วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

ปาริชาตต้นไม้สวรรค์

ปาริฉัตต์ หรือ ปาริชาต หรือที่เราเรียกว่า ดอกทองหลาง นั่นเอง

เชื่อหรือไม่ว่ามันคือดอกไม้ที่อยู่บนสรวงสรรค์ หรือเป็นดอกไม้ของเหล่าเทวดา มันคือหนึ่งในห้าของดอกไม้สวรรค์ที่มีอยู่บนชั้นดาวดึงส์ อันประกอบด้วย (ปาริชาต) กัลปพฤกษ์ มณฑารพ หริจันทน์ และสันตาน

ปาริชาตเมื่อบานเต็มที่แล้ว เทวดาชั้นดาวดึงส์ต่างพากันเอิบอิ่มพรั่งพร้อมด้วยกามคุณ 5 บำรุงบำเรออยู่ตลอดระยะ 5 เดือนทิพย์ ณ ใต้ต้นปาริชาต โดยทุกๆ 100 ปี ดอกจึงจะบาน ซึ่งเมื่อดอกบานเต็มที่แล้วกลิ่นหอมจะแผ่ไปได้ 50 โยชน์ในบริเวณรอบๆ ตราบนานเท่านาน และจะส่งกลิ่นหอมไปตามลมได้ไกลถึง 100 โยชน์

ต้นปาริชาตจะอยู่นอกเมืองดาวดึงส์ออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ในอุทยานใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า ปุณฑริกวัน ซึ่งมีกำแพงล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน โดยต้นปาริชาตจะตั้งตระหง่านอยู่กลางสวน

กล่าวกันว่า ยามที่ดอกปาริชาตบานจะมีเหล่าเทพบุตรเทพธิดามาเล่นสนุกสนานบริเวณใต้ต้นปาริชาตเป็นจำนวนมาก หากกลิ่นปาริชาตที่โชยโรยรินมาต้องเทพบุตรเทพธิดาองค์ใดจะช่วยทำให้เทพบุตรเทพธิดาองค์นั้นระลึกชาติได้อย่างอัศจรรย์ แต่ถ้าเทพบุตรเทพธิดาองค์ใดต้องการดอกปาริชาตมาทัดหู เพียงแต่เข้าไปอยู่ภายใต้ต้นและยื่นมือออกไปดอกก็จะลงมาถึงมือเองราวกับรู้ใจ

หากว่าไม่สามารถรับทันดอกปาริชาตนั้นได้ดอกนั้นก็จะลอยละล่องอยู่บนอากาศ มิได้ตกถึงพื้นจนกว่าจะมีเทวดาผู้ต้องการยื่นมือมารับ

และภายใต้ร่มปาริชาต จะมีแท่นศิลาอันหนึ่งชื่อว่า บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ มีสีแดงดังดอกชบาและอ่อนนุ่มดังฟูกทิพย์ ขณะที่พระอินทร์นั่งบนแผ่นศิลานี้จะอ่อนยุบลงเหมือนนั่งบนปุยนุ่น

ปาริชาตนั้นไม่ใช่ดอกไม้ธรรมดา แต่มีความงามที่อัศจรรย์ ถึงขนาดพระพุทธเจ้าทรงเปรียบเทียบกับพุทธสาวกของพระองค์เลยทีเดียว โดยพระพุทธองค์ตรัสว่า

“สมัยใด อริยสาวกคิดออกบวชเป็นบรรพชิต สมัยนั้นอริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตต์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ มีใบเหลือง
สมัยใด อริยสาวกปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกบวชเป็นบรรพชิต สมัยนั้นอริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตต์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ ผลัดใบใหม่

สมัยใด อริยสาวกสงัดจากกามและอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติ และสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตต์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ ผลิดอกออกใบ

สมัยใด อริยสาวกบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตต์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เป็นดอกออกใบ

สมัยใด อริยสาวกมีอุเบกขา สติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกายเพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยเจ้าสรรเสริญว่าผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตต์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ เป็นดอกตูม
สมัยใด อริยสาวกบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุขเพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ เสียได้ มีอุเบกขา สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตต์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เริ่มแย้ม

สมัยใด อริยสาวกทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่สมัยนั้นอริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตต์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์บานเต็มที่...”

เดือน ม.ค.นี้ถือเป็นเดือนที่ปาริชาตเริ่มออกดอกแล้ว ว่าแต่ใครก็อย่าไปรอดมกลิ่นเพื่อหวังจะระลึกชาติได้เลยเพราะจะระลึกชาติได้ก็แต่เทวดาเท่านั้น

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ โดย..อ.ตุ้ย วรธรรม 29 มกราคม 2555 เวลา 10:50 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...