วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

ชีวิตมีหลายตัวเลือก

เราให้ความสำคัญกับการสอบเข้ามหาลัย "มากเกินไป"
ย้ำว่ามากเกินไปนะ

ไม่ได้หมายถึงเราไม่ต้องให้ความสำคัญเลย
ดูเหมือนการสอบเข้ามหาลัยได้
(สมัยก่อนเรียนเอนท์ติด สมัยนี้ไม่รู้เรียกว่าอะไร)

จะถูกจัดวางให้เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของชีวิต
ใครสอบเข้ามหาลัยดัง ๆ ได้ก็เหมือนชีวิตนี้ "รอดแล้วกู"
แต่มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ หรือเปล่า ?

เราก็รู้อยู่ว่าคนจำนวนนึงจบมา ไม่มีงานทำ
หรือมีงานทำ ก็รับเงินเดือนแค่พอใช้เดือนชนเดือน
แบบนี้ไม่น่าจะเรียกว่ารอด เรียกว่าร่อแร่มากกว่า

เราน่าจะต้องตั้งคำถามเรื่องนี้ว่า
เราจริงจังกับการสอบเข้า มากเกินไป
โดยละทิ้งชีวิตหลังเรียนจบไปหรือเปล่า?

เราต้องช่วยกันมีคำตอบที่แตกต่างออกไปบ้าง
น้อง ๆ ที่ศึกษาอยู่จะได้รู้ว่าชีวิตมีหลายตัวเลือก

เมื่อก่อนอาจใช่ที่ชีวิตมีคำตอบเดียว
คือ ถ้าเอนท์ติดมหาลัยดัง คณะดี ก็มีงานดีเงินดีรออยู่
แต่นั่นเท่ากับชุดคำตอบมีชุดเดียวคือ
"จบแล้วจงมาเป็นลูกจ้างที่ดี"

ไม่ได้บอกว่าคนเป็นลูกจ้างไม่มีเกียรติ
แต่เราน่าจะบอกเยาวชนว่าชีวิตนี้มีทางเลือกอื่น ๆ อีกมากมาย
ไม่จำเป็นต้องจบมาเพื่อเอาวุฒิมาแย่งกันสมัครงาน
ตั้งแต่รับงานอิสระ เป็นผู้เชี่ยวชาญสักเรื่อง
หรือทำธุรกิจออนไลน์ด้วยตัวเอง

สิ่งที่คิดว่าเราต้องให้ความสำคัญเพิ่มเติม
นอกจากบ้าคลั่งการสอบเข้าราวกับอยู่ในสนามรบก็คือ
"ตอนอยู่ในรั้วมหาลัย ลูกหลานเราจะฝึกทักษะอะไรเอาไว้ติดตัวดี?"

ฝึกเล่นดนตรี ฝึกวาดรูป ฝึกลงทุนหุ้น
ฝึกขายของออนไลน์ ตลาดนัด
ฝึกเขียนโปรแกรม ฝึกเป็นลูกจ้างในร้านกาแฟ ฯลฯ

ประเด็นคือเด็กมหาลัยนั้นยังเข้าใจว่าเขามีหน้าที่เรียนเท่านั้น
พอเรียนเสร็จ แปลว่าว่าง ว่างแปลว่างั้นก็เที่ยวเล่นดูหนังฟังเพลง
ทั้งที่ช่วงวัยนี้เป็นรอยต่อของชีวิตที่สำคัญมาก ๆ
มันไม่ใช่ช่วงกิน เที่ยว เล่น ชีวิตใช้ซะ

แต่มันคือช่วงเวลาของการก่อร่างสร้างฝัน
คนที่นั่งโต๊ะติดกันในคาบนี้
คนที่อยู่ห้องเรียนเดียวกันในปีนี้

อีก 10-20 ปีข้างหน้า จะมีชีวิตที่แตกต่างกันสิ้นเชิง
และคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นสำเร็จในชีวิตวันนี้
ในวัยเรียน เขาก็ทำอะไรบางอย่างที่มากกว่าการเรียน

อนาคต การเรียนในรั้วมหาลัยจะเป็นแค่มาตรฐานที่ใคร ๆ เค้าก็มีกัน
ไม่ได้เป็นแต้มต่อแต่อย่างใด
ความสำคัญจึงอยู่ที่ "เรามีทักษะอะไร ที่คนอื่นไม่มี?"

การมุ่งความสำคัญไปที่ต้องสอบเข้าให้ได้
ถ้าติดแล้วชีวิตรอดแล้วกู
จึงไม่ต่างอะไรกับนิทานเด็ก ๆ ที่บอกว่า
หลังจากนั้นเจ้าชายกับเจ้าหญิงก็แต่งงานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป

ทั้งที่จริง ชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
ใช่น้อง! ชีวิตจริงมันเพิ่งเริ่มเมื่อน้องเรียนจบ
ไม่เชื่อถามรุ่นพี่ที่เรียนจบมาแล้วสิ
สะบักสะบอมกันถ้วนหน้ากว่าจะมีวันนี้ 555+

แหล่งที่มา    Facebook : Boy's Thought

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...