วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2555

10 สถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ที่น่าไปเยือนในปี 2012

ทางเว็บไซต์ travel.nationalgeographic.com ได้รวบรวมเอาสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ที่น่าไปเยือนอย่างยิ่งในปี 2012 มาฝากให้ได้ทราบและได้ศึกษาไว้เป็นข้อมูลในการเดินทาง ซึ่งสถานที่ต่างๆ ที่ว่านั้น ก็ได้แก่..

ประเทศไอซ์แลนด์ (Iceland)
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศกลุ่มนอร์ดิกในยุโรปเหนือ ที่มีลักษณะเป็นเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีสภาพอากาศอันหนาวเย็นปกคลุมอยู่เสมอ ๆ นี่เองจึงทำให้ประเทศแห่งนี้มีประชากรอยู่ราว ๆ 300,000 คนเท่านั้น เพราะฉะนั้น จึงอาจจะบอกได้เลยว่าที่ไอซ์แลนด์จึงเป็นประเทศที่เงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวสูงทีเดียว
         

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ที่น่าไปเยือนมากๆ ก็มีมากมายหลายที่ เช่น พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ไวกิ้ง, โบสถ์คริสต์ฮาลล์กริมูร์ (Hallgrimskirkja), น้ำพุร้อนสต็อกเคอร์ (Strokkur), น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss), น้ำตกสกาฟทาเฟล (Skaftafell) และ บลูลากูน สถานที่อาบน้ำแร่และพอกโคลนภูเขาไฟ

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปรับความเย็นที่ไอซ์แลนด์ ก็ควรตรวจเช็คอากาศช่วงที่จะเดินทางให้พร้อม เพราะอากาศค่อนข้างหนาวเย็น โดยเฉพาะเดือนมกราคม จะมีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 0 องศาเซลเซียส ขณะที่เดือนกรกฎาคม จะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 11 องศาเซลเซียส

เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติป่าเขา และความงดงามของเกาะแก่งต่างๆ แล้ว "เกาะหลีเป๊ะ" จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่หนึ่งที่น่าไปเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจจริงๆ ทั้งนี้ จุดเด่นของเกาะหลีเป๊ะ คือ ความเป็นธรรมชาติของปะการังรอบเกาะ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม และหาดทรายที่มีความละเอียดมากๆ รวมถึงความเป็นธรรมชาติของปะการังรอบเกาะ และมีกิจกรรมทางน้ำไว้รอต้อนรับมากมาย เช่น การดำน้ำ ทั้งการดำผิวน้ำและการดำน้ำลึก ซึ่งความสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเล เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวที่นี่กันมากมาย


เมืองเดรสเดน ประเทศเยอรมนี (Dresden, Germany)
เมืองเดรสเดนถือเป็นเมืองที่เก่าแก่เมืองหนึ่งของโลกใบนี้ ซึ่งมีอายุอานามมานานหลายร้อยปีเข้าให้แล้ว ทั้งนี้ เมืองเดรสเดน ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ฟลอเรนซ์แห่งทางเหนือ" (Florence on the Elbe) เพราะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะแบบบาโรกซึ่งมีความสวยงามมาก ๆ ซึ่งหากใครทีชื่นชอบในศิลปะแบบนี้แล้วล่ะก็ สถานที่สำคัญๆ มากมายก็มีทั้ง ปราสาทสวิงเกอร์ (Zwinger) , โบสถ์ฮอฟเคียร์เช่อร์, โรงโอเปร่าแห่งเดรสเดน ที่รอบๆ อาคารประดับด้วยรูปปั้นนักร้องโอเปร่าที่มีชื่อเสียง และสถานที่อื่นๆ รอบๆ เมืองที่น่าสนใจอีกเพียบ


แคว้นอีสเทรีย ประเทศโครเอเชีย (Istria, Croatia)

เนื่องจากดินแดนแห่งนี้เคยได้รับการปกครองจากอาณาจักรโรมันมาก่อน เมืองต่างๆ โดยเฉพาะในเมืองพูล่า (Pula) เมืองที่เก่าแก่ที่สุดของแคว้นอีสเทรีย จึงมีสถาปัตยกรรมต่างๆ มากมายที่เป็นแบบกรีกโรมันทั้งสิ้น ทั้งนี้ สถานที่สำคัญๆ ที่ห้ามพลาดเลยเมื่อได้ไปเยือนที่นั้นก็มีทั้ง พูล่า อารีน่า (Pula Arena) โคลอสเซียมเก่าแก่ ซึ่งมีอายุมานานมากกว่า 2,000 ปีเข้าให้แล้ว ซึ่งที่อารีน่านี้ สามารถจุคนได้กว่า 23,000 คนเลยทีเดียว นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีที่อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ประตูชัยอาร์คเซอร์กี้ (Arch of the Sergii) และ โบสถ์ออกุสตัส (Augustus)

ประเทศโคลัมเบีย (Colombia)

สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นหน้าเป็นตาให้แก่ประเทศโคลัมเบียมาก ๆ ก็คือ อุทยานแห่งชาติไทโรน่า (Tayrona National Park) อุทยานแห่งชาติติดทะเลที่ได้รับการยอมรับว่า มีชายหาดงดงามมากที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และสิ่งสำคัญที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด คือการเช่าเปลยวนมานอนดูทะเลดาวตอนกลางคืนใต้ต้นปาล์ม ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศจากทะเลสดใส ให้เป็นทะเลสุดแสนโรแมนติกมากๆ เลยทีเดียว อีกทั้ง หากคุณอยากเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชนพื้นเมือง ที่นี่ก็มีไกด์ท้องถิ่นไว้บริการ โดยจะพาคุณไปชมวิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่รอบๆ อุทยานแห่งชาติอีกด้วย

ภูเขาไฟวิรุงก้า (Virunga Volcanoes)

ภูเขาไฟแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติวิรุงกา (Virunga National Park) และถือได้ว่าเป็นพื้นที่ภูเขาไฟซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มาก เพราะมีทั้ง น้ำพุร้อน, ธารน้ำแข็ง, พืชพรรณต่างๆ , ทุ่งหญ้าสะวันนา และป่าเขตร้อน อีกทั้งเป็นที่อยู่ของฝูงลิงกอริลลา, สุนัขป่า, ลิงชิมแฟนซี, สิงโต, ช้าง, และสัตว์ป่าอื่นๆ อีกมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับใครที่กังวลว่าภูเขาไฟจะเกิดการปะทุขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่ ก็ขอให้สบายใจได้ เพราะนี่เป็นภูเขาไฟที่ดับไปแล้วนั่นเอง

คอสต้า บราว่า (Costa Brava)

ไปเยี่ยมชมบรรยากาศของริมทะเลแบบชิลล์ๆ ตามสไตล์ลาตินในประเทศสเปนกันบ้าง เพราะที่ คอสต้า บราว่า นี้ คืออีกหนึ่งสถานที่ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีความสวยงามของทะเลรวมถึงสภาพอากาศที่กำลังดี เหมาะแก่การชิลล์มากๆ อย่างไรก็ดี นอกจากจะมีส่วนของชายหาดที่น่าไปเยือนแล้ว ที่นี่เองยังมีเทศกาลสวยๆ อย่างเทศกาลดอกไม้ "Temps de Flors" และหมู่บ้านชาวประมง "Calella de Palafrugell" ที่มีกิจกรรมตกปลาไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาตกปลากลับไปเป็นมื้ออาหารแสนอร่อยอีกด้วยนะเออ

หุบเขาโซโนม่า รัฐแคลิฟอร์เนีย (Sonoma, California)
หากใครอยากได้ความเป็นโรแมนติกแบบอบอุ่นๆ ผสมผสานไปกับบรรยากาศแบบชนบทแล้วล่ะก็ หุบเขาโซโนม่า คือคำตอบของสิ่งที่กำลังค้นหาอยู่ ที่นี่คือสถานที่โรแมนติกที่ควรค่าแก่การพาคนรักมาสวีทหวานกันมากที่สุด ทั้งนี้  ที่หุบเขานี้ยังมีไร่องุ่นสุดลูกหูลูกตา ไว้รอให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาชิมไวน์ที่มีอยู่กว่า 40 แห่งตามโรงงานต่าง ๆ มากมาย ได้อย่างรื่นรมย์อีกต่างหาก

มุสโกก้า รัฐออนตาริโอ้ (Muskoka, Ontario)
เดินทางไปกันต่อที่ รัฐออนตาริโอ้ ประเทศแคนาดา ที่นี่เป็นที่ตั้งของทะเลสาบอันเลื่องชื่อ "มุสโกก้า" (Muskoka) ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามไม่แพ้ทะเลสาบที่อื่น ๆ ทั่วโลก อีกทั้งยังมีน้ำตกสวย ๆ หมู่บ้านของผู้คนที่อบอุ่น ๆ และสถานที่สวย ๆ อื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งมาไปที่นี่แล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมที่อย่าได้พลาดเลยเชียว ก็คือการปาร์ตี้สังสรรค์กันริมทะเลสาบ ปิ้งบาร์บีคิวอร่อย ๆ หรือไม่ก็มานอนดูดาวท่ามกลางอากาศสบาย ๆ ในยามค่ำคืน ก็เข้าท่าอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน

ประเทศโอมาน (Oman)
ประเทศโอมาน ถือเป็นประเทศทางชายฝั่งทะเลอาหรับ ที่อาจจะบอกได้ว่ามีความสวยงามเหมือนในเทพนิยายอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งน่าค้นหาและน่าไปท่องเที่ยวอยู่พอสมควร เพราะจากนอกจะมีเสน่ห์ในความเป็นประเทศโลกอาหรับแล้ว ในเรื่องของความเจริญด้านต่างๆ ก็ยังได้รับการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากๆ เลยด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงมัสกัต (Muscat) เมืองหลวงของประเทศแห่งนี้ด้วยแล้ว ถือเป็นเมืองที่ได้รับการชมเชยจากกลุ่มประเทศอาหรับด้วยว่า เป็นเมืองที่มีความสะอาดที่สุด มีการจัดระเบียบต่างๆ ได้สวยงามมากที่สุด มีทัศนียภาพที่สวยงาม และเป็นเมืองที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมมากที่สุดอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตอน 37 ลาก่อนทองแดง

ตอน 36   อ่านตอนสามสิบหก เรื่อง "ลาก่อนพ่อสิงโต...พ่อหมาใจดี...." ได้ที่นี่ ทองแดงเริ่มไม่ทานข้าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ช่วงนั...