ดร.วิมลทิพย์ มุสิกพันธ์ อาจารย์สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง “สถานการณ์สุขภาวะครอบครัวไทย ปี 2554-2555 โดยสำรวจครอบครัวไทยทั่วประเทศ จำนวน 4,000 ตัวอย่าง จาก 9 จังหวัด ในทุกภาค พบว่า ปัจจุบันครอบครัวไทยบกพร่องในการทำหน้าที่สำคัญ คือ การเตรียมบุตรหลานของตนให้มีความรู้ความสามารถเพียงพอในการปกป้องดูแลตนเอง โดยเฉพาะการตั้งรับกับปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมซึ่งกำลังเป็นปัญหาที่มีความรุนแรง ผลวิจัยชี้ว่า ครอบครัวไทยร้อยละ 10 ไม่มีการเตรียมให้ความรู้กับลูกวัยรุ่นว่าด้วยการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและการตั้งครรภ์เมื่อพร้อม ในขณะที่อีกร้อยละ 13.7 ให้ข้อมูลว่า แทบไม่ได้เตรียมเลย
อาจารย์สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กฯ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว และคนทำงานกำลังจะกลายเป็นคนสูงอายุในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การจะเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ มีความสุขและไม่เป็นภาระของลูกหลานขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวก่อนเกษียณใน 4 ประเด็นสำคัญ คือ
- การเตรียมตัวด้านเงินออม
- การเตรียมตัววางแผนอาชีพ/กิจกรรมหลังเกษียณ
- การออกกำลังกายเพื่อเตรียมสุขภาพ และ
- การเตรียมตัวเพื่อการพึ่งตนเองด้านที่อยู่อาศัย
“ถ้าปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขในอีก 10-20 ปี ข้างหน้าประเทศไทยจะมีทรัพยากรมนุษย์เกิดจากความไม่พร้อม ไม่ตั้งใจนำมาซึ่งโอกาสที่จำกัด และสุดท้ายกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่ำ และในเวลาเดียวกันเราจะได้แรงงานสตรีราคาถูกเพราะออกจากระบบการศึกษาก่อนกำหนด ภาครัฐต้องรับภาระผู้สูงอายุจำนวนมหาศาลซึ่งไม่สามารถดูแลตนเองได้ หรือดูแลตนเองได้ในระดับต่ำ ผู้สูงอายุเหล่านี้ไม่มีทั้งเงินออมในการดูแลตนเอง ไม่มีอาชีพ ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เหล่านี้หมายถึงงบประมาณมหาศาลที่ภาครัฐจะต้องทุ่มลงไป ดังนั้นทุกหน่ายงานควรร่วมสร้างและจรรโลงสังคมทั้งทางตรงหรือทางอ้อม เป็นปัญหาใหญ่เกินกว่าจะมี เจ้าภาพเจ้าเดียว เพราะเป็นปัญหาระดับโครงสร้างที่ต้องการการเปลี่ยนวิธีคิดของคนในสังคม” ดร.วิมลทิพย์ กล่าว
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร เลขาธิการสมาคมครอบครัวศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลการวิจัยสะท้อนให้เห็นว่า ครอบครัวตกอยู่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยนอกครอบครัว ซึ่งต้องการพื้นที่สำหรับครอบครัวที่จะเข้าถึงข้อมูลที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับครอบครัว เตรียมทักษะที่จะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้เท่าทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะทักษะในการวิเคราะห์ ตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ส่งผลต่อตนเองและครอบครัวในอนาคต การเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ให้ครอบครัวเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนสามารถมีส่วนร่วม โดยกลไกรัฐทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุน และสร้างนโยบายส่งเสริมครอบครัวที่มีศักยภาพร่วมกับมาตรการการดูแลครอบครัว ที่ขาดโอกาส ครอบครัวเรียนรู้จะเป็นครอบครัวอบอุ่นที่เตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม
แหล่งที่มา เว็บไซต์ THAIZA.COM
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น