ทั้งนี้ วันแห่งความรักของชาวญี่ปุ่น หรือ White Day นี้มีประวัติความเป็นมา เริ่มมาจากเทศกาลมอบช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์ ที่เกิดขึ้นประมาณปี พ.ศ.2501 จากบริษัทขายช็อกโกแลตที่ชื่อ แมรี่ ช็อกโกแลต ได้สร้างแคมเปญการตลาดที่ว่า ต้องให้ช็อกโกแลตเป็นของขวัญแทนความรัก และสุดท้ายปรากฏว่า มันก็กลายเป็นวัฒนธรรมแห่งชาติไป ว่าวันวาเลนไทน์จะเป็นวันที่สาว ๆ จะมอบช็อกโกแลตแทนความรักที่มีให้กับชายหนุ่ม ซึ่งช็อกโกแลตนี้ เรียกว่า Honmei Choco เป็นช็อกโกแลตหรูหราไฮโซ ดูดีมีราคา ซึ่งหมายถึงช็อกโกแลตสำหรับคนรัก หรือคนที่หมายปอง แต่ถ้าจะให้เฉพาะคนที่รักมันก็ดูโหดร้ายไป เพราะคงขายได้ไม่เท่าไหร่ จึงเกิดช็อกโกแลตตามมารยาท หรือ Giri Choco ที่มอบสำหรับเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย หรือคนรู้จักอื่น ๆ ซึ่งเป็นช็อกโกแลตขนาดเล็กกว่า
แต่ถึงอย่างนั้น ก็คงจะไม่ยุติธรรมกับสาว ๆ เท่าไรนัก หากจะต้องเป็นฝ่ายให้ช็อกโกแลตฝ่ายเดียว ดังนั้นนักการตลาดเลยคิดวัน White Day ขึ้นมา ซึ่งเป็นวันที่ฝ่ายชายได้ตอบแทนผู้หญิง โดยเริ่มจากบริษัทผลิตมาร์ชเมลโล ที่ออกแคมเปญว่า วันที่ 14 มีนาคม เป็นวันที่หนุ่ม ๆ ควรจะซื้อ มาร์ชเมลโลตอบแทนความรู้สึกดี ๆ ที่หญิงสาวมีให้ จึงเกิดวัน Marshmallow Day ขึ้นมา แต่พอนานๆ ไปแคมเปญก็เริ่มเปลี่ยนจากแค่ให้มาร์ชเมลโล กลายมาเป็นไวต์ช็อกโกแลต ลูกกวาด ดอกไม้ น้ำหอม เครื่องประดับ และรวมถึงชุดชั้นใน จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นวัน White Day นี่เอง
โดยในวัน White Day นี้ ก็จะมีการจัดงาน White Day gift fair ซึ่งเป็นงานขายสินค้าสำหรับวันนี้โดยเฉพาะ ตามห้างสรรพสินค้า หรือย่านการค้าจะครึกครื้นไปด้วยสีขาว หนุ่ม ๆ ก็จะออกมาเดินจับจ่ายซื้อของขวัญไปตอบแทนน้ำใจสาว ๆ ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วของที่จะซื้อเพื่อตอบแทนน้ำใจมักจะมีมูลค่ามากกว่าที่ได้รับประมาณ 3 เท่า ทั้งนี้ มีการสำรวจความนิยมในการมอบของขวัญในวัน White Day จาก whatjapanthinks.com พบว่านอกจากช็อกโกแลตแล้วชายหนุ่มมักจะเลือกซื้อเครื่องประดับ อย่างเช่น ต่างหู แหวน สร้อยคอ ฯลฯ เป็นของขวัญให้สาว ๆ โดยให้คะแนนส่วนนี้มากถึง 100 และ 53.9 คะแนนสำหรับดอกไม้
แหล่งที่มา เว็บไซต์กระปุกดอทคอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น