เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของประเทศจีน ส่งผลให้มหาเศรษฐีชาวแดนมังกรมากมายเป็นทวีคูณ จากผลสำรวจเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมาพบว่า เศรษฐีชาวจีนจำนวน 503 คน มีทรัพย์สินเฉลี่ยคนละ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 30 ล้านบาท) ซึ่งรายได้หลักที่เหล่าเศรษฐีได้รับนั้น มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการเล่นหุ้น
สิ่งที่น่าสนใจของเศรษฐีจีนนั้น คือการที่มีเศรษฐีหน้าใหม่ผุดออกราวกับดอกเห็ด สถาบันวิจัย Hurun เผยว่า ผู้มีอันจะกินในจีนนั้น ล้วนเป็นคนรุ่นใหม่อายุน้อยกว่า 40 ปี
ความร่ำรวยไม่รู้จบสิ้นของเศรษฐีหนุ่มสาวชาวจีน ได้เพิ่มกำลังทรัพย์ในการใช้จ่าย และแสดงออกมาถึงการใช้ชีวิตอันหรูหรา โดยเฉพาะการกีฬาที่ได้กลายเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความมั่งคั่งทางการเงินของเหล่าเศรษฐีจีน เนื่องจากกีฬาเป็นตัวแทนในการแสดงออกถึงรสนิยมได้เป็นอย่างดี
กีฬาแต่ละชนิดที่เศรษฐีกระเป๋าหนักชาวจีนชื่นชอบนั้น ล้วนเป็นกีฬาของจากสังคมชั้นสูงทั้งสิ้น ต้องอาศัยเงินมหาศาลในการเดินทางไปต่างแดน เพื่อลิ้มลองประสบการณ์ผจญภัยในฐานะนักกีฬากระเป๋าหนัก
ที่สำคัญ คนรวยชาวจีนจำนวนมากเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเล่นกีฬามากกว่า 3 ครั้งต่อปี ประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือประเทศมัลดิฟส์ เพราะชาวจีนชื่นชอบการดำน้ำ และอีกหนึ่งคือทวีปยุโรป ซึ่งพบคนรวยชาวจีนจำนวนมากต่างใช้เวลาพักผ่อนไปกับการเล่นสกี
ไม่เพียงแต่การเล่นกีฬาในต่างประเทศเท่านั้นที่ได้รับความนิยม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น ชาวจีนสนใจการเล่นกีฬาเพื่อการแข่งขันมากขึ้น จึงทำให้เกิดการสร้างสนามม้าและสนามกอล์ฟอีกหลายแห่งทั่วประเทศจีน อย่างมหาเศรษฐีหนุ่ม หวางจงจวิน ผู้บริหารองค์กรสื่อ Huayi Bros รับซื้อม้าแข่งซึ่งหมดวาระการใช้งานแล้วถึง 60 ตัว และสร้างสนามแข่งม้ากว้างถึง 2 แสนตารางเมตร ในกรุงปักกิ่ง เพื่อเป็นแหล่งพักพิงแหล่งใหม่ของม้าที่ปลดระวางทั้งหมดนี้ได้อาศัยอยู่
สนามกอล์ฟยังกลายมาเป็นแหล่งพบปะในยามว่างของบรรดาเศรษฐีจีน ด้วยเหตุนี้ ทำให้มีการสร้างสนามกอล์ฟขนาดใหญ่เพื่อเอาใจเหล่าคนรวยชาวจีนอย่างต่อเนื่อง โดยความนิยมในการเล่นกอล์ฟมิใช่เพียงแต่วัยผู้ใหญ่เท่านั้น เพราะปัจจุบันเศรษฐีจีนหลายคนยินดีจ่ายเงินสูงถึง 1.6 ล้านบาทต่อเดือน ส่งบุตรหลานไปเรียนกอล์ฟตั้งแต่เด็ก โดยผู้ปกครองต่างผลักดันให้ลูกหลานของตนเองได้เติบใหญ่เป็นโปรกอล์ฟชื่อดัง และพร้อมที่จะทุ่มเงินกว่า 30 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนกอล์ฟ
ไม่ว่ารสนิยมของเศรษฐีแต่ละคนจะแตกต่างกันเช่นไร ความหลากหลายคือจิตวิญญาณหนึ่งของจีน และต่อไปนี้ คือ กิจกรรมยอดนิยมอันหลากหลายของเศรษฐีรุ่นใหม่แดนมังกร
1. กอล์ฟ มากถึง 21.4%
จีนมีสนามกอล์ฟมากกว่า 500 แห่ง ค่าใช้จ่ายส่วนมากจะเน้นไปที่ค่าอุปกรณ์ไม้กอล์ฟ โดยมีราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 3.5 หมื่นบาท ทั้งนี้ ยังไม่รวมค่าครูฝึกสอนและการเช่าสนามกอล์ฟ ซึ่งนับว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
2. ว่ายน้ำ 20.5%
ชาวจีนส่วนมาก ล้วนจ้างโค้ชส่วนตัวเพื่อสอนว่ายน้ำให้แก่บุตรหลานของตน ซึ่งค่าใช้จ่ายจะเน้นไปที่ความชำนาญและชื่อเสียงของผู้ฝึกสอนมากกว่า
3. โยคะ 13.9%
โยคะ นับว่าเป็นกระแสกีฬาที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งค่าเรียนส่วนมากนั้นจะเน้นไปที่อุปกรณ์เป็นหลัก และค่าครูฝึกสอน
4. ปีนเขา 13.3%
การปีนเขาในแต่ละครั้ง ต้องอาศัยการฝึกซ้อมอย่างหนัก ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายทางด้านอุปกรณ์ทั้งชุดปีนเขา, เต้นท์ และค่าเดินทางไปยังเทือกเขาต่างๆ
5. แบดมินตัน 10.6%
ค่าใช้จ่ายในกีฬาแบดมินตัน ได้แก่ ค่าอุปกรณ์ และครูฝึกสอน ซึ่งส่วนมากเศรษฐีชาวจีนแทบทุกรายมักจะเลือกอุปกรณ์คุณภาพดีและราคาสูง
6. เทนนิส 6.6%
ค่าใช้จ่ายในการเล่นเทนนิส ได้แก่ ค่าอุปกรณ์, ค่าเช่าสนาม และค่าครูฝึกสอน
7. ขี่ม้า 3.7%
ค่าใช้จ่ายในการขี่ม้าแต่ละเดือนนั้นร่วมแสนบาทต่อเดือน โดยค่าใช้จ่ายหลักคือค่าเลี้ยงดูม้าแยกเป็น ค่าอาหาร, ค่ารถ, ค่าคนดูแล, ค่าเช่าคอกม้า ทั้งหมดนี้ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายทางด้านอุปกรณ์
8. สกี 3.6%
ค่าใช้จ่ายเล่นสกี จะแยกเป็นค่าครูสอนสกี, ค่ารถรับส่ง, อุปกรณ์สกี เช่น ไม้สกี รองเท้า
9. ดำน้ำ 2.8%
ค่าใช้จ่ายกีฬาดำน้ำส่วนมากจะหนักไปทางการเดินทาง ซึ่งชาวจีนล้วนนิยมไปดำน้ำที่ต่างประเทศ เช่น มัลดีฟส์ โดยเมื่อปีที่แล้ว มัลดิฟส์ต้องรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 1.5 แสนคน
แหล่งที่มา นสพ. M2F วันศุกร์ที่ 20 เม.ย. 55 (128)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ตอน 37 ลาก่อนทองแดง
ตอน 36 อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...
-
ใครที่นึกเบื่อตลาดติดแอร์ แต่ชื่นชอบตลาดเปิดท้ายรวมถึงของขายแบกกะดินราคาถูก หรือร้านขายตามล็อกหลากหลายแนว มาทอดน่องช็อปให้เพลินที่ "ต...
-
การจ่ายเงินรายได้ไม่ครบถ้วน ว่าจริงๆ แล้วเงินที่ทางผู้จ้างได้จ่ายให้ผู้รับจ้างไม่ครบนั้น เพราะว่าทางผู้จ้างได้หักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น