วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ในที่สุดเราก็ผ่านมันมาได้แล้ว

"...ในที่สุดเราก็ผ่านมันมาได้แล้ว"

นึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาได้
ยังจำภาพเหล่านั้นได้ เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน...

ภาพเพื่อนๆ ที่เรียนจบมาด้วยกัน มาเที่ยวหาที่บ้าน
แต่ละคนขับรถคันละเป็นล้าน
ส่วนเรามีจักรยานแค่คันเดียว

ภาพหิ้วสินค้าไปขายตามบ้านเพื่อน
อิจฉาปนไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงร่ำรวย
อยู่บ้านราคาหลายล้าน
ทั้งที่ตอนสมัยเรียนมันก็เกเร ไม่เห็นตั้งใจเรียนด้วยซ้ำ
ในขณะที่เด็กเรียนดี กำลังล่มจมในอาชีพ

ภาพตะโกนใส่แม่ ผ่านหูโทรศัพท์
"รู้มั้ยว่าที่ทำงานหนักน่ะ ก็เพราะไม่มีเงินแล้ว! เข้าใจกันบ้างสิ!"

..วันนี้ ผ่านมันมาได้แล้ว

เงินทองมีให้ใช้สบายๆ ประสบความสำเร็จในอาชีพ
มีบ้าน มีรถขับ มีคนนับหน้าถือตา

ช่วงหลุมดำของชีวิตในวันนั้น สีมันซีดจางลงไปหมดแล้ว
นานๆ นึกได้ที ก็ยังเหลือเชื่อว่า ข้ามผ่านมันมาได้อย่างไร

แต่ถ้าจะให้คิดย้อนกลับไป ว่าผ่านมันมาได้อย่างไร
เผื่อคนที่กำลังอยู่ในหลุมดำ จะได้เอาไปปรับใช้
คิดว่ามีอยู่ 2 ทัศนคติ ที่ทำให้กลับขึ้นมาได้

ข้อแรก "จงมองเห็นและขอบคุณสิ่งที่มี"
คนที่กำลังเผชิญกับปัญหาชีวิต มักจะมองเห็นแต่สิ่งที่ไม่มี
ช่วงนั้นก็เป็นแบบนั้น เฝ้ามองความสำเร็จของเพื่อน
ไฟอิจฉาร้อนในอก คิดว่าโลกไม่ยุติธรรม ทำไมต้องเป็นกู

ข้อสอง "ชีวิตคือหนังเรื่องยาว ดูกันยาวๆ"
ถ้าวันนี้ฝนตก ก็ไม่ได้แปลว่าพรุ่งนี้ฝนจะต้องตกตลอดไป
ถ้าวันนั้น ยอมแพ้ไปก่อน
โลกนี้อาจจะได้พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวรถเข็นธรรมดาๆ คนนึง
แทนที่จะได้นักเขียนที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน
เพราะช่วงนั้น  ท้อแท้ในอาชีพจนอยากไปขายก๋วยเตี๋ยว

วันนี้อาจยังไม่ใช่วันของเรา
สิ่งที่ต้องทำก็คือต้องอดทน พัฒนาฝึกฝนตัวเองต่อไป
แล้ววันของเราก็จะมาถึงในที่สุด

สรุปก็คือ
มองเห็นค่าในสิ่งที่มีอยู่ ขอบคุณทุกวัน
อย่าเปรียบเทียบ จงยินดีกับความสำเร็จของคนอื่น

จากนั้น สู้ต่อไป ขอแค่อย่ายอมแพ้ไปก่อนก็พอ
แล้วในที่สุด คุณก็จะผ่านมันไปได้เหมือนเช่นกัน
เป็นกำลังใจให้หัวใจนักสู้ทุกดวง

แหล่งที่มา     Facebook : Boy's Thought

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...