ดังนั้น วันนี้เราจะมาว่าด้วยเรื่องของใบขับขี่กัน แต่อย่างแรกคงต้องพูดถึงข้อกำหนดใหม่ในการสอบใบขับขี่ 2555 กันก่อน ซึ่งข้อกำหนดใหม่นี้ จะใช้เวลาในการสอบใบขับขี่ 2 วันด้วยกัน แยกออกเป็นการสอบข้อเขียน และสอบปฏิบัติ
สำหรับคนที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสอบใบขับขี่ ต่ออายุใบขับขี่ ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ นอกจากจะต้องฝึกขับรถให้คล่องแล้ว มีข้อควรรู้อะไรอีกบ้างไปดูกันเลยจ้า
คุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิ์สอบใบขับขี่
- ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้องมีอายุ 15 ปี ขึ้นไป
- ใบขับขี่รถยนต์ ต้องมีอายุ 18 ปี ขึ้นไป
- ไม่เป็นผู้พิการทางสายตา (ตาบอด)
- ไม่มีอาการตาบอดสี
- สำหรับผู้พิการดังต่อไปนี้ ถ้าต้องการทำใบขับขี่ ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกเพื่อรับคำปรึกษา
- ผู้พิการแขนขาดข้างเดียว
- ผู้พิการขาขาดข้างเดียว
- ผู้พิการตาบอดข้างเดียว
- ลำตัวพิการ
- หูหนวก
- บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา
- กรณีไม่มีบัตรประชาชน ให้ใช้บัตรข้าราชการ หรือหลักฐานอื่น ๆ ที่ใช้แทน พร้อมสำเนา
- ทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา
- ใบรับรองแพทย์ มีอายุไม่เกิน 1 เดือน
- รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว (3x4 เซนติเมตร) ครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก และแว่นตาดำ 2 รูป อายุไม่เกิน 6 เดือน
- ใบคำร้องขออนุญาตขับรถ จากกรมการขนส่งทางบก
- รับบัตรคิวสอบใบขับขี่ ได้ที่กรมการขนส่งทางบกใกล้บ้านท่าน
- เมื่อถึงคิว ให้นำเอกสารที่เตรียมมายื่นต่อเจ้าหน้าที่
- ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ดังนี้
- ทดสอบตาบอดสี โดยให้เรียกชื่อสีหลังจากเห็นสัญญาณไฟจราจรจำลอง
- ทดสอบสายตาทางลึก โดยการกดปุ่มเลื่อนเสา 2 เสา ให้อยู่ตำแหน่งตรงกัน
- ทดสอบสายตาทางกว้าง เป็นการทดสอบการมองกระจกข้าง โดยการจ้องที่จุดสีตรงกลาง แล้วมีสีต่างๆ ขึ้นมาให้เห็นทางหางตาทั้งสองข้าง ให้ตอบให้ถูกต้องว่าสีที่หางตาคือสีอะไร
- ทดสอบการใช้เท้า โดยการเหยียบคันเร่ง แล้วเหยียบเบรกหลังเห็นสัญญาณไฟแดง ต้องผ่านเกณฑ์ 2 ใน 3 ครั้ง
- อบรมทฤษฎีการขับขี่รถยนต์ การอ่านป้ายจราจรต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
- สอบข้อเขียนเกี่ยวกับทฤษฎีในการขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีเวลา 1 ชั่วโมง ข้อสอบจำนวน 30 ข้อ สอบใบขับขี่รถยนต์ต้องตอบถูก 23 ข้อขึ้นไป ส่วนสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ต้องตอบถูก 24 ข้อขึ้นไป ทำในคอมพิวเตอร์ รู้ผลทันที และให้กลับบ้านได้ โดยให้มาสอบปฏิบัติใหม่ในวันรุ่งขึ้น
- วันต่อมา ให้มารับบัตรคิวสอบปฏิบัติการขับขี่ ฟังการสาธิตการสอบ หากนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ไปเองให้นำไปจอดรอใกล้ๆ สนามสอบ หากไม่มี ให้ทำเรื่องเช่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ได้
- การขับรถเดินหน้าและหยุดรถเทียบทางเท้า
- ด้านซ้ายของรถต้องจอดขนานกับขอบทาง มีระยะห่างไม่เกิน 25 เซนติเมตร
- ด้านหน้าของรถต้องไม่ล้ำเกินจุดหยุดรถข้างทาง และมีระยะห่างไม่เกิน 1 เมตร
- ห้ามขับปีนทางเท้าหรือขอบทาง
- การขับรถเดินหน้าและถอยหลังทางตรง มีการทดสอบให้เลือก 2 แบบ
- แบบที่ 1 ขับเดินหน้าและถอยหลังออก ในช่องเดินรถที่มีความยาวประมาณ 10-12 เมตร มีหลักวางขนานกัน 2 แถว ระยะห่างวัดจากความกว้างของตัวรถบวกเพิ่มไปอีกข้างละ 50 เซนติเมตร ห้ามชนหรือขับเบียดหลักที่วางไว้
- แบบที่ 2 ขับเดินหน้าและถอยหลัง ในช่องที่กำหนดให้ มีขนาดกว้าง 2.5 เมตร โดยล้อรถต้องไม่ทับเส้น และห้ามชน หรือปีนขอบทาง
- การขับรถถอยหลังเข้าซอง
- เปลี่ยนเกียร์เดินหน้า และถอยหลังรวมกันได้ไม่เกิน 7 ครั้ง
- ท้ายรถต้องตั้งฉากกับขอบทาง ไม่ปีนหรือไม่ตกขอบทาง
- การกลับรถ ให้กลับรถในช่องที่กำหนด โดยไม่เบียดหรือชนหลักที่ตั้งเอาไว้
- การขับรถตามเครื่องหมายจราจร ขับรถไปตามช่องทางที่กำหนด เมื่อเจอป้ายจราจรให้ปฏิบัติตามป้าย ห้ามลืมเปิดไฟเลี้ยวและให้สัญญาณไฟให้ถูกต้องทุกครั้ง
- เมื่อผ่านขั้นตอนทั้งหมดแล้ว ให้เดินกลับมารับผลการสอบใบขับขี่และไปยื่นขอทำใบขับขี่รถยนต์ได้เลย
- การเดินหน้าและหยุดรถการออกรถต้องซ้าย ขวา และด้านหลังก่อนทุกครั้ง การหยุดรถต้องจอดให้สนิทและเอาขาซ้ายลงวางกับพื้น
- การขี่รถซิกแซกให้ขี่รถซิกแซกผ่านกรวยสีส้มที่วางอยู่ประมาณ 5 อัน โดยไม่ชน หรือทำกรวยล้ม
- การทรงตัวให้ขี่รถบนแท่นปูนซีเมนต์ หรือสะพานไม้แคบ ๆ กว้างประมาณ 30 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3 เมตร ให้ขี่ทรงตัวไปจนสุดทาง
- การอ่านป้ายและทำตามกฎจราจรเมื่อขี่รถและพบทางแยก ให้เปิดไฟเลี้ยว และเลี้ยวไปตามที่ป้ายจราจรบอกไว้ พบทางม้าลายให้จอดให้คนเดินข้าม โดยหยุดรถให้สนิท
- เมื่อสอบปฎิบัติเสร็จแล้วให้ไปยื่นขอทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ได้เลย
สำหรับใครที่ใบขับขี่หมดอายุ การต่อใบขับขี่ง่ายนิดเดียว แค่เตรียมเอกสารให้พร้อม แล้วไปยื่นขอต่อใบขับขี่กับเจ้าหน้าที่ได้เลย ใช้เวลาไม่นาน เพราะไม่ต้องอบรมใหม่เหมือนตอนสอบใบขับขี่ครั้งแรก
เอกสารในการต่อใบขับขี่
- บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา
- ใบขับขี่ใบเดิมที่หมดอายุ
- ใบรับรองแพทย์
- ยื่นเอกสารขอต่อใบขับขี่
- ทดสอบสมรรถนะทางร่างกาย
- ถ่ายรูป
- ชำระค่าธรรมเนียม และรอรับใบขับขี่ใหม่ได้เลย
กรมการขนส่งทางบก
ที่อยู่ 1032 ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทรศัพท์ 1584 หรือ 0-2271-8888
เว็บไซต์ : www.dlt.go.th/th
สำหรับคนที่ไปสอบใบขับขี่แล้วไม่ผ่าน ก็สามารถกลับไปสอบใหม่ได้ โดยต้องมีระยะห่าง 3 วัน จากครั้งสุดท้ายที่ไปสอบมาอ่านจบแล้วอย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งเอกสาร การฝึกขับรถ และที่สำคัญต้องพกสมาธิไปด้วย
แหล่งที่มา เว็บไซต์กระปุกดอทคอม
ผมว่าจะกีรถตอน1ไดปะ
ตอบลบถ้าอายุ 64 ปี จะทำใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลได้มั้ย
ตอบลบใบขับขี่หมดอายุวันที่ 14 พฤศจิกายร 2555 จะไปต่อก่อนได้มั้ยครับ
ตอบลบ