สองสามีภรรยาคู่หนึ่งมีลูกชายคนเดียว
สองสามีภรรยาคู่หนึ่งมีลูกชายคนเดียว ต่อมาลูกคนนี้เมื่อโตขึ้นอายุครบบวชก็ขอพ่อแม่ว่าอยากบวชทดแทนบุญคุณที่ได้เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่สักพรรษา
พ่อแม่พอได้ยินลูกว่าอย่างนั้นก็ดีใจกลั้นน้ำตาไม่อยู่ บอกกับลูกไปว่า...ดีแล้วลูก เกิดเป็นลูกผู้ชายก็ควรจะบวชศึกษาเล่าเรียนพระธรรมคำสอน
แล้วลูกชายก็บอกพ่อแม่ว่าไม่ต้องจัดงานอะไรทั้งสิ้น เป็นการสิ้นเปลืองเปล่าๆ เพียงแค่เตรียมบาตร ผ้าไตรให้พร้อม เมื่อถึงวันบวชก็ขอเดินเข้าโบสถ์ไปเลย
พ่อแม่ก็ว่าจะดีหรือลูก จะบวชทั้งทีไม่บอกใครเลยหรือ ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้อง ก็ควรที่จะได้มาแสดงอนุโมทนาด้วยมิใช่หรือ?
ลูกชายว่า ไม่จำเป็นหรอก การบวชอยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่การจัดงาน ว่าแล้วก่อนถึงวันบวช 15 วัน ก็ไปกราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดที่บ้าน แจ้งความประสงค์ว่าจะบวช
ฝ่ายเจ้าอาวาสก็จัดการสั่งให้พระลูกวัดที่ทำหน้าที่นิมนต์พระ ไปนิมนต์พระอุปัชฌาย์เจ้าคณะตำบลและพระคู่สวด รวมถึงพระอันดับเท่าที่สามารถให้การบวชครั้งนี้สำเร็จได้
วันบวชพ่อแม่น้ำตาไหลมีความสุขที่ได้เห็นชายผ้าเหลืองของลูก ก้มกราบพระลูกชายอย่างเคารพ พร้อมพูดกับพระลูกชายว่า
“ขอให้ลูกตั้งใจประพฤติปฏิบัติตัวเป็นพระที่ดี ตั้งมั่นอยู่ในศีล ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน อีกอย่างข่าวไม่ดีของพระก็เกิดขึ้นบ่อย ก็ขอให้ลูกมีสติ คิดพิจารณาให้ดี
ให้รู้ว่าอันไหนควรทำ อันไหนไม่ควรทำ อันไหนทำไม่ได้ อันไหนผิดธรรม ผิดวินัย ผิดธรรมเนียม จารีตที่ดีของพระสงฆ์ก็อย่าไปทำ
อันไหนที่ทำให้เกิดการติเตียนของสาธารณชน ของสัปปุรุษ ราชบัณฑิตทั้งหลาย ก็อย่าไปทำเป็นอันขาด เมื่อทำได้อย่างนี้ธรรมวินัยย่อมคุ้มครองลูกนะ”
พระลูกชายรับคำ “โยมพ่อโยมแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
ต่อมาพระลูกชายเมื่อบวชแล้วก็ตั้งใจศึกษาธรรมวินัยอย่างแข็งขัน โดยการศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎกอย่างจริงจังด้วยตัวเอง สร้างความปลื้มใจให้พ่อแม่เป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม จากที่ตั้งใจบวชพรรษาเดียวก็เกิดติดใจไม่อยากสึก เพราะต้องการค้นคว้าพระไตรปิฎกไปเรื่อยๆ และจากการค้นคว้าพระไตรปิฎกมาระยะหนึ่ง พระหนุ่มรูปนี้ก็เปลี่ยนไป จากการที่เมื่อก่อนนี้เคยกราบไหว้พระพุทธรูปเหมือนอย่างที่พระสงฆ์และชาวพุทธทั่วไปทำกัน
แต่พระหนุ่มรูปนี้ไม่เพียงไม่กราบไหว้เท่านั้น แต่ยังใช้เท้าของตนเหยียบไปที่ฐานพระพุทธรูป ใช้มือตบพระพักตร์ เรียกพระพุทธรูปว่าไอ้หัวแหลม
ข่าวนี้พอปรากฏออกไปก็ได้สร้างความไม่สบายกายไม่สบายใจให้กับผู้เป็นพ่อและแม่อย่างยิ่ง เพราะรับไม่ได้ที่พระลูกชายลืมคำที่ตนให้ไว้ในวันบวช
ก็จะให้พ่อแม่สบายใจได้อย่างไร เพราะพระลูกชายได้ทำลายจิตใจของพ่อแม่ไปสิ้นด้วยการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับสิ่งที่ท่านได้กราบไหว้บูชามาตลอดชีวิต
“ลูกชายของเราเป็นอะไรไปพี่ อะไรมันเข้าสิงลูกของเราให้ทำอย่างนั้น ฉันไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่าลูกจะกล้าทำขนาดนั้น” ภรรยาพูดกับสามีวัยชราทั้งน้ำตา
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าผีห่าซาตานอะไรมาทำให้พระเลวได้ขนาดนี้” สามีตอบภรรยาอย่างหมดอาลัยในตัวลูกชายคนเดียว
สุดท้ายสองสามีภรรยาเสียใจอย่างมากก็เกิดตรอมใจตายอยู่ในเถียงนากลางทุ่งท่ามกลางฝนที่โปรยลงมาอย่างหนักไร้คนรู้เห็น
ว่าแต่เรื่องนี้ถ้าเป็นเรื่องจริงก็น่าสงสารสองสามีภรรยาคู่นั้นและน่าสมเพชพระหนุ่มรูปนั้นจริงๆ แต่นี่แค่เรื่องสมมติ กระนั้นฟังแล้วก็ยังรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย
แหล่งที่มา เว็บไซต์โพสทูเดย์ โดย..อ.ตุ้ย วรธรรม 5 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 08:54 น.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ตอน 37 ลาก่อนทองแดง
ตอน 36 อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...
-
ใครที่นึกเบื่อตลาดติดแอร์ แต่ชื่นชอบตลาดเปิดท้ายรวมถึงของขายแบกกะดินราคาถูก หรือร้านขายตามล็อกหลากหลายแนว มาทอดน่องช็อปให้เพลินที่ "ต...
-
การจ่ายเงินรายได้ไม่ครบถ้วน ว่าจริงๆ แล้วเงินที่ทางผู้จ้างได้จ่ายให้ผู้รับจ้างไม่ครบนั้น เพราะว่าทางผู้จ้างได้หักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น