หลักการง่ายๆ ก็คือ เลือกชนิดแชมพู (shampoo) ที่ตอบสนองความต้องการของเส้นผมของคุณ อย่างถ้าคุณมีรังแคเยอะ คุณก็ควรเลือกยาสระผมประเภทขจัดรังแค ที่เราคุ้นเรียกทัพศัพท์ว่า anti-dandruff เดี๋ยวนี้หลายยี่ห้อแข่งกันพัฒนาผลิตภัณฑ์แยกย่อยตามแต่ละปัญหาของเส้นผม แชมพูสำหรับผมทำสี, ผมมีรังแค, ผมไม่มีน้ำหนัก, ผมแห้ง ฯลฯ
“อ่านฉลากบรรยายคุณสมบัติของยาสระผมว่าเหมาะสมกับเส้นผมของคุณไหม” Colin Lively แฮร์สไตลิสท์ (hairstylist) ประจำเอลิซาเบธ อาร์เดน เรด ดอร์ ซาลอน (Elizabeth Arden Red Door Salons) กล่าว พร้อมยกตัวอย่าง
“เมื่อฉลากแชมพูเขียนไว้ว่า สำหรับผมแห้ง ขาดง่าย นั่นหมายความว่าเนื้อยาสระผมขวดนี้เข้มข้นเกินไปสำหรับผมธรรมดา หรือเขียนไว้ว่าสำหรับผมมัน เนื้อผลิตภัณฑ์มันก็จะแห้งกระด้างเกินไปกับผมแห้งและผมธรรมดา”
เวลาไปซื้อแชมพู คุณต้องยอมเสียเวลาหน่อยกับการอ่านฉลาก เลือกชนิดที่บ่งบอกสรรพคุณแก้ปัญหาเส้นผมของคุณ ไม่ใช่ยี่ห้อนี้ออกซีรีส์ใหม่, แพกเกจสวย, กลิ่นหอม, นางแบบพรีเซนเตอร์คือขวัญใจชั้นเลย! ก็หยิบลงตระกร้าซะงั้น
เพราะแค่เลือกแชมพูที่เหมาะ กับเส้นผม แล้วระหว่างสระผม ก็ใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ ให้ทั่วศีรษะอย่างน้อย 5 นาที หลังล้างออก นวดด้วยครีมนวดอีก 5 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือดบริเวณรากผม ที่สำคัญ ล้างผมให้สะอาด ไม่ปล่อยให้สารเคมีตกค้าง ผมของคุณก็จะไม่ถูกล็อค แข็งทื่อ ไร้น้ำหนัก
อ้อ! ใช้น้ำอุณหภูมิปกติจากก๊อกนั่นแหล่ะสระล้างผม น้ำยิ่งเย็นเล็กน้อย ยิ่งทำให้เส้นผมเงางามด้วยซ้ำ จำขึ้นใจอย่าใช้น้ำร้อนเด็ดขาด มิงั้นเส้นผมจะอ่อนแอเลยล่ะ
หลังสระผมเสร็จ อย่าใช้ผ้าขนหนูขยี้เส้นผมเด็ดขาด มิฉะนั้นจะทำให้เส้นผมหักและขาดได้ง่าย แถมผมของคุณก็จะหยิก พองตัวขึ้นทุกวัน นั่นเพราะเกล็ดผมของคุณเปิดอ้าออก และแกนผมของคุณจะแห้งมาก
แกนผมจะพยายามดูดความชื้นจาก ภายนอกเข้าไปแทน ต่อให้คุณลงทุนลงแรงไดร์ผมจนเรียบตรงแค่ไหน แต่มันก็จะคงรูปได้แค่ระยะหนึ่ง โดยเฉพาะถ้าความชื้นในอากาศมีมาก น้ำที่อยู่ในอากาศจะเข้าไปปลดล็อคภายในเส้นผมที่ถูกไดร์จนเรียบตึง ทำให้ผมของคุณกลับมาหยิกอีก
วิธีการง่ายๆ ในการเช็ดผมที่ถูกต้องก็คือ ให้ใช้ผ้าขนหนูโพกศีรษะทิ้งไว้สัก 5-10 นาที เพื่อให้ผ้าได้ซับน้ำอย่างเต็มที่ ถ้าผมยังอมอุ้มน้ำอยู่เยอะ ก็ใช้ผ้าขนหนูโพกศีรษะต่ออีก 10 นาที หรือใช้ผ้าขนหนูแห้งๆ เช็ดเบาๆ
ต่อจากนั้นปล่อยให้ผมแห้งตามธรรมชาติ หรือใช้พัดลมช่วยเป่าให้แห้ง หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นเครื่องเป่าผม แกนดัดลอน หรือที่หนีบผม
“ก่อนหวีผมที่ยังเปียก ให้ใช้สเปร์ยที่ช่วยให้ผมหวีง่ายหรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผมนุ่ม” Vasken Demirjian แฮร์สไตลิสท์ที่ตระกูลเคนเนดี้ (the Kennedy family) เป็นลูกค้าประจำ กล่าวต่อ
“เวลาหวีผม ไม่ว่าตอนเปียก หมาด หรือแห้ง คุณต้องค่อยๆ แปรง และเลือกหวีที่มีฟันหรือซี่หวีเรียงติดกันถี่ๆ”
ให้ดีที่สุด เลือกวัสดุที่ทำจากไม้ หวีแต่งทรง และปล่อยผมตามธรรมชาติ เพื่อให้ผิวผมได้หายใจ
ด้วยความงก หรือเสียดายความยาวของเส้นผม..อะไรก็ตาม สาวไทยเราไม่ค่อยจะยอมตัดหรือเล็มผม ยิ่งสาวใดวางแผนอยากไว้ผมยาว ยิ่งหวงนัก โดยหารู้ไม่ว่าวิธีการไว้ผมยาวที่ถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยให้ปลายเส้นยาวแหลม ชี้โด่เด่ หากต้องหมั่นเล็มอย่างช้าทุกสองเดือนด้วยซ้ำ
“ตัดผมทุก 6-8 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับว่าผมคุณยาวช้ายาวเร็ว” Demirjian บอกว่า “ถ้าผมคุณยาวเกินไป มันจะแตกปลาย ไม่เงางาม และจัดทรงยาก”
รวมทั้งเปราะบาง ทื่อ แข็งกระด้าง แลดูไม่มีชีวิตชีวา ดังนั้นไม่ว่าคุณจะผมสั้น ผมยาว หรือผมสั้นกำลังไว้ผมยาว พยายามเข้าร้านเล็มผมอย่างสม่ำเสมอนะคะ เพราะนอกจากเป็นวิธีการหนึ่งในการดูแลสุขภาพเส้นผมแล้ว ยังส่งเสริมทรงผมคุณดูเป็นทรง ไม่โทรมด้วยค่ะ
“การมัดผมเท่ากับทำร้ายเส้นผม เนื่องจากการดึงรั้งเส้นผมในตำแหน่งเดิมๆ จนเกิดการหักขาดหรือเปลี่ยนสภาพไปได้” เขาเพิ่มอีกประเด็นเรื่องสายรัด “ขึ้นกับยางรัดที่ใช้ผูกด้วย คุณต้องเลือกชนิดที่มีความยืดหยุ่นสูง”
ผู้หญิงที่ชอบมัดผมทุกวัน มักมีปัญหาเส้นผมงดโค้ง ไม่ตรงสลวย สามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการเลือกใช้ยาสระผมและยานวดผมที่ช่วยให้เส้นผม เรียบลื่น สังเกตง่ายๆ บนขวดจะมีคำว่า "Smooth and Sleek"
คุณสมบัตินี้ช่วยลดการเสียดสีของเส้นผม และทำให้เส้นผมยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงเราควรปล่อยผมเปลี่ยนทรงบ้าง ไม่ใช่มัดผมผูกจุกทรงเดียวตำแหน่งเดิมทุกวัน หรือถ้าไม่ชอบปล่อยผม ก็ใช้กิ๊บหนีบผม ที่คาดผม ฯลฯ แฟชั่นเครื่องประดับบนศีรษะสมัยนี้ออกจะเซี๊ยะแซ่บ ให้คุณสาวๆ สนุกสนานกับการจัดทรงแต่งผม
“การผูกผมทรงเดียวทุกวันมันไม่ยุติธรรมกับผมเลย” Demirjian ย้ำว่า “แต่งผมเปลี่ยนทรงให้เหมือนกับการแต่งตัว”
แหล่งที่มา เว็บไซต์หรรษาดอทคอม 2012-04-03 22:45:04 โดย kongrit
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น