วันนี้ลองยกเรื่องเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ (Invention) และนวัตกรรม (Innovation) นักประดิษฐ์ไทยเก่งๆ เยอะ...คิดได้ ประดิษฐ์ได้ แล้วทำได้ดีจนได้รางวัลระดับโลกมาให้เห็นกันบ่อยๆ เสียด้วย...แต่ประดิษฐ์มาแล้ว จะให้เป็นนวัตกรรมได้นั้น ต้องมีคนเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ นวัตกรรมจึงไม่ใช่เพียงการประดิษฐ์ แต่หากรวมถึงกระบวนการที่นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ด้วย คำถามคือ ใครจะช่วย “นักประดิษฐ์” ทำ “การตลาด”?...ตรงนี้ดูเหมือนเป็นสิ่งที่เราขาดหายไป
ประเทศเราพัฒนากันแบบ 1 2 3 4 ...เราเชื่อกันมานานว่า การพัฒนานวัตกรรมต้องเริ่มจาก
- ทำวิจัย
- พัฒนาผลิตภัณฑ์
- สร้างผลิตภัณฑ์ และจึง
- นำผลิตภัณฑ์ไปใช้ประโยชน์หรือไปขาย (ทำการตลาด)
ในทางกลับกัน ดูตอนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีก่อน (2554) เราไม่เห็นว่านักประดิษฐ์พื้นบ้านเขาต้องไปทำวิจัยอะไรกันเลย...
เขาเห็นคนเป็นห่วงรถกลัวโดนน้ำท่วม ก็เอาพลาสติกมาห่อรถ เขาเห็นรองเท้าบู๊ทใช้ไม่ได้เพราะน้ำท่วมสูง ก็ผลิตกางเกงแก้ว...แน่นอน พลาสติกที่ห่อรถอาจทำให้รถลอยไปกับน้ำบ้าง หรือห่อแล้วอาจจะรั่วบ้างเพราะไม่ได้วิจัยผลิตภัณฑ์มาเป็นอย่างดี แต่พลาสติกก็ขายออก กางเกงแก้วก็ขายออก สรุปแล้วเราควรเอาความต้องการผู้ใช้นำ แบบตอนน้ำท่วม หรือควรเอาหลักการนำ โดยทำวิจัยก่อนกันแน่?
กระบวนการพัฒนานวัตกรรมสมัยใหม่ที่ฝรั่งเขาคิดกัน และเขียนไว้ในบทความเรื่อง “Knowledge-based Economy” ของ OECD ตั้งแต่ปี 1996 ซึ่งเรียกแนวคิดนี้ว่า “Chain-link model of innovation” เขาบอกว่า จะพัฒนานวัฒกรรมไม่ใช่ว่าต้องเอาการวิจัยมาก่อน แล้วเอาการขายไว้สุดท้ายเหมือนกระบวนการ 1 2 3 4 (Linear model of innovation) แต่กลับกัน ที่ถูกต้องกลายเป็นว่า ก่อนจะเริ่มทำวิจัย (เบอร์ 1) หรือทำอะไรลงไป ต้องดูความต้องการของตลาด (เบอร์ 4) “ก่อน” ว่าตอนนี้ตลาดต้องการอะไร...แน่นอน การคิดว่าผู้ใช้ต้องการอะไรแล้วค่อยมาวิจัยอาจจะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาในรุ่นแรกๆ ต้องมีการแก้ไขบ้าง เราถึงเห็น iPad1 iPad2 กันเป็นตัวอย่างยังไงล่ะ ถ้า iPad2 ไม่พัฒนาให้ดีกว่า iPad1 แล้วจะมีใครซื้อ iPad2 ล่ะ
Global Innovation Index เป็นดัชนีที่ใช้วัดระดับนวัตกรรมของประเทศ จัดทำโดย The Business School for the World (INSEAD) ก็ยืนยันประเทศไทยว่าเรามีการพัฒนานวัตกรรมกลับหัวกลับหางจริงๆ ปี 2011 ที่ผ่านมา ดัชนีนี้เราอยู่ที่อันดับ 48 จาก 125 ประเทศ ไส้ในดัชนีนี้ชี้ให้เห็นประเด็นน่าสนใจได้แก่
- รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่เอกชนต้องพึ่งตนเอง (สภาพแวดล้อมทางการเมืองเราได้อันดับ 97 การศึกษาเราได้อันดับ 94 ส่งเสริมการวิจัยได้อันดับ 83 ในขณะที่การให้การศึกษาคนงานเราอยู่ที่ 39 การถ่ายทอดความรู้กันเองได้ที่ 33 การดูดซับความรู้กันเองได้ที่ 10 เป็นต้น)
- ประเทศเราคิด ประดิษฐ์ได้ แต่เอาไปใช้งานไม่ได้ (การสร้างสรรค์งานเชิงนามธรรม พวกทฤษฎีอะไรทำนองนี้ เราได้ที่ 41 ในขณะที่การนำความรู้ไปใช้ให้เกิดผลเราได้ที่ 73 เป็นต้น)
แหล่งที่มา เว็บไซต์คมชัดลึก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น