เป็นเรื่องที่ควรเก็บให้มิดชิด แม้แต่เพื่อนร่วมงานที่สนิทที่สุดก็ไม่ควรให้รู้ เพราะถือเป็นความลับระหว่างคุณ หัวหน้า และฝ่ายบุคคล ยิ่งมีคนรู้น้อยที่สุดยิ่งดี ด้วยเรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร หากคุณเกิดได้เงินเดือนมากกว่า ทั้งที่ตำแหน่งงานเท่ากัน เพื่อนร่วมงานอาจเคืองเอาได้ จนตั้งคำถามถึงเงินเดือนของคุณที่มากกว่าและคอยจับตาดูการทำงานของคุณจนน่าอึดอัดเลยทีเดียว
2. ประวัติการเจ็บป่วย
จริงอยู่ เรื่องโรคร้ายแรงหรือโรคประจำตัว เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่หัวหน้างานต้องรู้ แต่ในกรณีของอาการเจ็บป่วย (ที่ไม่ใช่โรคติดต่อ) ก็ไม่จำเป็นต้องเล่าให้คนอื่นรู้เสียทั้งหมด เพราะพวกเขาอาจจะประเมินได้ว่า คุณเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่นัก และมีความเสี่ยงที่จะป่วยอีก แล้วอย่างนี้ใครจะกล้ามอบหมายงานสำคัญให้ทำ
3. เรื่องของคนอื่น
เข้าข่ายการนินทา ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยงให้ไกล หากมีคนมาชวนเม้าท์ก็ไม่ควรแสดงความคิดเห็นใดๆ เดินหนีได้ยิ่งดี เพราะเรื่องเหล่านั้น หากเจ้าตัวรู้เข้าอาจผิดใจกับคุณเอาได้
4. บ่นเรื่องงาน
การพูดถึงงานแบบไม่สร้างสรรค์ หรือพูดถึงเจ้านายในทางที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเม้าท์กับเพื่อนร่วมงาน หรือโพสต์ระบายความในใจของเฟซบุ๊กก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำทั้งสิ้น อย่าลืมว่าความลับไม่มีในโลก สักวันก็ต้องรู้ถึงหูเจ้านาย ซึ่งเขาก็คงไม่ปล่อยให้คนที่ไม่รักในงานที่ทำลอยนวลไปแน่ๆ
5. ศาสนา การเมือง
เป็นรสนิยมส่วนตัว ซึ่งละเอียดอ่อน แม้แต่คนในครอบครัวเดียวกันยังทะเลาะกัน นับประสาอะไรกับคนนอก เรื่องพวกนี้ถ้าคิดไม่ตรงกัน เถียงไปก็ไม่มีทางชนะ สู้เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นที่สร้างสรรค์ดีกว่า
6. ข้อมูลส่วนตัว
เรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์กับแฟน หรือเรื่องราวเลวร้ายในอดีต ไม่ควรเล่าให้ใครฟัง เพราะอาจส่งผลเสียในภายหลัง โดยเฉพาะเรื่องบัญชีรายรับรายจ่าย การลงทุน และเงินเก็บ เพราะถ้าเพื่อนของคุณรู้ว่าคุณซื้อแบรนด์เนม หรือใช้จ่ายเงินเป็นน้ำแล้วละก็ เขาก็สามารถคาดเดาฐานเงินเดือนของคุณได้
7. ความรู้สึกไม่ดี
หากคุณรู้สึกเป็นทุกข์ ก็ไม่ควรโพสต์ลงในบล็อกส่วนตัว หรือเฟซบุ๊ก เพราะเมื่อเพื่อนร่วมงาน หรือเจ้านายมาอ่านเจอ อาจเข้าใจผิดคิดเป็นตุเป็นตะว่า คุณไม่พอใจในตัวของเขาหรือเธอ ดังนั้น หากมีปัญหาอะไร แทบที่จะระบายความในใจก็น่าจะเปิดอกคุยกันไปเลย ป้องกันปัญหาคิดเองแบบผิดๆ
แหล่งที่มา นสพ. M2F วันพฤหัสบดีที่ 4 พ.ค. 55 (140)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น