วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เพราะเรานั้น ‘คู่กัน’

ขวัญคู่เรียม โรมิโอคู่จูเลียต แจ็กคู่โรส คิวปิดคู่ศรรัก คอฟฟี่เมตคู่กาแฟ เขาคู่เธอ หรือเธอคู่ฉัน ของคู่กันยังไงๆ ก็ดีกว่าอยู่แบบโดดเดี่ยวเป็นไหนๆ ว่าม่ะ กระทั่งอาหารก็ถูกจับคู่ตุนาหงัน จนกลายเป็นพระนางที่ขาดจากกันเสียมิได้เช่นกัน แถมยังช่วยทำให้อาหารจานนั้นๆ อร่อยจนน่าใจหาย พอนึกถึงยิ่งรู้สึกชื่นชมคนโบร่ำโบราณที่เขาชำนาญนักกับเรื่องจับคู่ อิอิ

ไม่รอช้าล่ะ มาดูกันสิว่าอะไรคู่กับอะไร ชนิดที่ติดกันเป็นตังเม ห่างกันเมื่อไหร่รสชาติเป็นอันว่าไม่อร่อยแน่นอนเอาเลยทีเดียว

ปลากริมไข่เต่า

ขนมไทยโบราณที่เวลากินก็ให้นำขนมปลากริมสีออกน้ำตาลที่ให้รสหวาน กับขนมไข่เต่าสีออกขาวนวลเหมือนไข่เต่าที่ให้รสเค็มด้วยกัน กลายเป็นความอร่อยแสนมหัศจรรย์ และขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปเสียมิได้

ทั้งปลากริมและไข่เต่านั้นเป็นขนมที่ถูกพูดถึงในโคลงกลอนตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 มีชื่อเรียกว่า ขนมแชงมา หรือ ขนมแฉ่งม้า แต่ไม่ทราบหน้าตาเป็นอย่างไร จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญอาหารคาวหวานในสมัยนั้นได้บันทึกไว้ว่า ขนมปลากริมไข่เต่าต้องกินคู่กัน หน้าตาก็เหมือนอย่างที่เราเห็นนั่นแหละ

ปาท่องโก๋
ลำพังก็เป็นอาหารที่ทำจากแป้งสองชิ้นประกบคู่กันอยู่แล้ว แต่ก็ยังแอบหลายใจไปจับคู่กับน้ำเต้าหู้ ชา กาแฟ หรือไม่ก็โจ๊กยามเช้า ที่อร่อยได้ใจไม่ซ้ำกันอีกต่างหาก ส่วนที่มาของปาท่องโก๋นั้น แท้จริงแล้วมีชื่อเรียกว่า อิ่วจาก้วย ตามภาษาแต้จิ๋ว แต่ที่คนไทยเรียกว่า ปาท่องโก๋ นั้น เพราะสับสนไปนิด เรื่องก็มีอยู่ว่า สมัยก่อนชาวจีนที่ขายปาท่องโก๋ซึ่งเป็นขนมมีน้ำตาลทรายขาวประกอบ ซึ่งออกเสียงว่า แปะทึ่งกอ หรือ แปะถึ่งโก้ และมักจะเอาอิ่วจาก้วยหรือปาท่องโก๋ตัวจริงมากขายรวมอยู่ด้วย พอคนขายตะโกนขายแปะถึ่งท่องโก๋ จึงเข้าใจว่าปาท่องโก๋คือแป้งทอดอิ่วจาก้วยและจากแปะถึ่งโก้ เรียกไปเรียกมาก็กลายเป็นปาท่องโก๋ไปในที่สุดนั่นเอง

โรตีสายไหม
ขาดกันได้เสียที่ไหน เป็นของฝากขายดิบขายดีประจำ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ละร้านขายกันมานมนานและก็มีป้ายการันตีความอร่อยจากหลายสำนักแขวนกันจนแน่นร้าน ก็ไม่รู้ว่าร้านไหนอร่อยกว่า ดีกว่า แต่ขอแนะนำว่า ให้เลือกร้านที่ทำกันสดๆ ให้เห็นกันจะจะ ทั้งแผ่นโรตีหรือแผ่นแป้ง และสายไหม นั่นแหละยิ่งดียิ่งอร่อย ยิ่งเดี๋ยวนี้มีการเพิ่มความอร่อยให้เลือกหลากหลายทั้ง สายไหมใบเตย บ้างก็ใส่กาแฟ บลูเบอร์รี สีสันยวนยั่วและก็อร่อยมัดใจทั้งนั้น

กระยาสารท กล้วยไข่

ทำไมไปด้วยกันได้ดีเช่นนี้ก็ไม่รู้ จะว่าไปกระยาสารทนี้เป็นของหวานที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลกันเลยทีเดียว ซึ่งตามความเชื่อของพุทธศาสนาแล้ว เชื่อว่าเป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนบุญให้ปู่ย่า ตายาย และญาติมิตรทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว และยังเป็นการบ่งบอกว่าเป็นช่วงของฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหารและเป็นขอบคุณแม่พระโพสพอีกด้วย

ในอดีตก่อนถึงวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 หรือเรียกว่า วันสารทไทย ทุกบ้านก็จะโชว์ฝีไม้ลายมือในการกวนกระยาสารทกันอย่างสนุกสนานและก็ทำกันอย่างสุดฝีมือ เพราะถือว่าเป็นขนมมงคลชั้นดีที่นอกจากนำไปทำบุญแล้วยังนำไปมอบให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถืออีกด้วย พอนำไปให้บ้านไหนก็จะได้กระยาสารทบ้านนำกลับมาด้วย เป็นการประชันฝีมือกันเป็นนัยๆ ได้รับคำชมเมื่อไหร่เป็นยิ้มแป้นกลับมาทุกราย

กระยาสารท
ทำจากถั่ว งา ข้าวคั่ว นม มาผสมกับน้ำตาล บ้างก็ใช้แบะแซเพื่อความเหนียว จะหนักเบาส่วนผสมไหนก็แล้วแต่ความชอบ แล้วกวนในกระทะจนเข้ากัน และถ้าจะกินให้ครบเครื่องจริงๆ จะต้องกินกับกล้วยไข่ กล้วยอย่างอื่นก็ไม่อร่อยเท่า เออแปลกดี ยามนี้กล้วยไข่กำแพงเพชรเลยพลอยขายดิบขายดีตามไปด้วย บางคนก็โรยมะพร้าวขูดลงไปบนกระยาสารทด้วย อันนี้เขาว่ายิ่งอร่อย แต่ยังไม่เคยลอง

บัวลอยไข่หวาน

ขนมบัวลอยอย่างเดียวก็อร่อยจนแทบลอยเด้ง แต่ถ้าจะให้ดีต้องใส่ไข่หวาน มะพร้าวอ่อน และยิ่งอร่อยต้องใช้กะทิสดมาช่วยเพิ่มความหอมมันก็ยิ่งดี จากขนมบัวลอยธรรมดา ยกระดับกลายเป็นสูตรชาววังไปเสียเฉิบ และถ้าให้อร่อยสุดๆ ไข่หวานต้องไม่สุกและแข็งมากจนเกินไป


จำได้ว่าสมัยยังเด็กเวลาจะทำขนมบัวลอยที คุณแม่คนเก่งจะระดมพลลูกๆ มาช่วยกันปั้นแป้งบัวลอย พวกเราก็ลงมือปั้นแป้งกันอย่างสนุกสนาน เป็นรูปสัตว์บ้างล่ะ ยอดมนุษย์บ้างล่ะ แล้วแต่ใครจะสร้างสรรค์อะไร แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่มีข้อแม้ว่าใครปั้นรูปอะไรก็ให้กินของตัวเอง พอขนมบัวลอยสุก แม่ยกหม้อมาให้ตัก เราก็ลงมือตักขนมบัวลอยกันด้วยความตื่นเต้น แถมโอ้อวดกันว่าของใครสวยกว่า เจ๋งกว่า โดยมีคุณแม่นั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ ปรากฏว่าคำแรกที่ตักบัวลอยเข้าปากถึงกับหน้าเหยเก ก็จะอะไรเสียอีกล่ะ ก็ไอ้แป้งที่เราปั้นไว้ยามสุกมันใหญ่จนคับปาก แถมยังไม่มีรสชาติ คราวนี้ล่ะคุณแม่ที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ใกล้ๆ ถึงกับปล่อยก๊ากกกก

และวันนั้นเองเราถึงรู้ว่าทำไมบัวลอยเขาถึงต้องปั้นลูกเล็กๆ เข็ดไปจนตาย 555

ปิดท้ายด้วย ปลาแห้งแตงโม โอ้โห เป็นเมนูมัดใจคุณตาคุณยาย เรียกว่ายามหน้าร้อนมาเยือนทีไรจะเป็นเมนูที่ถูกเรียกหามาคู่สำรับตลอดเวลา

ของคาวก็ไม่ใช่ ของหวานก็ไม่เชิง ขอเรียกว่าเป็นของว่างที่นิยมกินคลายร้อนก็แล้วกัน แตงโมเย็นฉ่ำที่ใช้ช้อนตักเป็นลูกๆ ช่างเข้าขากับปลาแห้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมใช้ปลาช่อนตากแห้ง เพราะให้เนื้อเยอะและแน่นกว่าชนิดอื่น นำไปล้างให้สะอาดแล้วนำไปย่างไฟพอหอมๆ นำมาแกะเป็นชิ้นเล็กๆ เอาก้างออก นำไปปั่นพอหยาบ หรือไม่ก็นำไปตำพอแหลก

จากนั้นก็หันไปเอาน้ำมันใส่กระทะ นำหอมแดงซอยลงไปเจียวจนหอม ตักลงมะคลุกน้ำตาลทราย กินกับแตงโมหวานฉ่ำอร่อยมาก เชื่อดิ

ยังมีอีกอีกหลายเมนูที่อยู่คู่กันมานาน ไม่เหมือนรักของคนเราเลยไม่นานก็จืดก็จาง (เกี่ยวจนได้ อิอิ) และเพราะเมนูเกิดมาคู่กัน เราก็เลยได้กินของอร่อยๆ ยกกำลัง 2 กันไง

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ โดย..องค์ชายห้า  17 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 08:01 น. 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...