วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

นักวิทยาศาสตร์สยบข่าวลือ 2012 โลกไม่แตก

นักวิทยาศาสตร์  ยืนยัน ข่าววันโลกแตก 21 ธ.ค. ปี 2555  ไม่เป็นความจริง

นายพิชัย สนแจ้ง ผอ.องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ(อพวช.) เปิดเผยว่า นักวิทยาศาสตร์ นักดาราศาสตร์ อธิบายและชี้แจงข่าวลือที่เกี่ยวโยงกับคำทำนายเรื่องวันโลกแตก ที่จะเกิดขึ้นใน วันที่ 21 ธ.ค. ปี ค.ศ. 2012 หรือ พ.ศ. 2555 หรือปีนี้ว่า ทั้งหมดไม่เป็นความจริง

ทั้งนี้ เรื่องปรากฏการณ์จากนอกโลกที่มีวัตถุต่างๆ ดาวเคราะห์ ดาวหาง จะพุ่งเข้ามาทำลายล้างโลกนั้น ตามหลักการดาราศาสตร์ สามารถทำนายล่วงหน้าได้ และใช้เวลานาน  สิ่งที่น่ากังวลคือ โลกเปลี่ยนแปลงมากจากปัจจัยที่อยู่ในโลกทั้งสิ้น โดยเฉพาะจากการกระทำของคนในโลกเอง เช่น เรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การพัฒนาด้านเทคโนโลยี ทำให้ติดต่อสื่อสารสะดวก เดินทางสะดวกง่ายขึ้น การกระจายตัวของเชื้อโรคที่ง่ายขึ้น

นายศรันย์ โปษยะจินดา รองผอ.สถาบันดาราศาสตร์แห่งชาติ(สดร.) กล่าวว่า สาเหตุของกระแสข่าว โลกจะถึงจุดจบ เพราะปรากฏการณ์ต่างๆ นั้น เป็นเพราะความเชื่อของกลุ่มบุคคลหนึ่ง แล้วนำมาผูกโยงกับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ตามความเชื่อเหล่านั้น ก็สามารถอธิบายตามหลักการทางดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ได้ ดังต่อไปนี้ ความเชื่อที่ว่า เวลา 11.11 น.วันที่ 21 ธ.ค.จะมีวัตถุที่เชื่อกันว่าเป็นดาวหาง ที่ค้นพบโดยชาวสุเมเรี่ยนเมื่อราว 2,500 ปีก่อน ชื่อนิบิรุ ซึ่งมีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลา 3,600 ปี จะพุ่งชนโลก สาเหตุที่นักวิทยาศาสตร์มองไม่เห็นดาวหางดวงนี้ เพราะมันโคจรเป็นวงรีมากๆ เคลื่อนตัวช้ามากๆ แต่จะเคลื่อนเร็วขึ้นเรื่อยๆเมื่อเข้าใกล้โลก และอ้างว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา(นาซา)ปกปิดข้อมูลนี้ เพราะไม่อยากให้ชาวโลกตื่นตระหนกนั้นไม่จริง

ทั้งนี้ ทั่วโลกมีหลายโครงการที่เฝ้าติดตามค้นหาวัตถุที่มีขนาดใหญ่กว่า 200 เมตร ที่จะโคจรเข้าใกล้โลกเกินกว่า 4.5 ล้านไมล์ โดยเวลานี้ พบแล้วว่ามีวัตถุประมาณ 1,000 วัตถุ แต่ที่มีโอกาสที่จะชนโลกมากที่สุดคือ ดาวเคราะห์น้อยที่ชื่อ 1950 DA มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.1 กิโลเมตร มีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ 2.2 ปี ความน่าจะเป็นที่จะพุ่งชนโลกคือ ในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ.2880 คืออีกประมาณ 800 ปี ข้างหน้า แต่มีความเสี่ยงที่จะพุ่งชนโลกจริงๆประมาณ 0.33% ส่วนเรื่องความเชื่อที่ว่าขั้วแม่เหล็กโลกจะสลับกลับทิศจากขั้วโลกเหนือเป็นขั้วโลกใต้นั้น ขอเรียนว่า การกลับขั้วแม่เหล็กโลกนั้นเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว ไม่มีผลอะไรที่จะเกิดขึ้นบนโลกเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำขึ้นน้ำลง หรือการเปลี่ยนแปลงแรงโน้มถ่วงใดๆ

นอกจากนี้ เรื่องที่อ้างว่า ในวันที่ 21 ธ.ค.ปีนี้ จะเกิดปรากฏการณ์เรียงตัวของดาวเคราะห์ ทั้ง 8 ดวง ในระบบสุริยะจักรวาล จะส่งผลร้ายต่อโลกแรงโน้มถ่วงของโลกแปรปรวนนั้น ต้องอธิบายว่า การเรียงตัวของดาวเคราะห์ไม่เกิดผลใดๆกับโลกเลย และเรื่องนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อวันที่ 6 พ.ค. ปี ค.ศ. 2000 และปรากฏการณ์แบบนี้ก็จะเกิดอีกครั้งในวันที่ 8 ก.ย. ค.ศ.2040

“นอกเหนือจากนี้ เรื่องของ ซูปเปอร์มูน ที่ลือว่าจะส่งผลเรื่องแรงโน้มถ่วงกับโลก นั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับดาราศาสตร์เลย แต่เป็นศัพท์ที่พูดกันในหมู่นักโหราศาสตร์ ซึ่งก็คือ ปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์ดวงโตเป็นพิเศษ ที่เกิดจากดวงจันทร์โคจรมาใกล้โลกมากที่สุด และตอนนั้นตรงกับเวลาเต็มดวงจึงใหญ่กว่าปกติเท่านั้น

"อีกเรื่องที่ลือกันมากคือ โลกจะถูกหลุมดำที่อยู่ในทางช้างเผือกดูดเข้าไป เรื่องนี้อธิบายได้ว่า ในระบบสุริยะจักรวาลทางช้างเผือกนั้นจะมีดาวฤกษ์อยู่ประมาณ 1 แสนล้านดวง ใจกลางของทางช้างเผือกนี้จะมีหลุมดำชื่อ Sagittarius A จากการศึกษาของนักดาราศาสตร์ พบว่า ทุกๆวันที่ 21 ธันวาคมนั้น โลกจะเคลื่อนที่เข้าไปใกล้หลุมดำนี้ แต่ไม่ได้ได้หมายความว่า โลกจะถูกดูดเข้าไปในหลุมดำง่ายๆ เพราะทุกๆปีเวลานี้ โลกก็จะอยู่บริเวณนี้ และเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆไม่ได้หยุดอยู่กับที่ด้วยความเร็ว 220 กิโลเมตรต่อวินาที ทั้งนี้แรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์ที่กระทำต่อโลกสูงกว่าแรงโน้มถ่วงที่หลุมดำกระทำต่อโลกประมาณ 1 แสนล้านเท่า หลุมดำจึงไม่สามารถดูดโลกได้" นายศรันย์ กล่าว

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ 10 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 17:46 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...