วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พาน้องหมา-แมว ไปบริจาคเลือดกันเถอะ

          เมื่อเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน "เลือด" คือสิ่งที่สิ่งมีชีวิตต้องการใช้ต่อชีวิตให้อยู่รอด และสัตว์ก็ไม่ต่างกับมนุษย์ ดังที่ทุกคนเห็นว่า ปัจจุบันประชากรสัตว์เลี้ยงยอดฮิต อย่างเช่น สุนัข และแมว เพิ่มจำนวนขึ้นมาก แต่หากสัตว์เหล่านั้นเกิดประสบอุบัติเหตุ หรือป่วยหนักจนต้องได้รับการผ่าตัด แต่เกิดไม่มีเลือดสำรอง คุณเจ้าของทั้งหลายจะทำอย่างไรล่ะ?

          นั่นจึงเป็นที่มาของ "ธนาคารเลือด" สำหรับสัตว์เลี้ยง ที่ในเมืองไทยมีโรงพยาบาลไม่กี่แห่งที่มีเลือดสัตว์เก็บสำรองไว้ อย่างเช่นที่โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ซึ่งเปิดรับสำรองเลือดให้น้องหมา-น้องแมวมานานเกือบ 12 ปีแล้ว แต่ถึงกระนั้น เลือดก็ยังเป็นสิ่งที่ขาดแคลน เพราะเจ้าของสัตว์เลี้ยงมักไม่ค่อยพาสัตว์เลี้ยงมาบริจาคเลือด ซึ่งอาจเป็นเพราะไม่รู้ว่ามีธนาคารเลือดของสัตว์ก็เป็นได้

          นายสัตว์แพทย์ เสลภูมิ ไพเราะ หัวหน้าหน่วยธนาคารเลือด และอาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกสัตว์เลี้ยง   มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  (มก.) บางเขน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน เลือดที่สำรองไว้มีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เข้ามาสูงมากในแต่ละวัน อย่างเช่นเมื่อสองปีก่อน มีสุนัขป่วยต้องการเลือด 3,000 ราย แต่มีเจ้าของพามาบริจาคแค่ 900 ราย เมื่อนำเลือดมาปั่นแยกเป็นน้ำเลือด เกล็ดเลือด ก็จะแบ่งไปช่วยสุนัขได้เพียง 1,800 รายเท่านั้นเอง

          สำหรับเลือดที่ได้รับบริจาคมานั้น ธนาคารเลือดจะนำเลือดไปปั่น แล้วสำรองไว้ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับอความต้องการใช้เลือดแต่ละประเภท คือ

          เลือดสดและเลือดแช่เย็น (Whole blood) และเม็ดเลือดแดงอัดแน่น (Packed Red Cells) จะนำไปใช้ในกรณีที่สัตว์มีอาการโลหิตจางอย่างรุนแรง หรือต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือประสบอุบัติเหตุจนเสียเลือดอย่างรุนแรง

          น้ำเลือด (Plasma) นำไปใช้ในกรณีสัตว์ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด โรคเลือดบางชนิด ภาวะโปรตีนในเลือดต่ำ หรือกรณีพิเศษอื่นๆ

          เกล็ดเลือด (Platelet) ใช้กับสัตว์ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ หรือมีปัญหาการแข็งตัวของเลือด

          นายสัตว์แพทย์ เสลภูมิ กล่าวต่อว่า สัตว์ที่เคยบริจาคเลือดไปแล้ว ก็ต้องเว้นไปอีก 3-5 เดือน จึงจะกลับมาบริจาคเลือดใหม่ได้ ซึ่งก็ยิ่งทำให้จำนวนเลือดที่มีสำรองไว้น้อยลง ทางธนาคารเลือดจึงต้องใช้วิธีการประชาสัมพันธ์อยู่เรื่อยๆ เพื่อให้เจ้าของพาสัตว์เลี้ยงมาบริจาคเลือดให้มากขึ้น

          มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจอยากรู้แล้วว่า สัตว์เลี้ยงของตัวเองจะสามารถบริจาคเลือดได้หรือไม่ โดยสัตว์ที่จะสามารถบริจาคเลือดได้ ต้องมีคุณสมบัติคือ

          1. สุนัขหรือแมวจะต้องมีสุขภาพดี อายุตั้งแต่ 1- 8 ปีขึ้นไป ไม่จำกัดเพศและพันธุ์
          2. ถ้าเป็นสุนัขต้องมีน้ำหนักมากกว่า 17 กิโลกรัมขึ้นไป ส่วนแมวต้องมีน้ำหนักมากกว่า 4 กิโลกรัม
          3.  มีประวัติการทำวัคซีนครบ
          4.  ปราศจากโรคติดต่อทางเลือด เช่นโรคพยาธิเม็ดเลือด โรคแท้งติดต่อในสุนัข พยาธิหนอนหัวใจ และโรคติดเชื้อไวรัสในแมว เป็นต้น
          5.  ไม่เคยได้รับการผ่าตัดใหญ่ในระยะ 1- 2 เดือนก่อนบริจาคเลือด
          6.  ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง กรณีที่มีโรคประจำตัว ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนบริจาค
          7.  ในกรณีที่ทำวัคซีนประจำปี ควรเว้นระยะเวลาอย่างต่ำ 3 สัปดาห์ก่อนนำสุนัขมาบริจาค
          8.  ไม่มีเห็บหมัด หรือโรคผิวหนัง
          9.  สุขภาพฟันดี ไม่มีคราบหินปูน

 วิธีการบริจาคเลือด
          สำหรับใครที่จะพาสัตว์เลี้ยงไปบริจาคเลือด ก่อนอื่นเลย ในมื้อเช้า สัตว์เลี้ยงต้องงดอาหารก่อนบริจาค หลังจากนั้น สัตวแพทย์จะตรวจสุขภาพ โดยซักประวัติการทำวัคซีนและเก็บเลือดไปตรวจสุขภาพในเบื้องต้น เมื่อทุกอย่างพร้อม คุณหมอจะโกนขนบริเวณคอและฆ่าเชื้อ โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุนัข (ในกรณีที่สุนัขขนยาวอาจมองไม่เห็นบริเวณที่โกนเลยก็ได้) หลังจากบริจาคเลือดแล้ว สุนัขจะได้รับสารน้ำทดแทนในปริมาณใกล้เคียงกับที่สูญสียน้ำไป (หรืออาจไม่จำเป็นต้องรับก็ได้)

 ข้อควรรู้
          - ในการบริจาค 1 ครั้ง สุนัขจะบริจาคได้ 350-450 มิลลิลิตร ซึ่งเท่ากับ 1 ยูนิต หรือเทียบได้ประมาณ 10 - 20 มิลลิตร ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ส่วนแมวจะบริจาคได้ 40-50 มิลลิลิตรต่อตัว
          - สุนัขและแมวสามารถบริจาคเลือดได้ทุก ๆ 5 เดือน

บริจาคเลือดแล้ว...ได้อะไร?
          1.ร่างกายของสุนัขและแมวจะผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงใหม่ขึ้นมา ทำให้สุขภาพแข็งแรง
          2.สัตว์เลี้ยงได้รับการตรวจเลือดและเช็คสุขภาพประจำทุก ๆ 4 - 5 เดือน ในกรณีที่ผลเลือดผิดปกติทางโรงพยาบาลจะแจ้งให้เจ้าของทราบทันที
          3.สัตว์เลี้ยงจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันพยาธิหัวใจทุกครั้ง
          4.สัตว์เลี้ยงจะได้รับยาบำรุงเลือด อาหารเม็ด พร้อมของที่ระลึก
          5.ได้รับบัตรประจำตัวผู้บริจาคเลือด
          6.ได้ช่วยเหลือเพื่อนสัตว์เลี้ยง หรือบางกรณีสัตว์เลี้ยงของท่านอาจมีเหตุจำเป็นต้องการใช้เลือดเอง
          7.สัตว์เลี้ยงจะได้รับวัคซีนประจำปีฟรี ตลอดระยะเวลาที่เป็นผู้บริจาคโลหิต

          อย่าลืม "เลือดทุกหยด ช่วยชุบชีวิตเพื่อนสัตว์ด้วยกัน" เจ้าของคนใดมีจิตเมตตา ก็พาสัตว์เลี้ยงของท่านมาบริจาคเลือดได้ ณ โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เลขที่ 50 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 หรือหากไม่สะดวกที่จะนำสุนัขหรือแมวมาบริจาคเลือด ก็สามารถบริจาคเงินเพื่อจัดซื้อรถรับบริจาคเลือดสุนัขได้เช่นกัน

          เวลาทำการ : วันจันทร์-ศุกร์ เปิด 08.30-16.30 น., วันเสาร์ เปิด 08.30-12.00 น. ปิดทำการวันอาทิตย์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 0-2942-8756-9 ต่อ 2118 และ 0-2579-7540 ต่อ 2329 หรือทางอีเมล kubloodbank@gmail.com

แหล่งที่มา   เว็บไซต์กระปุกดอทคอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...