1. ไล่จับผีเสื้อกระพริบแสง ในสวนแสงแห่งจินตนา เป็นหนึ่งในสามไฮไลท์ใหม่ และถือเป็นสุดยอดสวนที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ยามอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ทุกอย่างก็ถูกปลุกให้มีชีวิตขึ้นใหม่ ด้วยดวงไฟดวงเล็กดวงน้อยนับล้านๆ ดวง ที่ประดับประดาไว้ตามต้นไม้ เห็นเป็นสวนแสงหลากสีกลางความมืด มีดอกไม้บานเปลี่ยนสี มีผีเสื้อโบยบินกระพริบแสงตามจังหวะดนตรี นอกจากเพลินเพลินไปกับแสงสีตระการตา เรายังร่วมสนุกได้โดยวาดแขนไปมาเหนือเซ็นเซอร์บริเวณทางเดิน พุ่มไม้เรืองแสงก็จะวิ่งไปตามการวาดแขนของเรา ทั้งสนุกสนานและปลุกเร้าจินตนาการให้โลดแล่นนอกจากนี้ ขอบอกอีกว่า สวนแสงแห่งจินตนาการยังให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานทดแทน โดยดอกไม้ในสวนติดแผงโซลาร์เซลล์เพื่อนำพลังงานแสงแดดมาใช้ในเวลากลางคืน เป็นการประหยัดพลังงานอีกทางหนึ่ง
2. ขึ้นกระเช้าราชพฤกษ์ลอยฟ้า ชมวิวจากมุมสูง
จากบนกระเช้าสูง 40 เมตร สามารถมองทัศนียภาพงานพืชสวนโลกในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน พื้นที่กว่า 470 ไร่ เหมือนถูกย่อลงมาอยู่ในสองมือ เห็นหอคำหลวงอยู่ท่ามกลางพรรณไม้หลากสีสัน สวนนาชาติต่างๆ ขนาดเล็กจิ๋ว ในเวลากลางคืนยิ่งมีเสน่ห์ แสงไฟจากสวนต่างๆ จะส่องสว่างหลากสี โดยมีแสงจากสวนแสงแห่งจินตนาการกระพริบวิบวับอยู่ไม่ไกล อย่างไรก็ตาม ไม่ควรลืมว่า มีคนรอต่อคิวขึ้นกระเช้าแน่นขนัดนักโดยเฉพาะช่วงเย็น-ค่ำ หากไม่อยากพลาดความงามจากมุมสูง ควรรีบต่อแถวตั้งแต่เนิ่นๆ และใช้เวลาข้างบนให้คุ้มค่า เพราะความสุขราคา 120 บาทช่างผ่านไปเร็วนัก
3. ดำดิ่งในโลกใต้บาดาล ที่อุโมงค์น้ำบาดาล
ช่วงแดดร้อนเปรี้ยงๆ คงไม่มีที่ไหนหลบร้อนดีกว่าห้องแอร์เย็นฉ่ำ จึงขอชวนแวะเข้าสวนของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ไปเดินตะลุยในอุโมงค์น้ำบาดาลจำลองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายในอุโมงค์เปิดแอร์เย็นสบาย จัดแต่งเป็นเหมือนโลกใต้บาดาล ให้เราเดินซอกแซกไปในความสลัวราวกับเป็นตัวตุ่นมุดไปใต้ดิน ระหว่างทางจะมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดคอยอธิบายระบบการผลิตน้ำบาดาล ตั้งแต่การสำรวจชั้นหิน ตรวจหาพื้นที่เหมาะสมในการขุดเจาะ จนถึงการวางระบบท่อเพื่อส่งน้ำขึ้นมาหล่อเลี้ยงคนบนพื้นผิว เรียกว่าเดินคลายร้อนแล้วยังได้ความรู้ติดตัวกลับมา
4. ท่องโลกแมลง ใน BUG WORLD ยังเป็นสวนขวัญใจเด็กๆ ไม่แพ้เมื่อ 5 ปีก่อนนิทรรศการทั้งหมดแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือส่วนแมลงมีชีวิตและแมลงไม่มีชีวิต ส่วนแมลงไม่มีชีวิตจัดแสดงอยู่ภายในอาคาร โดยจำลองบรรยากาศให้ใกล้เคียงโลกของแมลงในธรรมชาติ เช่น มีเสียงร้องของแมลงนานาชนิดจนเหมือนเรากำลังเดินอยู่ในป่า หรือมีกล่องปริศนาซ่อนบนผนัง เปิดแล้วพบแมลงสตัฟฟ์พร้อมคำอธิบาย ชวนให้อยากรู้จักเจ้าแมลงตัวจิ๋วมากขึ้นขณะที่ส่วนแมลงมีชีวิตจะอยู่ในสวนพรรณไม้ที่อยู่ติดกัน เราจะได้เห็นผีเสื้อบินว่อน ตั๊กแตนเกาะตามพุ่มไม้ ด้วงเดินไปมา จนรู้สึกเหมือนสวนแห่งนี้มีชีวิตไปด้วย
5. ตะลุยดงดอกไม้ ในสวนพันธุ์ไม้เมืองหนาว เพียงแง้มประตูห้องจัดแสดง กลิ่นดอกลิลลี่หอมๆ ก็โชยมาทักทายนอกจากลิลลี่สีชมพูสดแปลงใหญ่แล้ว ภายในสวนแห่งนี้ยังมีพันธุ์ไม้เมืองหนาวอื่นๆ เช่น บิโกเนีย ฟอร์เก็ตมีน็อต หอมหมื่นลี้ ฯลฯ บานสะพรั่งแข่งกันอวดดอกสีสดใส ทั้งส้ม ชมพู ม่วง แดง ตัดกับใบสีเขียวสด ดูแล้วสดชื่นมีชีวิตชีวา ชวนให้เดินถ่ายรูปได้อย่างเพลิดเพลิน
6. ถ่ายรูปกับลานแฟชั่นไม้ดอกที่สวนดาษดา อสวนดอกไม้ชื่อดังใน จ. ปราจีนบุรี ซึ่งคราวนี้ยกพลมาแสดงฝีมือในงานพืชสวนโลกโดยจัดสวนตามแนวคิด Let Love Grow ให้สวนมีสีสันสดใสราวความรักที่เบ่งบาน ด้านหน้าประดับด้วยตุ๊กตานางแบบในชุดดอกไม้ หุ่นแมลงปอหลายสี และฉากดอกไม้หลากพันธุ์ จนดูคล้ายเป็นลานแฟชั่นมวลไม้ดอก ถัดเข้ามามีห้องดอกไม้เฉลิมพระเกียรติ และด้านในสุดเป็นสวนเรือนกระจก มีทั้งเบญจมาศ เยอบีรา กล้วยไม้ จัดเป็นแปลงยาวราวกับทุ่งดอกไม้ ...ใครที่ตามหาฉากดอกไม้สวยๆ ถ่ายรูปสนุกๆ มาสวนนี้รับรองไม่ผิดหวัง
7. ตามหาดอกทิวลิป ในสวนเนเธอร์แลนด์ และเดินเที่ยวสวนนานาชาติ สวนยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เพราะเดินครั้งเดียวเหมือนชะโงกหน้าไปดูถึง 38 สวนทั่วโลกสวนยอดฮิตยังคงเป็นสวนเนเธอร์แลนด์ ทั้งกังหันลม ทุ่งลิลลี่สีส้มสด และดอกทิวลิปยังคงมาตามนัด เพียงแต่ทิวลิปไม่เยอะเหมือนเมื่อ 5 ปีก่อน ด้านในยังมีเถาวัลย์มะเขือเทศด้วยเทคนิคการปลูกแบบฮอลแลนด์ และฉากดอกไม้สีสวย อีกหลายสวนก็จัดได้สวยงามและน่าสนใจ เช่น สวนลาว ซึ่งจำลองวิหารวัดเชียงทองมาไว้ที่นี่ เดินชมวิหารอ่อนช้อยแล้วแวะมาจิบกาแฟลาวหอมกรุ่นรสนุ่มก็รื่นรมย์ไม่น้อย หรือสวนภูฏาน ที่คงสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ไว้เหมือนเดิม ขณะที่สวนแปลกที่สุดคงเป็นสวนเกาหลี เพราะมีแต่กำแพงหินและไห ไม่กล้าฟันธงว่าสวย เอาเป็นว่าแปลกตาน่าสนใจ ส่วนสวนญี่ปุ่นยังคงมาแนวเรียบง่ายสไตล์เซน เป็นสวนหิน มีบ่อปลา และซุ้มไม้ไผ่ ชวนให้นั่งสงบจิตใจ นอกจากนี้สวนอินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ โมร็อคโค ก็ยังน่าแวะเวียนเข้าไป เพราะจัดแต่งตามวัฒนธรรมของตนอย่างมีเอกลักษณ์
8. ชวนเด็กๆ มาสนุก ที่ Kids's Eco Park เป็นอีกไฮไลท์ที่เพิ่มขึ้นใหม่ ภายในอาคารรูปทรงแปลกตา คือนิทรรศการแบบ Interactive ให้เด็กๆ ช่วยตัวการ์ตูนมาสค็อตของงาน
ทั้งน้องคูณ ลมบิน ดินฉ่ำ น้ำใส ไออุ่น รักษาสิ่งแวดล้อมให้สำเร็จ เช่นช่วยกันปลูกต้นไม้โดยการโบกไม้โบกมือเพื่อให้อนิเมชันฝนโปรยลงมารดน้ำต้นกล้า หรือทุบเบาะเพื่อพรวนดินให้ต้นไม้เจริญเติบโต นอกจากความสนุกแล้ว หัวใจของสวนแห่งนี้ คือการกระตุ้นให้เด็กๆ ตระหนักว่าตนเองก็มีส่วนร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมได้9. มุ่งสู่หอคำหลวง ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ วิหารล้านนาใจกลางงานราชพฤกษ์แห่งนี้ คือสถานที่จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งนิทรรศการพระราชประวัติและพระอัจฉริยภาพด้านต่างๆงานศิลปกรรมที่งดงามและขรึมขลังภายในวิหารนี้ ออกแบบโดย อ. ปรีชา เถาทอง ศิลปินไทยที่มีชื่อเสียง ส่วนที่สำคัญคือ พุ่มดอกบัวตูม 9 ดอก ที่มียอดฉัตรสีทอง 9 ชั้นอยู่ด้านบน หรือ ต้นบรมโพธิสมภาร สื่อถึงพระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการครองพระองค์ให้อยู่ในทศพิศราชธรรม นอกจากนี้ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปพระราชกรณีกิจ ที่จิตรกรเขียนได้อย่างประณีตงดงาม
10. เก็บความรู้เรื่อง "โลกร้อน" ก่อนกลับบ้าน ที่สวน TOYOTA เป็นหนึ่งในสวนที่ป่าวประกาศเรื่อง "โลกร้อน" ออกมาอย่างแจ่มชัดค่ายรถยนต์แห่งนี้พยายามรณรงค์เรื่อง "4 ลด 4 เพิ่ม" ให้ทุกคนและทุกหน่วยงานช่วยกันลดภาวะโลกร้อน นั่นคือ ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการใช้พลังงาน ลดการใช้น้ำ ลดปริมาณขยะ เพิ่มพื้นที่สีเขียวในที่ทำงาน เพิ่มความพึงพอใจให้พนักงานและผู้เกี่ยวข้อง เพิ่มโอกาสในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมให้แก่พนักงาน และเพิ่มเครือข่ายในการทำความดีเพื่อสังคม แนวคิดนี้กลายมาเป็นสวน TOYOTA ซึ่งแบ่งเป็นส่วนต่างๆ เช่น ส่วนเสียงบ่นพึมพึมจากธรรมชาติ จะใช้ต้นไม้และแมลงกระซิบบอกปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ส่วน 4 ลด 4 เพิ่ม จะแสดงถึงกิจกรรมที่เราทำได้เพื่อรักษาโลก แต่ไฮไลท์ของสวนอยู่ที่ภาพยนตร์สั้น 3D เรื่อง บันทึกพลิกวิกฤตโลก ที่นำเสนอผลกระทบจากภาวะโลกร้อน โดยให้ผู้ชมใส่แว่นสามมิติชมภาพทะลุจอให้ความรู้สึกสุดสมจริงกันเลยทีเดียว
มหกรรมพืชสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ที่ จ. เชียงใหม่ เปิดให้เข้าชมแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2555
แหล่งที่มา เว็บไซต์สนุกดอทคอม 18 ม.ค. 55 10.14 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น