วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

สอบ-ต่อใบขับขี่ เตรียมตัวอย่างไรดี

ใครยังไม่มีใบขับขี่ยกมือขึ้น... ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องขับขี่รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์เดินทางบนท้องถนน คงไม่ดีแน่ หากไร้ซึ่งใบอนุญาตขับขี่

ดังนั้น วันนี้เราจะมาว่าด้วยเรื่องของใบขับขี่กัน แต่อย่างแรกคงต้องพูดถึงข้อกำหนดใหม่ในการสอบใบขับขี่ 2555 กันก่อน ซึ่งข้อกำหนดใหม่นี้ จะใช้เวลาในการสอบใบขับขี่ 2 วันด้วยกัน แยกออกเป็นการสอบข้อเขียน และสอบปฏิบัติ

สำหรับคนที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสอบใบขับขี่ ต่ออายุใบขับขี่ ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ นอกจากจะต้องฝึกขับรถให้คล่องแล้ว มีข้อควรรู้อะไรอีกบ้างไปดูกันเลยจ้า

คุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิ์สอบใบขับขี่
  1. ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้องมีอายุ 15 ปี ขึ้นไป
  2. ใบขับขี่รถยนต์ ต้องมีอายุ 18 ปี ขึ้นไป
  3. ไม่เป็นผู้พิการทางสายตา (ตาบอด)
  4. ไม่มีอาการตาบอดสี
  5. สำหรับผู้พิการดังต่อไปนี้ ถ้าต้องการทำใบขับขี่ ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกเพื่อรับคำปรึกษา
    • ผู้พิการแขนขาดข้างเดียว 
    • ผู้พิการขาขาดข้างเดียว 
    • ผู้พิการตาบอดข้างเดียว 
    • ลำตัวพิการ 
    • หูหนวก
 เอกสารในการยื่นขอสอบใบขับขี่
  1. บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา
  2. กรณีไม่มีบัตรประชาชน ให้ใช้บัตรข้าราชการ หรือหลักฐานอื่น ๆ ที่ใช้แทน พร้อมสำเนา
  3. ทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา
  4. ใบรับรองแพทย์ มีอายุไม่เกิน 1 เดือน
  5. รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว (3x4 เซนติเมตร) ครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก และแว่นตาดำ 2 รูป อายุไม่เกิน 6 เดือน
  6. ใบคำร้องขออนุญาตขับรถ จากกรมการขนส่งทางบก
 ขั้นตอนในการขอสอบใบขับขี่
  1. รับบัตรคิวสอบใบขับขี่ ได้ที่กรมการขนส่งทางบกใกล้บ้านท่าน
  2. เมื่อถึงคิว ให้นำเอกสารที่เตรียมมายื่นต่อเจ้าหน้าที่
  3. ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ดังนี้
    • ทดสอบตาบอดสี โดยให้เรียกชื่อสีหลังจากเห็นสัญญาณไฟจราจรจำลอง
    • ทดสอบสายตาทางลึก โดยการกดปุ่มเลื่อนเสา 2 เสา ให้อยู่ตำแหน่งตรงกัน
    • ทดสอบสายตาทางกว้าง เป็นการทดสอบการมองกระจกข้าง โดยการจ้องที่จุดสีตรงกลาง แล้วมีสีต่างๆ ขึ้นมาให้เห็นทางหางตาทั้งสองข้าง ให้ตอบให้ถูกต้องว่าสีที่หางตาคือสีอะไร
    • ทดสอบการใช้เท้า โดยการเหยียบคันเร่ง แล้วเหยียบเบรกหลังเห็นสัญญาณไฟแดง ต้องผ่านเกณฑ์ 2 ใน 3 ครั้ง
  4. อบรมทฤษฎีการขับขี่รถยนต์ การอ่านป้ายจราจรต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
  5. สอบข้อเขียนเกี่ยวกับทฤษฎีในการขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีเวลา 1 ชั่วโมง ข้อสอบจำนวน 30 ข้อ สอบใบขับขี่รถยนต์ต้องตอบถูก 23 ข้อขึ้นไป ส่วนสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ต้องตอบถูก 24 ข้อขึ้นไป ทำในคอมพิวเตอร์ รู้ผลทันที และให้กลับบ้านได้ โดยให้มาสอบปฏิบัติใหม่ในวันรุ่งขึ้น
  6. วันต่อมา ให้มารับบัตรคิวสอบปฏิบัติการขับขี่ ฟังการสาธิตการสอบ หากนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ไปเองให้นำไปจอดรอใกล้ๆ สนามสอบ หากไม่มี ให้ทำเรื่องเช่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ได้
 ขั้นตอนการสอบปฏิบัติรถยนต์
  1. การขับรถเดินหน้าและหยุดรถเทียบทางเท้า
    1. ด้านซ้ายของรถต้องจอดขนานกับขอบทาง มีระยะห่างไม่เกิน 25 เซนติเมตร
    2. ด้านหน้าของรถต้องไม่ล้ำเกินจุดหยุดรถข้างทาง และมีระยะห่างไม่เกิน 1 เมตร
    3. ห้ามขับปีนทางเท้าหรือขอบทาง
  2. การขับรถเดินหน้าและถอยหลังทางตรง มีการทดสอบให้เลือก 2 แบบ 
    • แบบที่ 1 ขับเดินหน้าและถอยหลังออก ในช่องเดินรถที่มีความยาวประมาณ 10-12 เมตร มีหลักวางขนานกัน 2 แถว ระยะห่างวัดจากความกว้างของตัวรถบวกเพิ่มไปอีกข้างละ 50 เซนติเมตร ห้ามชนหรือขับเบียดหลักที่วางไว้
    • แบบที่ 2 ขับเดินหน้าและถอยหลัง ในช่องที่กำหนดให้ มีขนาดกว้าง 2.5 เมตร โดยล้อรถต้องไม่ทับเส้น และห้ามชน หรือปีนขอบทาง
  3. การขับรถถอยหลังเข้าซอง
    • เปลี่ยนเกียร์เดินหน้า และถอยหลังรวมกันได้ไม่เกิน 7 ครั้ง
    • ท้ายรถต้องตั้งฉากกับขอบทาง ไม่ปีนหรือไม่ตกขอบทาง
  4. การกลับรถ  ให้กลับรถในช่องที่กำหนด โดยไม่เบียดหรือชนหลักที่ตั้งเอาไว้
  5. การขับรถตามเครื่องหมายจราจร ขับรถไปตามช่องทางที่กำหนด เมื่อเจอป้ายจราจรให้ปฏิบัติตามป้าย ห้ามลืมเปิดไฟเลี้ยวและให้สัญญาณไฟให้ถูกต้องทุกครั้ง
  6. เมื่อผ่านขั้นตอนทั้งหมดแล้ว ให้เดินกลับมารับผลการสอบใบขับขี่และไปยื่นขอทำใบขับขี่รถยนต์ได้เลย
ขั้นตอนการสอบปฏิบัติรถจักรยานยนต์
  1. การเดินหน้าและหยุดรถ
    การออกรถต้องซ้าย ขวา และด้านหลังก่อนทุกครั้ง การหยุดรถต้องจอดให้สนิทและเอาขาซ้ายลงวางกับพื้น
  2. การขี่รถซิกแซก
    ให้ขี่รถซิกแซกผ่านกรวยสีส้มที่วางอยู่ประมาณ 5 อัน โดยไม่ชน หรือทำกรวยล้ม
  3. การทรงตัว
    ให้ขี่รถบนแท่นปูนซีเมนต์ หรือสะพานไม้แคบ ๆ กว้างประมาณ 30 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3 เมตร ให้ขี่ทรงตัวไปจนสุดทาง
  4. การอ่านป้ายและทำตามกฎจราจร
    เมื่อขี่รถและพบทางแยก ให้เปิดไฟเลี้ยว และเลี้ยวไปตามที่ป้ายจราจรบอกไว้ พบทางม้าลายให้จอดให้คนเดินข้าม โดยหยุดรถให้สนิท
  5. เมื่อสอบปฎิบัติเสร็จแล้วให้ไปยื่นขอทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ได้เลย
การต่ออายุใบขับขี่
สำหรับใครที่ใบขับขี่หมดอายุ การต่อใบขับขี่ง่ายนิดเดียว แค่เตรียมเอกสารให้พร้อม แล้วไปยื่นขอต่อใบขับขี่กับเจ้าหน้าที่ได้เลย ใช้เวลาไม่นาน เพราะไม่ต้องอบรมใหม่เหมือนตอนสอบใบขับขี่ครั้งแรก

 เอกสารในการต่อใบขับขี่
  1. บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา
  2. ใบขับขี่ใบเดิมที่หมดอายุ
  3. ใบรับรองแพทย์
ขั้นตอนในการต่อใบขับขี่
  1. ยื่นเอกสารขอต่อใบขับขี่
  2. ทดสอบสมรรถนะทางร่างกาย
  3. ถ่ายรูป
  4. ชำระค่าธรรมเนียม และรอรับใบขับขี่ใหม่ได้เลย
 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
          กรมการขนส่งทางบก
          ที่อยู่ 1032 ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
          โทรศัพท์ 1584 หรือ 0-2271-8888
          เว็บไซต์ : www.dlt.go.th/th

สำหรับคนที่ไปสอบใบขับขี่แล้วไม่ผ่าน ก็สามารถกลับไปสอบใหม่ได้ โดยต้องมีระยะห่าง 3 วัน จากครั้งสุดท้ายที่ไปสอบมาอ่านจบแล้วอย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งเอกสาร การฝึกขับรถ และที่สำคัญต้องพกสมาธิไปด้วย

แหล่งที่มา   เว็บไซต์กระปุกดอทคอม

3 ความคิดเห็น:

  1. ผมว่าจะกีรถตอน1ไดปะ

    ตอบลบ
  2. ถ้าอายุ 64 ปี จะทำใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลได้มั้ย

    ตอบลบ
  3. ใบขับขี่หมดอายุวันที่ 14 พฤศจิกายร 2555 จะไปต่อก่อนได้มั้ยครับ

    ตอบลบ

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...