านั้น กลับปล่อยให้เกิดขึ้นอย่างมโหฬาร กระทั่งโดยฝีมือของรัฐมนตรีที่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ก็ด้วย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะย่อมต้องถูกเหมารวมด้วยเช่นกันว่าฉ้อฉลเช่นเดียวกันหมดทั้งสิ้น

นอกจากนี้ หากสังเกตให้ดีขึ้นอีกสักนิด จะพบว่าเส้นใหญ่ผัดซีอิ๊วไม่ว่าที่ไหนๆ ก็มิได้ประกอบด้วยแค่เส้นใหญ่สีขาว และซีอิ๊วสีดำเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต้องประกอบไปด้วยผักคะน้า “สีเขียว” และไข่ไก่ “สีเหลือง” อีกด้วย เช่นเดียวกับที่รัฐบาลนี้ ที่ต้องการแบ็คอัพคือกองทัพและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ตุลาการ --- ไม้บรรทัดคู่สู้สิบทิศ ---
มาตรฐานในอุดมคติของสถาบันตุลาการทั่วโลก ย่อมเปรียบได้กับไม้บรรทัดที่มีความเที่ยงตรง แน่นอน ในประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน หากแต่รอบปีที่ผ่านมานี้ สังคมไทยกลับเกิดข้อสงสัยอย่างยิ่งโดยกว้างขวาง ว่ามาตรฐานหรือไม้บรรทัดของตุลาการไทยอาจจะมิได้มีเพียง 1 อัน โดยเฉพาอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการตัดสินคดียุบพรรคการเมืองของตุลาการ นอกเสียจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ก็เห็นจะยังไม่เคยมีพรรคหนึ่งพรรคใดรอดพ้นจากคำตัดสินของตุลาการเลย ไม่ต้องถึงขนาดภายในปีเดียวกันถึง 2 ครั้ง 2 คราหรอก และด้วยมาตราฐานหรือไม้บรรทัด 2 อันของตุลาการนี้ ตุลาการก็ได้ใช้มันต่อสู้ฟาดฟันกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากซีรี่ส์คลิปวิดิโอของผู้ที่ใช้นามแฝงว่า “OMG3009” เผยแพร่ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เปิดโปงเรื่องราวเสียๆ หายๆ ของวงการตุลาการ ซึ่งตุลาการก็สามารถแก้เกมไปด้วยสภาพเลือดสาดสีข้างเหวอะ เบี่ยงประเด็นให้ไปไล่บี้เอากับผู้กระทำผิดฐานเผยแพร่คลิปแทนการตรวจสอบและพิสูจน์ความถูกต้องของเนื้อหาที่คลิปเหล่านั้นนำเสนอต่อสังคม ทั้งนี้ยังมิได้นับรวมการชี้แจงและแก้ต่างที่อาจจะกระทำมิได้อีกด้วย

รัฐสภา --- สภามวยโลก ---
ด้วยเหตุที่รัฐสภาถือเป็นสถานที่อันทรงเกียรติของประเทศ มีวัตถุประสงค์สำคัญในการเป็นที่ประชุมของสมาชิก เพื่อผลักดันนโยบายอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม หากแต่ในความเป็นจริง สมาชิกกลับใช้รัฐสภาเป็นสถานที่ทะเลาะเบาะแว้งกันเอง โดยมุ่งหมายเพียงเอาชนะคะคานด้วยคำพูดที่หยาบคาย ใช้กำลังเข้าทำร้ายร่างกาย ตลอดจนขว้างปารองเท้าใส่กัน อันเป็นพฤติกรรมที่วิจารณญาณของวิญญูชนทั่วไปเห็นว่าไม่เหมาะสม สะท้อนให้เห็นถึงความไร้อารยธรรมของผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็นผู้ทรงเกียรติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาพเหล่านี้ถูกถ่ายทอดออกไปสู่สาธารณชน ก็ยังกลายไปเป็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมต่อประชาชนโดยทั่วไป รวมถึงเยาวชน ซึ่งถือเป็นอนาคตของชาติ
พรรคการเมือง

พรรคประชาธิปัตย์ --- อิเหนาหุ้มเกราะ ---
แม้คนไทยจำนวนมากในปัจจุบันจะไม่เคยอ่านวรรณคดีไทยเรื่องอิเหนามาก่อน แต่มโนทัศน์อันผูกพันอยู่กับสำนวน “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” ก็พอจะทำให้การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อครั้งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ด้วยการโจมตีพรรคฝ่ายรัฐบาลอย่างรุนแรง นับตั้งแต่การใช้นโยบายประชานิยมซื้อใจประชาชน การทุจริตคอรัปชั่น ตลอดจนการตัดสินใจดำเนินการต่างๆ ต่อผู้ชุมนุมที่มาชุมนุมขับไล่รัฐบาล หากแต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป พรรคประชาธิปัตย์สามารถรวบรวมคะแนนเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเกินกว่ากึ่งหนึ่ง จัดตั้งรัฐบาลผสมได้ กลับกลายเป็นพรรคการเมืองที่เลือกจะใช้นโยบายประชานิยมชนิดตัวพ่อ โดยไม่ต้องประกศสโลแกนว่า “ประชานิยม สังคมเป็นสุข"”แต่อย่างใด ตัวเลขการทุจริตคอรัปชั่นที่เพิ่มสูงขึ้น จน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวก ประกาศว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นนเสียยิ่งกว่า ท้ายที่สุดคือการสลายการชุมนุม ที่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตัดสินใจใช้กำลังทหารเข้าปฏิบัติการอย่างรุนแรงจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ได้รับฉายาเป็น “อิเหนา” ทั้งยังเป็นอิเหนาที่มีชุดเกราะของกองทัพคอยปกป้องคุ้มครองอยู่อย่างแน่นหนา ขนาดที่หากจะกล่าวว่ารัฐไทยภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรัฐตำรวจ รัฐไทยภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เป็นรัฐทหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าท่านจะถูกโจมตีว่าหนีทหารก็ตามที

พรรคภูมิใจไทย --- ห้อยเนรวิน ---
ทันทีที่พูดถึงพรรคภูมิใจไทย ในมโนคติของประชาชนชาวไทยจำนวนมาก แน่นอน หน้าของนายเนวิน ชิดชอบ อาจจะลอยมาก่อนหน้าของหัวหน้าพรรค อย่าง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เสียอีก และก็อีกนั่นแหละ ทันทีที่พูดถึงนายเนวิน ปากห้อยๆ อาจจะก็ลอยมาก่อนเช่นเดียวกัน
นอกเหนือจากลักษณะทางกายภาพที่ติดตัวบิ๊กบุรีรัมย์ท่านนี้มาแต่กำเนิดแล้ว รอบปีที่ผ่านมานี้ นายห้อย เนวิน สามีของเจ๊ใหญ่ คุณกรุณา ก็พยายามอย่างสุดสามารถในการเข้ามามีบทบาทสำคัญในงานพิธีหลายต่อหลายงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูง ภายใต้วาทกรรมการปกป้องสถาบัน จนดูเหมือนว่าจะจงใจห้อยโหนฟ้าอย่างเอาจริงเอาจังทีเดียว
ทั้งนี้ ขออย่าให้ทุกท่านได้เข้าใจว่า เนรวิน ผันมาจากคำที่มีความหมายในเชิงลบอย่าง “เนรคุณ” เพราะตัว “ร” ที่แทรกอยู่นั้น แท้ที่จริงมาจากชื่อของคุณกรุณา ชิดชอบ ผู้มากบารมีคนสำคัญอันดับ 2 ของพรรคภูมิใจไทย ต่างหาก

พรรคเพื่อไทย --- พรรคเพื่อใคร ? ---
ภายหลังนายใหญ่ของพรรค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกมาเป็นเบี้ยล่างถูกไล่ล่า รอบปีที่ผ่านมา นโยบายสำคัญที่พรรคเพื่อไทยผลักดันและนำมาหาเสียงจากประชาชนอย่างเป็นจริงเป็นจังก็คือ “การนำทักษิณกลับบ้าน” นโยบายด้านความเป็นอยู่ของประชาชนเปลี่ยนสถานะมาเป็นเพียงเรื่องรองของพรรคไปโดยปริยาย ข้อคำถามที่เกิดขึ้นในสังคมขณะนี้จึงเป็นลำดับความสำคัญของพรรคที่มีประชาชนหรือใครเป็นสำคัญกันแน่ ในขณะที่ภาพของพรรคเองก็ยิ่งถ่างห่างออกจากประชาชนคนสื้อแดงที่เคยเป็นฐานของพรรคอย่างแนบแน่นไปทุกทีๆ กระทั่งปัจจุบันที่พรรคเพื่อไทยได้กลายสภาพไปเป็นภาระรุงรังของกลุ่มพี่น้องเสื้อแดงเสียด้วยซ้ำไป

องค์กรอิสระ --- สากกะเบือดิน ---
ในรอบปี 2553 ที่ผ่านมา องค์กรอิสระที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการปฏิบัติงานตรวจสอบอำนาจรัฐโดยสิ้นเชิง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ไม่สามารถเอาผิดกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งก็ยังคงเป็นที่กังขาอยู่ว่าเป็นไปตามใบสั่งหรือไม่ ส่วนกรณีอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ล้วนแต่ถูกดองเค็ม จนกระทั่งหมดอายุความไปตามระเบียบ ทั้งสิ้น

สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้งยิ่งแล้วใหญ่ ความผิดพลาดในการดำเนินการกรณียุบพรรคประชาธิปัตย์ทำให้สังคมเกิดความไม่ไว้วางใจคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นอย่างยิ่งยากที่จะยอมรับได้ว่านี่หรือคือการทำงานของอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ขณะที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ก็เช่นเดียวกัน แรกๆ ก็ปึงปังประมูลโครงการ 3G ประโคมข่าวไปทั่วโลก สร้างความหวังให้ประชาชนว่าจะได้ใช้บริการในเร็ววัน สุดท้ายก็เช่นเดียวกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง คือ 3G ถูกระงับ เพราะปฏิบัติไม่เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าองค์กรอิสระด้านโทรคมนาคมของประเทศไทยจะไม่รู้ไม่ทราบข้อกฎหมายพื้นฐานของตนเองเช่นนี้ สุดท้ายก็คือ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่แรกเริ่ม ภาพลักษณ์ดูดีมีความหวัง เพราะคณะกรรมการแต่ละท่านล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสิ้น โดยเฉพาะประธาน ศาสตราจารย์ ดร.อมรา พงศาพิชญ์ ที่มีเกียรติภูมิทางวิชาการสูงส่ง ทำงานอยู่ในแวดวงสิทธิมนุษยชนมาตลอดชีวิต แต่เมื่อเข้ารับตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ กลับกลายเป็นภาพของกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่มีปัญญาจะไปตรวจสอบหรือกดดันใครสักคน การปราบปรามผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บล้มตามเป็นจำนวนมาก รวมถึงจับกุมขุมขังผู้เข้าร่วมชุมนุมในปัจจุบัน อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงอย่างเห็นได้ชัดเจนที่สุด

จากรูปธรรมที่ยกมาทั้งหมดข้างต้นนั้น คงเป็นเครื่องยืนยันถึงความนิ่งเป็นสากกะเบือขององค์กรอิสระ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสายลม แสงแดด ยอดหญ้า และกองเลือด ทั้งยังเป็นสากกะเบือที่ทำจากดิน ไม่สามารถตำอะไรได้เลยสักอย่าง เพราะคราวใดที่พยายามดันทุรังตำเข้าไปจริงๆ ก็พบว่าตนเองนั่นแหละที่ต้องแตกแหลกเป็นผงธุลีไป

กองทัพ --- ทัพไทยหมื่นล้านประสานงานปราบม็อบ ---
รอบปีที่ผ่านมา กองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพบก สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัย พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา กระทั่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทรโอชา ผลงานที่โดดเด่นที่สุดเพียงเรื่องเดียวคือ การเป็นเกราะคุ้มครองรัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยทุ่มเทสรรพกำลังและยุทโธปกรณ์ทั้งหมดที่มีมาใช้เพื่อสลายการชุมนุมทางการเมืองของประชาชนฝ่ายตรงข้าม ภายใต้วาทกรรมการกระชับวงล้อมเพื่อขอคืนพื้นที่ ทั้งที่ภารกิจหลักของกองทัพอีกจำนวนมาก อาทิ การแก้ไขปัญหาแนวชายแดนไทยกัมพูชา การแก้ไขสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้กระทั่ง การปรับปรุงประสิทธิภาพของกองทัพเอง ยังไม่ได้รับการดำเนินการให้ลุล่วงแล้วเสร็จ ขณะเดียวกัน กลับสร้างความเคลือบแคลงสงสัยถึงการใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนในการจัดซื้ออาวุธยุทโปกรณ์ปีละหลายหมื่นล้านบาท เช่น การจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด GT200 ที่ทรงประสิทธิภาพเทียบเท่ากับไม้เท้าชี้ฮวงซุ้ย การจัดซื้อฝูงเรือเหาะ รวมถึงรถหุ้มเกราะที่สั่งเพิ่มอีกภายหลังจากที่ยังได้รับของเก่าเสียด้วยซ้ำจากยูเครน โดยปราศจากความพยายามที่จะสร้างความกระจ่างให้กับประชาชน เรียกได้ว่า ลงทุนมากมายทั้งกำลังพลและอาวุธ เพื่อภารกิจปราบม็อบอย่างเดียวโดยแท้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) --- สำนักงานตำรวจขูดรีด (สตข.) ---
โดยสถานะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือเป็นหน่วยงานราชการ รับเงินจากภาษีของประชาชน จึงมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง รวมถึงให้บริการต่างๆ แก่ประชาชน หากแต่ในทางปฏิบัติแล้ว ยังมีตำรวจอีกเป็นจำนวนมากที่นอกจากจะไม่ใส่ใจในหน้าที่ กลับมุ่งมั่นสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ การรีดไถ การตั้งด่านลอย การค้ามนุษย์ รวมถึงการเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ นำมาสู่การวิ่งเต้นโยกย้ายเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง อันเป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำ สมควรถูกประฌาม รวมถึงยอมรับไม่ได้อย่างยิ่งอีกต่อไป

แหล่งอ้างอิง  เว็บไซต์ "SUANBOARD.NET"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...