อีกหนึ่งช่วงเวลาที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในชีวิต คือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งมันก็มาพร้อมกับการสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ในช่วงที่ใกล้จะสมัครสอบ ผมก็ยังตัดสินใจไม่ได้ซักทีว่าจะลงคณะไหน เรียนอะไร เย็นวันหนึ่งจึงเดินเข้าไปคุยกับพ่อ
ธรรม : พ่อครับ! ผมจะเลือกเรียนคณะไหนดี ให้มันจบออกมาแล้วมีงานที่ดีทำ
พ่อ : สิ่งที่ลูกจะเรียนนะ พ่อเลือกไว้ให้ตั้งแต่แรกแล้ว
ธรรม : อะไรเหรอพ่อ
พ่อ : สิ่งที่พ่อจะให้ธรรมเรียนก็คือสิ่งเดียวกันกับสิ่งที่อยู่ในใจธรรมนั่นแหละ ชอบอะไรก็เรียนอันนั้นไปเลยเพราะสิ่งที่ลูกชอบกับสิ่งที่ลูกเรียนมันจะอยู่กับลูกไปตลอดชีวิต ดังนั้นลูกคือคนตัดสินใจ พ่อว่านะ! จะเรียนอะไรก็ตามแต่ ไม่ต้องไปห่วงหรอกว่าจบมาแล้วจะมีงานแบบไหนให้เราทำ เพราะว่ามัน “ไม่มีงานใดหรอกที่ต่ำ ถ้าเราทำด้วยใจที่สูง”
ธรรม : ครับพ่อ! แต่แม่หรือญาติ ๆ ก็อยากให้ผมเรียนหมอกันทั้งนั้น ก็มันมีทั้งเงิน มีทั้งเกียรติ สังคมไทยก็ยอมรับว่าเป็นอาชีพอันดับหนึ่ง แต่ผมก็ไม่ได้อยากเป็นเท่าไหร่หรอก เอาไงดีพ่อ!
พ่อ : งั้นพ่อขอถามอะไรเราซักข้อนะ ธรรมคิดว่าอะไรที่มันสำคัญที่สุดในโลกนี้ อากาศ, น้ำ, ดิน, มนุษย์, สัตว์ หรือธรรมคิดว่าอะไร
ธรรม : เอ่อ! อืม! ไม่รู้ซิพ่อ
พ่อ : น้ำหยดเล็ก ๆ มันทำให้เกิดผืนป่า ป่าย่อย ๆ มันช่วยฟอกอากาศให้สดชื่น อากาศเพียงน้อยนิดทำให้เกิดสิ่งมีชีวิต ชีวิตมนุษย์พักพิงอยู่บนผืนแผ่นดิน หรือแม้แต่จุลินทรีย์ที่ดูไร้ค่ามันยังช่วยย่อยสลายสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดสมดุล พ่อเองก็ไม่รู้เหมือนกันหรอกนะว่าสิ่งไหนมันสำคัญที่สุดในโลกนี้ แต่ว่าถ้าขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไป โลกใบนี้มันก็จะไม่เป็นโลกอีกต่อไป แล้วมันจะมีอาชีพไหนไหมละลูกที่ดีที่สุดหรือสำคัญที่สุด มันอยู่ที่ตัวเราจะมองจะตัดสินใจต่างหาก อย่าตัดสินใจอะไรเพียงเพราะบรรทัดฐานของสังคมจนเกินไป
ธรรม : เข้าใจแล้วครับพ่อ
พ่อ : สิ่งที่ลูกต้องเรียนก็เรียนตามหัวใจตัวเองนั่นแหละ ไม่ต้องห่วงหรอกว่าจบออกมาแล้วจะมาทำอะไร เพราะไม่ว่าจะทำอะไรขอแค่ทำให้มันสุด ๆ เพราะมันจะเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่เวลาที่เราบอกใครไปว่า “เราเก่งในสิ่งที่เราเป็น” แม้ว่าหน้าที่นั้นมันจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยต้อยต่ำเพียงใดก็ตาม และมีอีกสิ่งหนึ่งที่พ่ออยากจะบอกลูกมากคือ อย่าไปดูถูกใครหรือดูถูกอาชีพใด ๆ เพียงเพราะเราคิดว่าเขา “โง่” หรือต้อยต่ำ ในโลกนี้ไม่เคยมีคนโง่ ทุกคนล้วนแต่เป็นคน “อัจฉริยะ” เพราะถ้าเราไป “ตัดสินปลาโดยใช้ความสามารถในการปีนต้นไม้ ทั้งชีวิตมันก็จะคิดว่ามันโง่”
ธรรม : ขอบคุณครับพ่อ
วันนั้นหลังจากที่ผมคุยกับพ่อเสร็จ ผมก็ตัดสินใจได้ว่าสิ่งที่ผมต้องการจะเรียนในมหาวิทยาลัยคือสิ่งใด และมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้มันก็คือ “ใจเราเป็นเช่นไร โลกเราก็จะเป็นเช่นนั้น ถ้าใจเราแคบโลกของเรามันก็แคบ ถ้าใจเรากว้างโลกของเรามันก็กว้าง และถ้าใจเราสว่างต่อให้โลกมืดซักแค่ไหนก็จะยังคงเห็นทางไปเสมอ” อย่าไปดูถูกใคร อย่าไปดูถูกอาชีพใด เพราะถ้าขาดใครไป โลกนี้มันก็คงไม่น่าอยู่อีกต่อไป
ในโลกนี้ไม่เคยมีคนที่ "ไร้ค่า"
มีเพียงแค่คนที่ "เห็น" หรือ "ไม่เห็น" คุณค่าในตนเอง
"ดินหนึ่งก้อนอาจมีค่ามากกว่าทองหนึ่งก้อน เพราะอย่างน้อยต้นไม้ก็ไม่สามารถงอกเงยได้บนก้อนทอง"
แหล่งที่มา เว็บไซต์สนุกดอทคอม 2 ก.พ. 12, 11:28 น
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ตอน 37 ลาก่อนทองแดง
ตอน 36 อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...
-
ใครที่นึกเบื่อตลาดติดแอร์ แต่ชื่นชอบตลาดเปิดท้ายรวมถึงของขายแบกกะดินราคาถูก หรือร้านขายตามล็อกหลากหลายแนว มาทอดน่องช็อปให้เพลินที่ "ต...
-
การจ่ายเงินรายได้ไม่ครบถ้วน ว่าจริงๆ แล้วเงินที่ทางผู้จ้างได้จ่ายให้ผู้รับจ้างไม่ครบนั้น เพราะว่าทางผู้จ้างได้หักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น