วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

รวยที่สุด 1% ของโลก

ธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ ซึ่งล่าสุดเพิ่งมีข่าวใหญ่เรื่อง ผู้มาดำรงตำแหน่ง ประธานธนาคารโลก เป็นคนอเมริกัน เชื้อสายเกาหลี ชื่อ ดร. จิม ยง คิม  อธิการบดี วิทยาลัยดาร์ทมัธ (Darthmouth College) ปริญญาเอกทางแพทยศาสตร์ อายุ 49 ปี ได้มีรายงานเกี่ยวกับกลุ่มบุคคลที่รวยที่สุด 1% ของโลกอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ถึง 29 ล้านคน คือมากที่สุดในโลก

รายงานนี้จัดทำขึ้นโดยนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกที่ชื่อ แบรงโก มิลาโนวิค ซึ่งอยู่ในรูปเล่มหนังสือที่ชื่อว่า คนรวยกับคนจน หรือภาษาอังกฤษชื่อไพเราะดีคือ The Haves and The Have-not.

กลุ่มบุคคลที่รวยที่สุดระดับ 1% ของโลก นั้นมีรายได้หลังหักภาษีแล้วตกประมาณ 34,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีต่อคน หรือประมาณ 1,000,000 บาทต่อปีต่อคนเท่านั้น ถ้าคิดต่อเดือนหลังหักภาษีก็ประมาณ 85,000 บาท ซึ่งจะคิดเป็นแต่ละบุคคลของครอบครัว สมมุติว่าในครอบครัวมีบุตร ธิดา และภรรยารวมตนเองด้วยเป็น 4 คน ครอบครัวนั้นจะต้องมีรายได้ประมาณ 340,000 บาทต่อครอบครัวต่อเดือนหลังหักภาษี

ถ้าคิดเฉพาะตนเองไม่รวมเรือพ่วง ท่านผู้อ่านหลายท่านน่าจะอยู่ในกลุ่ม แต่ถ้ามีเรือพ่วงลูกหลายคน สามีทำงานคนเดียวก็คงจะลดน้อยลงไปเยอะสำหรับเมืองไทยหลังหักภาษีแล้ว

กลุ่มบุคคลรวย 1% ของโลกอยู่ที่ไหนบ้าง เรามาดูกันดังนี้ จากสถิติที่ทางธนาคารโลก โดย ดร.มิลาโนวิค รวบรวมมาได้นั้นปรากฏว่า
  1. อันดับ 1 ประมาณครึ่งหนึ่งของโลกอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา คือ ประมาณ 29 ล้านคน
  2. รองลงมาคือ คนในประเทศเยอรมนีมีประมาณ 4 ล้านคน
  3. ฝรั่งเศส อิตาลีและอังกฤษ มีประมาณประเทศละ 3 ล้านคน
  4. ส่วนแคนาดา เกาหลี ญี่ปุ่น และบราซิล มีประเทศละประมาณ 2 ล้านคน
  5. นอกนั้นประเทศละประมาณล้านคน ก็จะเป็น สวิตเซอร์แลนด์ สเปน ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน ชิลี และสิงคโปร์
ที่น่าสนใจก็ลองคำนวณดูต่อไปว่า แต่ละประเทศซึ่งจะมีประชากรต่างกันมาก เช่น สหรัฐอเมริกา มีประชากรถึง 313 ล้านคน ประเทศรวยที่สุดในโลก    เล็กสุดประเทศสิงคโปร์มีประชากร  5 ล้านคน ก็รวยเหมือนกัน มาดูกันว่ากลุ่มคนรวยที่สุดประมาณ 1% ของโลกอยู่หนาแน่นต่อประชากรกันอย่างไร โดยใช้จำนวนพลเมืองล่าสุดจากวิกิพีเดียซึ่งเชื่อถือได้ มาคำนวณดูปรากฏว่า
  1. กลุ่มคนรวยอยู่ในประเทศสิงคโปร์ อันดับ 1 คือ 20%
  2. อันดับ 2 คือ สวิตเซอร์แลนด์ 12.5%
  3. อันดับ 3 คือ สหรัฐอเมริกา 9%
  4. นอกจากนั้นเกินกว่า 5% คือ เนเธอร์แลนด์ แคนาดา และชิลี ตามลำดับ อย่างนี้ซิถึงเรียกว่ารวยจริง
แน่นอนสถิติกลุ่มคนรวยนี้ในทวีปแอฟริกาแทบไม่มีเลย แต่ก็ยอมรับว่า ประเทศใหญ่อย่างจีนและอินเดียกำลังจะมีมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เอาสถิติมาคำนวณต่อก็เลยนึกถึงประเทศไทยจะมีสักกี่หมื่นคนหรือไม่ เพราะตระกูลคนรวยของไทยมีไม่มาก ลูกจ้างมืออาชีพเงินเดือนระดับนี้ก็ยังมีจำนวนน้อยมาก แถมจะพอแอบรู้กันเท่านั้น ดูได้จากการเสียภาษีและค่าเฉลี่ยจำนวนคนในครอบครัวน่าไม่ต่ำกว่า 4 คนอยู่แล้ว
 ประเทศไทยคงจะต้องการกำลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจเพื่อกระจายให้มีครอบครัวที่ร่ำรวยมีจำนวนมากขึ้นอีกเยอะมาก คงจะต้องรออีกนานเพราะความเข้าใจของคนในชาติในเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองยังต่างกันมากอยู่.

แหบ่งที่มา   เว็บไซต์เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2555 เวลา 00:00 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...