วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

วาทะเพื่อเด็กที่ผู้ปกครองไม่ควรพลาดของ "ศ.นพ.ประเวศ วะสี"

ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ "ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี" ซึ่งกล่าวไว้ในหนังสือ "รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว" ฉบับที่พิมพ์เผยแพร่โดยมูลนิธิเอสซีจี (ภายใต้ลิขสิทธิ์ของมูลนิธิหมอชาวบ้าน) เอาไว้อย่างน่าฟัง
     
       "นายมาซารุ อิบุกะผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้บุกบั่นสร้างบริษัทโซนี่ขึ้นมา เมื่อร่ำรวยขึ้นมาแล้ว แทนที่จะไปเสพสุขในกองเงินกองทอง กลับให้ความสนใจแก่การสร้างสรรค์เด็กเล็กๆ ให้เฉลียวฉลาด และเป็นคนดี นี่แหละญี่ปุ่น ญี่ปุ่นซึ่งขณะนี้ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีคนฉลาดมากที่สุดในโลก"
      
       "ข้อใหญ่ใจความที่หนังสือเล่มนี้สื่อไปถึงผู้อ่านคือ เด็กที่เกิดมาแล้วถูกทอดทิ้ง ใยประสาทของเซลล์สมองจะเกิดน้อย ทำให้โง่ เรียนได้ช้า ทำอะไรไม่ค่อยเป็น เฉื่อยชา ขาดเหตุผล แต่เด็กที่ได้รับการกระตุ้นทางตา หู จมูก ลิ้น และกายให้ได้เห็น ให้ได้กลิ่น ให้ได้ยิน ให้ได้รส ให้ได้สัมผัส ตั้งแต่เกิดมาใหม่ๆ โดยเฉพาะความรักจากแม่ จะช่วยให้ใยประสาทของเซลล์สมองงอกงาม เกิดความฉลาด เรียนรู้ได้ง่าย มีชีวิตชีวา รู้เหตุรู้ผล อันจะช่วยเป็นรากฐานให้ประเทศสามารถพัฒนาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป
      
       ประเทศไทยมีปัญหาทางสังคมมากมายหลายอย่าง จนดูกันไม่ค่อยออกว่าจะจับจุดแก้กันตรงไหน ที่เห็นได้เด่นชัดอย่างหนึ่งคือ ประเทศไทยมีความสนใจที่จะพัฒนาส่วนที่เป็นวัตถุมาก แต่ความสนใจที่จะพัฒนาคนนั้นมีน้อย เมื่อได้รับอารยธรรมของฝรั่งก็ได้ส่วนที่เป็นวัตถุของฝรั่งมา ส่วนการพัฒนาคนที่อยู่เบื้องหลังวัตถุนั้นเราให้ความสนใจน้อยหรือมองไม่เห็น แม้เรื่องศาสนาที่เป็นของดั้งเดิมของเรา เราก็สนใจเรื่องสร้างโบสถ์ สร้างพระพุทธรูป สร้างเจดีย์ สร้างหอระฆัง สร้างมงคลวัตถุ ยิ่งกว่าสร้างพระสงฆ์ หรือคนที่เก่งๆ ดีๆ
      
       กุญแจสำคัญของการพัฒนาของเราอยู่ที่การพัฒนาคน ถ้าเราพัฒนาคนให้ฉลาด สามารถเรียนรู้ คิดเป็น ทำเป็น และตั้งอยู่ในความดีได้นั่นแหละจึงจะแก้ไขปัญหาสังคมได้ ขณะนี้เรามีเด็กเกิดใหม่ปีละหนึ่งล้านคน เด็กหนึ่งล้านคน ไม่ว่าจะเป็นลูกคนจนหรือคนรวย เติบโตขึ้นตามบุญตามกรรม จนอายุมากพอก็ไปเข้าโรงเรียน ซึ่งเอาเป็นที่พึ่งได้น้อยในการพัฒนาสติปัญญา หวังว่าหนังสือจากญี่ปุ่นเล่มนี้จะเป็นเครื่องกระตุ้นเตือนให้เราคิดคำนึงถึงเด็ก ๆ อันเป็นทรัพยากรที่มีค่าของเราและลงมือทำอะไรที่จริงจังมากกว่าการให้ หรือการรอรับคำขวัญลมๆ แล้งๆ ปีละครั้ง"
      
       ในฐานะพ่อแม่ และคนไทย  เชื่อเหลือเกินว่า ทุกท่านย่อมรักและหวังดีกับลูกๆ รวมถึงเด็กคนอื่นๆ ในประเทศไม่มากก็น้อย หากวันนี้เราสามารถทำสิ่งดีๆ ให้เกิดกับเด็กได้ ก็เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนยอมเสียสละเพื่อลูก และเพื่อสิ่งที่เรียกว่า "อนาคตของชาติ" ได้เป็นแน่ ดังนั้น เราก็สามารถ "สร้างเด็ก" ให้เป็นคนดีได้ เหมือนดังที่คุณมาซารุ อิบุกะได้เขียนเอาไว้ในหนังสือรอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้วประโยคหนึ่งว่า
      
       "ไม่ว่าเด็กคนไหน ก็เลี้ยงให้ดีได้"
      

ประวัตินายมาซารุ อิบุกะ
      
       นายมาซารุ อิบุกะเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทโซนี่ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2451 ที่เมืองนิกโกะ จังหวัดโทชิงิ สำเร็จการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ เริ่มทำงานที่สำนักวิจัยด้านโฟโตเคมี ต่อมาในปี พ.ศ. 2489 ได้ก่อตั้งบริษัทโตเกียวทซูชินโคเงียว ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของบริษัทโซนี่ และเขาได้สร้างให้โซนี่มีชื่อเสียงกระจายไปทั่วโลกในที่สุด
      
       ต่อมาในปี พ.ศ. 2512 เขาได้ตั้งสมาคมเพื่อการพัฒนาเด็กเล็ก และเขียนหนังสือเรื่อง "รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว" ซึ่งหนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่นปี พ.ศ. 2514 จากนั้นก็ได้รับการตีพิมพ์อีกนับครั้งไม่ถ้วน
      
       ปัจจุบัน นายมาซารุ อิบุกะถึงแก่กรรมแล้ว แต่ชื่อเสียงของเขาในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทโซนี่ และผู้เขียนหนังสือเรื่อง "รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว" ยังขจรขยายต่อไป ในฐานะผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับพ่อแม่และผู้อ่านจำนวนมาก

แหล่งที่มา  เว็บไซต์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มกราคม 2555 18:07 น. ทีมงาน Life & Family

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...